ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ****มีรางวัลให้ครับ****มีความเห็นอย่างไรกับเหรียญเลื่อนฯ อาจารย์นองเหรียญนี้บ้างครับ



(D)


เชิญเพื่อนๆมาพิสูจน์สายตาร่วมสนุกกันครับ
หากใครให้ความเห็นโดนใจที่สุด
ตัวอย่าง เหรียญแท้หรือเก้ อย่างไร เนื้ออะไร มีข้อมูลอธิบายได้มากแค่ใหน ของใครใกล้เคียงความจริงที่สุด

อันดับหนึ่ง.....เหรียญหัวโต รุ่นสร้างวิหารเนื้อทองทิพย์ และเนื้อทองแดง รวม 1 คู่

อันดับสอง....เหรียญหัวโต รุ่นสร้างวิหารเนื้อทองทิพย์ 1 เหรียญ

อันดับสาม....เหรียญหัวโต รุ่นสร้างวิหารเนื้อทองแดง 1 เหรียญ

หมดเขต เวลา 21.00 น.ของวันที่ 12 Mar 2008

เชิญชมและวิจารณ์กันได้เลยครับ ณ.บัดนี้

โดยคุณ aumphorn (771)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 21:07 น.]



โดยคุณ aumphorn (771)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 21:11 น.] #249201 (1/43)
หมายเหตุ...กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาโชว์เพื่อปั่นราคา แต่เจตนาโชว์เพื่อให้เพื่อนๆได้ศึกษาหาความรู้ และได้ร่วมสนุกกันครับ

โดยคุณ pusit (1.7K)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 21:28 น.] #249209 (2/43)
@@@@ผมดูไม่เป็นครับ....ขอเข้ามาศึกษาด้วยคนครับท่านaumphorn@@@

โดยคุณ aumphorn (771)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 21:31 น.] #249215 (3/43)
สักนิดก็ดีนะครับ อ.ภู

โดยคุณ highway (1.3K)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 21:50 น.] #249237 (4/43)
ได้แต่ดูวิเคราะห์ไม่เป็นเพราะไม่มีความรู้คร๊าบ

โดยคุณ pusit (1.7K)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 21:56 น.] #249242 (5/43)
@@@ท่านaumphornชีวิตผมดูพระไม่เป็นจริงๆครับ...ผมจะดูด้านพุทธศิลป์...ความเป็นศิลปะครับ....หลวงปู่ทวดงดงามใบหน้าเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา...ลีลา(เส้น)อ่อนช้อย..แต่แฝงไว้ด้วยความเข้มขลัง....สง่างาม...หนักแน่นครับ.....ท่านอาจารย์ทิมเข้มดุดัน....ลีลา(เส้น)หนักแน่น..แฝงด้วยความแข็งแกร่ง....เปรียบเหมือน...นักมวยบู๊บุกต่อยได้ตลอด5ยกครับ.....ผมวิจารย์ตามสไตล์ศิลปะครับ..ไม่ไช่สไตล์เซียนพระครับ....ยังไงกราบขออภัยนะครับ....ผมดูพระไม่เป็นครับ....โดยความเคารพอย่างสูง@@@@

โดยคุณ aumphorn (771)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 21:54 น.] #249243 (6/43)
ณ.ตอนนี้ อ.ภูษิต ได้อันดับหนึ่ง
............คุณ highway ได้อันดับสอง

โดยคุณ pusit (1.7K)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 22:05 น.] #249249 (7/43)
@@@ท่านaumphornอย่าเอาผมไปสู้กับพวกพี่ๆเลยครับ(ผมอายุจะมากกว่า..แต่เรื่องพระผมเป็นรุ่นน้องครับ)ผมนับถือทุกคนครับ...ขอศึกษาจากพวกพี่ๆ(แต่รุนน้องครับ)ดีกว่าครับ@@@

โดยคุณ highwaystar (21)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 22:10 น.] #249254 (8/43)


(D)
คัดลอกจาก http://www.manager.co.th

สมเด็จเจ้าพะโคะหรือหลวงพ่อทวด เป็นที่รู้จักของชาวไทยทุกภูมิภาคในฐานะพระศักดิ์สิทธิ์ที่มีอิทธิปาฏิหาริย์และอภิญญาแก่กล้าจนได้สมญาว่า "หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" ประวัติอันพิสดารของท่านมีเล่าสืบกันมาไม่รู้จบสิ้น ยิ่งนานวันยิ่งซับซ้อนและขยายวงกว้างออกไปกลายเป็นความเชื่อความศรัทธาอย่างฝังใจ

หลวงพ่อทวดเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ เรื่องราวต่อไปนี้ผู้เขียนได้รวบรวมจากหนังสืออ้างอิงหลายเล่มทั้งที่เป็นตำนานหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หนังสือและเอกสารต่างๆ พอจะให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่า หลวงพ่อทวดคือใคร เกิดในสมัยใดและได้สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและพระศาสนาไว้อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นคติเตือนใจแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป

ทารกอัศจรรย์

เมื่อประมาณสี่ร้อยปีที่ผ่านมาในตอนปลายรัชสมัยของพระมหาธรรมราชา แห่งกรุงศรีอยุธยา ณ หมู่บ้านสวนจันทร์ ตำบลชุมพล เมืองจะทิ้งพระตรงกับวันศุกร์ เดือนสี่ ปีมะโรง พุทธศักราช 2125 ได้มีทารกเพศชายผู้หนึ่งถือกำเนิดจากครอบครัวเล็กๆ ฐานะยากจนแร้นแค้น แต่มีจิตอันเป็นกุศล ชอบทำบุญสุนทานยึดมั่นในศีลธรรมอันดี ปราศจากการเบียดเบียนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ทารกน้อยผู้นี้มีนายว่า "ปู" เป็นบุตรของนายหู นางจันทร์ ในขณะเยาว์วัย ทารกผู้นั้นยังความอัศจรรย์ให้แก่บิดามารดาตลอดจนญาติพี่น้องทั้งหลาย ด้วยอยู่มาวันหนึ่งมีงูตระบองสลาตัวใหญ่มาขดพันอยู่รอบเปลที่ทารกน้อยนอนหลับอยู่ และงูใหญ่ตัวนั้นไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้เปลที่ทารกน้อยนอนอยู่เลย จนกระทั่งบิดามารดาของเด็กเกิดความสงสัยว่า พญางูตัวนั้นน่าจะเป็นเทพยดาแปลงมาเพื่อให้เห็นเป็นอัศจรรย์ในบารมีของลูกเราเป็นแน่แท้ จึงรีบหาข้าวตอกดอกไม้และธูปเทียนมาบูชาสักการะ งูใหญ่จึงคลายลำตัวออกจากเปลน้อย เลื้อยหายไป ต่อมาเมื่อพญางูจากไปแล้ว บิดามารดาทั้งญาติต่างพากันมาที่เปลด้วยความห่วงใยทารก ก็ปรากฏว่าเด็กชายปูยังคงนอนหลับอยู่เป็นปกติ แต่เหนือทรวงอกของทารกกลับมีดวงแก้วดวงหนึ่งมีแสงรุ่งเรืองเป็นรัศมีหลากสี ตาหู นางจันทร์จึงเก็บรักษาไว้ นับแต่บัดนั้นฐานะความเป็นอยู่การทำมาหากินก็จำเริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับอยู่สุขสบายตลอดมา

สามีราโม

เมื่อกาลล่วงมานานจนเด็กชายปูอายุได้เจ็ดขวบ บิดาได้นำไปฝากสมภารจวง วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือเด็กชายปูมีความเฉลียวฉลาดมาก สามารถเรียนหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว ครั้นอายุได้ 15 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณรและบิดาได้มอบแก้ววิเศษไว้เป็นของประจำตัว ต่อมาสามเณรปูได้ไปศึกษาต่อกับสมเด็จพระชินเสน ที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) ครั้นอายุครบอุปสมบทจึงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราช ณ สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี ได้ทำการอุปสมบทมีฉายาว่า "ราโม ธมฺมิโก" แต่คนทั่วไปเรียกท่านว่า "เจ้าสามีราม" หรือ "เจ้าสามีราโม" เจ้าสามีรามได้ศึกษาอยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง และวัดอื่นๆ อีกหลายวัด เมื่อเห็นว่าการศึกษาที่นครศรีธรรมราชเพียงพอแล้วจึงขอโดยสารเรือสำเภาเดินทางไปกรุงศรีอยุธยา ขณะเดินทางถึงเมืองชุมพร เกิดคลื่นทะเลปั่นป่วน เรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ต้องทอดสมออยู่ถึงเจ็ดวัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำหมดบรรดาลูกเรือตั้งข้อสงสัยว่าการที่เกิดเหตุอาเพศในครั้งนี้เพราะเจ้าสามีราม จึงตกลงใจให้ส่งเจ้าสามีรามขึ้นเกาะและได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงเรือมาด ขณะที่นั่งอยู่ในเรือมาดนั้น ท่านได้ห้อยเท้าแช่ลงไปในทะเลก็บังเกิดอัศจรรย์น้ำทะเลบริเวณนั้นเป็นประกายแวววาวโชติช่วง

เจ้าสามีรามจึงบอกให้ลูกเรือตักน้ำขึ้นมาดื่มก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืด จึงช่วยกันตักไว้จนเพียงพอ นายสำเภาจึงนิมนต์ให้ท่านขึ้นสำเภาอีก และตั้งแต่นั้นมาเจ้าสามีรามก็เป็นชีต้นหรืออาจารย์สืบมา

เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยา ก็ได้ไปพำนักอยู่ที่วัดแค ศึกษาธรรมะที่ วัดลุมพลีนาวาส ต่อมาได้ไปพำนักอยู่ที่วัดของสมเด็จพระสังฆราช ได้ศึกษาธรรมและภาษาบาลี ณ ที่นั้นจนเชี่ยวชาญจึงทูลลาสมเด็จพระสังฆราชไปจำพรรษาที่วัดราชนุวาส เมื่อประมาณ พ.ศ. 2149 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ

รบด้วยปัญญา

กระทั่งวันหนึ่งถึงกาลเวลาที่ชื่อเสียงของหลวงพ่อทวดหรือเจ้าสามีรามจะระบือลือลั่นไปทั่วกรุงสยาม จึงได้มีเหตุพิสดารอุบัติขึ้นในรัชสมัยของพระเอกาทศรถ กล่าวคือ สมัยนั้นพระเจ้าวัฏฏะคามินี แห่งประเทศลังกา ซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรแหลมทองทางภาคใต้ คิดแก้มือด้วยการท้าพนันแปลธรรมะ และต้องการจะแผ่พระบรมเดชานุภาพมาทางแหลมทอง ใคร่จะได้กรุงศรีอยุธยามาเป็นประเทศราช แต่พระองค์ไม่ปรารถนาให้เกิดศึกสงครามเสียชีวิตแก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย จึงทรงวางแผนการเมืองด้วยสันติวิธี คิดหาทางรวบรัดเอากรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองขึ้นด้วยสติปัญญาเป็นสำคัญ เมื่อคิดได้ดังนั้น พระเจ้ากรุงลังกาจึงมีพระบรมราชโองการสั่งให้พนักงาน ท้องพระคลังเบิกจ่ายทองคำบริสุทธิ์แล้วให้ช่างทองประจำราชสำนักไปหล่อ ทองคำเหล่านั้นให้เป็นตัวอักษรบาลีเล็กเท่าใบมะขาม ตามพระอภิธรรมทั้งเจ็ดคัมภีร์ จำนวน 84,000 ตัว จากนั้นก็ทรงรับสั่งให้พราหมณ์ผู้เฒ่าอันมีฐานะเทียบเท่าปุโรหิตจำนวนเจ็ดท่านคุมเรืองสำเภาเจ็ดลำบรรทุกเสื้อผ้าแพรพรรณ และของมีค่าออกเดินทางมายังกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับปริศนาธรรมของพระองค์

เมื่อพราหมณ์ทั้งเจ็ดเดินทางลุล่วงมาถึงกรุงสยามแล้วก็เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นของกษัตริย์ตนแก่พระเจ้าเอกาทศรถ มีใจความในพระราชสาส์นว่า

พระเจ้ากรุงลังกาขอท้าให้พระเจ้ากรุงสยามทรงแปลและเรียบเรียงเมล็ดทองคำตามลำดับให้เสร็จภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับพระราชสาส์นนี้เป็นต้นไป ถ้าทรงกระทำไม่สำเร็จตามสัญญาก็จะยึดกรุงศรีอยุธยาให้อยู่ใต้พระบรมเดชานุภาพของพระองค์ และทางกรุงสยามจะต้องส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองอีกทั้งเครื่องราชบรรณาการแก่กรุงลังกาตลอดไปทุกๆ ปีเยี่ยงประเทศราชทั้งหลาย

พระสุบินนิมิต

เมื่อพระเอกาทศรถทรงทราบความ ดังนั้น จึงมีพระบรมราชโองการให้สังฆการีเขียนประกาศนิมนต์พระราชาคณะและพระเถระทั่วพระมหานคร ให้กระทำหน้าที่เรียบเรียงและแปลตัวอักษรทองคำในครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีท่านผู้ใดสามารถเรียบเรียงและแปลอักษรทองคำในครั้งนี้ได้จนกาลเวลาลุล่วงผ่านไปได้หกวัน ยังความปริวิตกแก่พระองค์และไพร่ฟ้าประชาชนต่างพากันโจษขานถึงเรื่องนี้ให้อื้ออึงไปหมด

ครั้นราตรีกาลยามหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้าพระบรรทมทรงสุบินว่า ได้มีพระยาช้างเผือกลักษณะบริบูรณ์เฉกเช่นพระยาคชสารเชือกหนึ่ง ผายผันมาจากทางทิศตะวันตก เยื้องย่างเข้ามาในพระราชนิเวศน์แล้วก้าวเข้าไปยืนผงาดตระหง่านบนพระแท่นพลางเปล่งเสียงโกญจนาทกึกก้องไปทั่วทั้งสี่ทิศ เสียงที่โกญจนาทด้วยอำนาจของพระยาคชสารเชือกนั้นยังให้พระองค์ทรงสะดุ้งตื่นจากพระบรรทม

รุ่งเช้าเมื่อพระองค์เสด็จออกว่าราชการ ได้ทรงรับสั่งถึงพระสุบินนิมิตประหลาดให้โหรหลวงฟังและได้รับการกราบถวายบังคมทูลว่า เรื่องนี้หมายถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์และพระบรมเดชานุภาพจะแผ่ไพศาลไปทั่วสารทิศเป็นที่เกรงขามแก่อริราชทั้งปวง ทั้งจะมีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งจากทางทิศตะวันตก มาช่วยขันอาสาแปลและเรียบเรียงตัวอักษรทองคำปริศนาได้สำเร็จ พระเจ้าอยู่หัวได้ฟังดังนั้นจึงค่อยเบาพระทัย และรับสั่งให้ข้าราชบริพารทั้งมวลออกตามหาพระภิกษุรูปนั้นทันที

อักษรเจ็ดตัว

ต่อมาสังฆการีได้พยายามเสาะแสวงหาจนไปพบ "เจ้าสามีราม" ที่วัดราชานุวาส และเมื่อได้ไต่ถามได้ความว่าท่านมาจากเมืองตะลุง (พัทลุงในปัจจุบัน) เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย สังฆการี จึงเล่าความตามเป็นจริงให้เจ้าสามีรามฟังทั้งได้อ้างตอนท้ายว่า "เห็นจะมีท่านองค์เดียวที่ตรงกับพระสุบินของพระเจ้าอยู่หัว จึงใคร่ขอนิมนต์ให้ไปช่วยแก้ไขในเรื่องร้ายดังกล่าวให้กลายเป็นดี ณ โอกาสนี้" ครั้นแล้วเจ้าสามีรามก็ตามสังฆการีไปยังที่ประชุมสงฆ์ ณ ท้องพระโรง พระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้พนักงานปูพรมให้ท่านนั่งในที่อันควร พราหมณ์ทั้งเจ็ดคนได้ประมาทเจ้าสามีรามโดยว่า เอาเด็กสอนคลานมาให้แก้ปริศนา เจ้าสามีรามก็แก้คำพราหมณ์ว่า กุมารเมื่ออกมาแต่ครรภ์พระมารดา กี่เดือนกี่วันจึงรู้คว่ำ กี่เดือนกี่วันจึงรู้นั่ง กี่เดือนกี่วันจึงรู้คลาน จะว่ารู้คว่ำแก่ หรือจะว่ารู้นั่งแก่ หรือจะว่ารู้คลานแก่ ทำไมจึงว่าเราจะแก้ปริศนาธรรมมิได้ พราหมณ์ก็นิ่งไปไม่สามารถตอบคำถามท่านได้ จากนั้นจึงรีบนำบาตรใส่อักษรทองคำเข้าไปประเคนแก่เจ้าสามีราม

ท่านรับประเคนมาจากมือพราหมณ์แล้วนั่งสงบจิตอธิษฐานว่า "ขออำนาจคุณบิดามารดาครูบาอาจารย์และอำนาจผลบุญกุศลที่ได้สร้างมาแต่ปางก่อนและอำนาจเทพยดาที่รักษาพระนครตลอดถึงเทวดาอารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครั้งนี้อาตมาจะแปลพระธรรมช่วยกู้บ้านกู้เมือง ขอให้ช่วยดลบันดาลจิตใจให้สว่างแจ้งขจัดอุปสรรคที่จะมาขัดขวาง ขอให้แปลพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าสำเร็จสมปรารถนาเถิด" ท่านรับประเคนมาจากมือพราหมณ์แล้วนั่งสงบจิตอธิษฐานว่า "ขออำนาจคุณบิดามารดาครูบาอาจารย์และอำนาจผลบุญกุศลที่ได้สร้างมาแต่ปางก่อนและอำนาจเทพยดาที่รักษาพระนครตลอดถึงเทวดาอารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครั้งนี้อาตมาจะแปลพระธรรมช่วยกู้บ้านกู้เมือง ขอให้ช่วยดลบันดาลจิตใจให้สว่างแจ้งขจัดอุปสรรคที่จะมาขัดขวาง ขอให้แปลพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าสำเร็จสมปรารถนาเถิด"

ครั้นแล้วท่านก็คว่ำบาตรเทอักษรทองคำเริ่มแปลปริศนาธรรมทันที ด้วยอำนาจบุญญาบารมี กฤษดาภินิหารของท่านที่ได้จุติลงมาเป็นพระโพธิสัตว์โปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา กอปรกับโชคชะตาของประเทศชาติที่จะไม่เสื่อมเสียอธิปไตย เดชะบุญญาบารมีในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพยาดาทั้งหลายจึงดลบันดาลให้ท่านเรียบเรียงและแปลอักษรจากเมล็ดทองคำ 84,000 ตัว เป็นลำดับโดยสะดวกไม่ติดขัดประการใดเลย

ขณะที่ท่านเรียบเรียงและแปลอักษรไปได้มากแล้ว ปรากฏว่าเมล็ดทองคำตัวอักษรขาดหายไปเจ็ดตัวคือ ตัว สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ ท่านจึงทวงถามเอาที่พราหมณ์ทั้งเจ็ด พราหมณ์ทั้งเจ็ดก็ยอมจำนวน จึงประเคนเมล็ดทองคำที่ตนซ่อนไว้นั้นให้ท่านแต่โดยดี ปรากฏว่าท่านแปลพระไตรปิฎกจากเมล็ดทองคำสำเร็จบริบูรณ์เป็นการชนะพราหมณ์ในเวลาเย็นของวันนั้น

พระราชมุนี

สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพระโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่ง ทรงมีรับสั่งถวายราชสมบัติให้แก่เจ้าสามีรามให้ครอง 7 วัน แต่ท่านก็มิได้รับโดยให้เหตุผลว่าท่านเป็นสมณะ พระองค์ก็จนพระทัยแต่พระประสงค์อันแรงกล้าที่จะสนองคุณความดีความชอบอันใหญ่ยิ่งให้แก่ท่านในครั้งนี้ จึงพระราชทานสมณศักดิ์ให้เจ้าสามีรามเป็น "พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์" ในเวลานั้น พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์หรือหลวงพ่อทวดได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดราชานุวาส ศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่เป็นเวลาหลายปี ด้วยความสงบร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา

โรคห่าเหือดหาย

ต่อจากนั้น กรุงศรีอยุธยาเกิดโรคห่าระบาดไปทั่วเมือง ประชาราษฎรล้มป่วยเจ็บตายลงเป็นอันมาก ประชาชนพลเมืองเดือดร้อนเป็นยิ่งนัก สมัยนั้นหยูกยาก็ไม่มี นิยมใช้รักษาป้องกันด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยพระเจ้าอยู่หัวทรงพระวิตกกังวลมากเพราะไม่มีวิธีใดจะช่วยรักษาและป้องกันโรคนี้ได้ ทรงระลึกถึงพระราชมุนีฯ มีรับสั่งให้อำมาตย์ไปนิมนต์ท่านเจ้าเฝ้า ท่านได้ช่วยไว้อีกครั้งโดยรำลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยและดวงแก้ววิเศษ แล้วทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมแก่ประชาชนทั่วทั้งพระนคร โรคห่าก็หายขาดด้วยอำนาจ คุณความดีและคุณธรรมอันสูงส่ง ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อนสมณศักดิ์ท่านขึ้นเป็นพระสังฆราชมีนามว่า "พระสังฆราชคูรูปาจารย์" และทรงพอพระราชหฤทัยในองค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงมีรับสั่งว่า "หากสมเด็จเจ้าฯ ประสงค์สิ่งใด หรือจะบูรณะวัดวาอารามใดๆ ข้าพเจ้าจะอุปถัมภ์ทุกประการ"

กลับสู่ถิ่นฐาน

ครั้นกาลเวลาล่วงไปหลายปี สมเด็จเจ้าฯได้เข้าเฝ้า ถวายพระพรทูลลาจะกลับภูมิลำเนาเดิม พระองค์ทรงอาลัยมาก ไม่กล้าทัดทานเพียงแต่ตรัสว่า "สมเด็จอย่าละทิ้งโยม" แล้วเสด็จมาส่งสมเด็จเจ้าฯ จนสิ้นเขตพระนครศรีอยุธยา

ขณะที่ท่านรุกขมูลธุดงค์ สมเด็จเจ้าฯ ได้เผยแผ่ธรรมะไปด้วยตามเส้นทาง ผ่านที่ไหนมีผู้เจ็บป่วยก็ทำการรักษาให้ ตามแนวทางที่ท่านเดินพักแรมที่ใดนั้น ที่นั่นก็เกิดเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนในถิ่นนั้นได้ทำการเคารพสักการะบูชามาถึงบัดนี้ ได้แก่ที่บ้านโกฏิ อำเภอปากพนัง ที่หัวลำภูใหญ่ อำเภอหัวไทร และอีกหลายแห่ง

สมเด็จเจ้าพะโคะ

ต่อจากนั้น ท่านก็ได้ธุดงค์ไปจนถึงวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ อันเป็นจุดหมายปลายทาง ประชาชนต่างซึ่งชื่นชมยินดีแซ่ซ้องสาธุการต้อนรับท่านเป็นการใหญ่ และได้พร้อมกันถวายนามท่านว่า "สมเด็จเจ้าพะโคะ" และเรียกชื่อวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะว่า "วัดพะโคะ" มาจนบัดนี้ สมเด็จเจ้าฯ เห็นวัดพระโคะเสื่อมโทรมมาก เนื่องจากถูกข้าศึกทำลายโจรกรรม มีสภาพเหมือนวัดร้างสมเด็จเจ้าฯ กับท่านอาจารย์จวง คิดจะบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพะโคะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ ยินดีและอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง โปรดให้นายช่างผู้ชำนาญ 500 คน และทรงพระราชทานสิ่งของต่างๆ และเงินตราเพื่อการนี้เป็นจำนวนมาก ใช้เวลาประมาณ 3 ปี จึงแล้วเสร็จ สิ่งสำคัญในวัดพะโคะหรือ พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งพระอรหันต์นามว่าพระมหาอโนมทัสสีได้เป็นผู้เดินทางไปอัญเชิญมาจากประเทศอินเดียสมเด็จเจ้าฯ ได้จำพรรษาเผยแผ่ธรรมที่วัดพะโคะอยู่หลายพรรษา

เหยียบน้ำทะเลจืด

ขณะที่สมเด็จเจ้าฯ จำพรรษาอยู่ ณ วัดพะโคะ ครั้งนี้คาดคะเนว่า ท่านมีอายุกาลถึง 80 ปีเศษ อยู่มาวันหนึ่งท่านถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวไม้เท้านี้มีลักษณะคดไปมาเป็น 3 คด ชาวบ้านเรียกว่า "ไม้เท้า 3 คด" ท่านออกจากวัดมุ่งหน้าเดินไปยังชายฝั่งทะเลจีน ขณะที่ท่านเดินพักผ่อนรับอากาศทะเลอยู่นั้น ได้มีเรือโจรสลัดจีนแล่นเลียบชายฝั่งมา พวกโจรจีนเห็นท่านเดินอยู่คิดเห็นว่าท่านเป็นคนประหลาดเพราะท่านครองสมณเพศ พวกโจรจึงแวะเรือเทียบฝั่งจับท่านลงเรือไป เมื่อเรือโจรจีนออกจากฝั่งไม่นาน เหตุมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น คือ เรือลำนั้นแล่นต่อไปไม่ได้ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกโจรจีนพยายามแก้ไขจนหมดความสามารถเรือก็ยังไม่เคลื่อน จึงได้จอดเรือนิ่งอยู่ ณ ที่นั้นเป็นเวลาหลายวันหลายคืน ในที่สุดน้ำจืดที่นำมาบริโภคในเรือก็หมดสิ้น จึงขาดน้ำจืดดื่มและหุงต้มอาหารพากันเดือดร้อนกระวนกระวายด้วยกระหายน้ำเป็นอย่างมาก สมเด็จเจ้าฯ ท่านเห็นเหตุการณ์ความเดือดร้อนของพวกโจรถึงขั้นที่สุดแล้ว ท่านจึงเหยียบกราบเรือให้ตะแคงต่ำลงแล้วยื่นเท้าเหยียบลงบนผิวน้ำทะเลทั้งนี้ย่อมไม่พ้นความสังเกตของพวกโจรจีนไปได้

เมื่อท่านยกเท้าขึ้นจากพื้นน้ำทะเลแล้วก็สั่งให้พวกโจรตักน้ำตรงนั้นมาดื่มชิมดู พวกโจรจีนแม้จะไม่เชื่อก็จำเป็นต้องลองเพราะไม่มีทางใดจะช่วยตัวเองได้แล้ว แต่ได้ปรากฏว่าน้ำทะเลเค็มจัดที่ตรงนั้นแปรสภาพเป็นน้ำจืดเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก พวกโจรจีนได้เห็นประจักษ์ในคุณอภินิหารของท่านเช่นนั้น ก็พากันหวาดเกรงภัยที่จะเกิดแก่พวกเขาต่อไป จึงได้พากันกราบไหว้ขอขมาโทษแล้วนำท่านล่องเรือส่งกลับขึ้นฝั่งต่อไป

เมื่อสมเด็จเจ้าฯ ขึ้นจากเรือเดินกลับวัด ถึงที่แห่งหนึ่งท่านหยุดพักเหนื่อย ได้เอา "ไม้เท้า 3 คด" พิงไว้กับต้นยางสองต้นอันยืนต้นคู่เคียงกัน ต่อมาต้นยางสองต้นนั้นสูงใหญ่ขึ้น ลำต้นและกิ่งก้านสาขาเปลี่ยนไปจากสภาพเดิกกลับคดๆ งอๆ แบบเดียวกับรูปไม้เท้าทั้งสองต้น ประชาชนในถิ่นนั้นเรียกว่าต้นยางไม้เท้า ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งปรากฏอยู่ถึงทุกวันนี้

สมเด็จเจ้าพะโคะหรือหลวงพ่อทวดครองสมณเพศและจำพรรษาอยู่ที่วัดพะโคะ เป็นที่พึ่งของประชาราษฎร์มีความร่มเย็นเป็นสุข ได้ช่วยการเจ็บไข้ได้ทุกข์ บำรุงสุข เทศนาสั่งสอนธรรมของพระพุทธองค์ ประดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงพุทธศาสนิกชนตลอดมา

สังขารธรรม

หลังจากนั้นหลายพรรษา สมเด็จเจ้าฯ หายไปจากวัดพะโคะเที่ยวจาริกเผยแผ่ธรรมะไปหลายแห่ง จากหลักฐานทราบว่าท่านได้ไปพำนักที่เมืองไทรบุรี ชาวบ้านเรียกท่านว่า "ท่านลังกา" และได้ไปพำนักที่วัดช้างไห้ ชาวบ้านเรียกท่านว่า "ท่านช้างให้" ดังนี้ ท่านได้สั่งแก่ศิษย์ว่าหากท่านมรณภาพเมื่อใด ขอให้ช่วยกันจัดการหามศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ด้วย ขณะหามศพพักแรมนั้น ณ ที่ใดน้ำเหลืองไหลลงสู่พื้นดิน ที่ตรงนั้นให้เอาเสาไม้แก่นปักหมายไว้ต่อไปข้างหน้าจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่มาไม่นานเท่าไร ท่านก็ได้มรณภาพลงด้วยโรคชรา ปวงศาสนิกก็นำพระศพมาไว้ที่วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี สถานที่ที่สมเด็จเจ้าฯ เคยพำนักอยู่ หรือไปมา นับได้ดังนี้ วัดกุฎิหลวง วัดสีหยัง วัดเสมาเมือง นครศรีธรรมราช กรุงศรีอยุธยา วัดพะโคะ วัดเกาะใหญ่ วัดในไทรบุรี และวัดช้างให้

ปัจฉิมภาค

สมเด็จเจ้าฯ ในฐานะพระโพธิสัตว์หน่อพระพุทธภูมิ ผู้ทรงศีลวิสุทธิทรงธรรมและปัญญาญาณอันล้ำเลิศ กอปรด้วยกฤษดาภินิหารและปาฏิหาริย์ไม่ว่าท่านจะพำนักอยู่สถานที่ใด ที่นั่นจะเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ว่าท่านจะจาริกไป ณ ที่ใด ก็จะมีคนกราบไหว้ฟังธรรม หลักการปฏิบัติของท่านเป็นหลักสำคัญของพระโพธิสัตว์คือช่วยเหลือประชาชนและเผยแพร่ธรรมะให้ชาวโลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ สมดังคำว่า "พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ" ตลอดไป


หลวงปู่ทวด

ในเรื่องเพชรพระอุมานั้นกล่าวถึงพระเครื่องของวัดนี้ค่อนข้างมาก อาจเป็นเพราะผู้เขียนคือคุณลุงพนมเทียนเป็นคนพื้นเพเดิมกับสถานที่ตั้งของวัดนี้ นั่นคือ จังหวัดปัตตานี ซึ่งในเรื่องนั้นกล่าวถึงพระเครื่องชุดนี้ 2 องค์ ดังนี้
1. องค์แรกเจ้าของก็คือ รพินทร์ ไพรวัลย์ ซึ่งเป็นพระเครื่อง หนึ่งในสามที่มอบให้กับดาริน สำหรับพระเครื่ององค์นี้นั้นดารินได้ตัดสินใจ นำไปคล้องให้กับเจ้าด้วน หลังจากที่มหาฤาษีโกณฑัญญะมาบอกให้ดารินระวังเจ้าด้วนจะถูกมนต์คชสารเข้าครอบงำ และพระองค์นี้ก็ติดอยู่กับคอเจ้าด้วนจนจบเรื่อง
2. องค์สุดท้าย เจ้าของก็คือเชิดวุธ ไกรรณยุทธ นายทหารหนุ่มแห่งกองทัพไทย ซึ่งเชิดวุธได้เล่าให้รพินทร์ฟังว่า ได้มาจากมือ หลวงพ่อทิม(ผู้สร้างพระองค์นี้)ในคราวที่ไปราชการที่ภาคใต้

นอกจากนี้เชิดวุธยังได้เล่าถึงประสบการณ์ปาฎิหารย์ที่ตัวเองเจอมาให้รพินทร์ฟัง ดังนี้
- หลังจากรับพระและขับรถจี๊ปออกจากวัด แล้วเกิดรถคว่ำหลายตลบแต่เจ้าตัวไม่เป็นไร
- ในสงครามเวียดนามขณะเดินลาดตระเวณ เชิดวุธเดินเหยียบกับระเบิด แต่ไม่ระเบิด ส่วนทหารอเมริกันที่เดินตามมาข้างหลังตายเรียบทั้ง4คน
- ในสงครามเวียดนามเหมือนกัน ถูกเวียดกงกดด้วยอาการ์(AK47)ทั้งหลายชุด แต่ไม่เข้ามีแต่รอยกระสุนบนเสื้อ
- ขับเครื่องบินตรวจการณ์ แต่ตอนจะนำเครื่องลงล้อไม่กาง ต้องลงแบบเอาท้องเครื่องบินครูดกับท้องนา แต่เครื่องไม่ระเบิดจึงรอดมาได้อีกครั้ง
และสุดท้ายรพินทร์ก็ได้บอกคาถาอาราธนาพระเครื่องหลวงปู่ทวดให้กับเชิดวุธว่า “ นะโม โพธิสัตโต อาคันติ มายะ อิติ ภควา ...” และบอกข้อห้ามในขณะที่ใช้พระองค์นี้ว่า ห้ามยิงสัตว์อย่างพร่ำเพรื่อ และห้ามเล่นการพนัน พร้อมทั้งบอกว่าที่รู้มาเพราะสมัยเด็กๆเคยบวชเณรอยู่วัดนี้

ประวัติหลวงปู่ทวด

หลวงปู่ทวด เป็นพระภิกษุในสมัยอยุธยาในแผ่นดินของ สมเด็จพระเอกาทศรถ แต่เดิมท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพะโค๊ะ จึงมีอีกสมญานามหนึ่งว่า สมเด็จพะโค๊ะ
มีเรื่องเล่าว่า ตอนที่ท่านเดินทางโดยเรือผ่านอ่าวไทยเพื่อเข้ากรุงศรีอยุธยานั้นก็เกิดคลื่นลมทะเล ปั่นป่วนขึ้น เรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ ต้องทอดสมออยู่กลางทะเลถึง ๗ วัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำหมด บรรดาลูกเรือจึงตั้งข้อสงสัยว่าการที่เกิดอาเภทในครั้งนี้เป็นเพราะท่านที่เป็นภิกษุ จึงตกลงใจ ส่งท่านขึ้นเกาะได้นิมนต์ท่านให้ลงเรือมาด ขณะที่ท่านนั่งอยู่ในเรือมาดนั้น ท่านได้ห้อยเท้าซ้ายแช่ลงไปในน้ำทะเลได้บังเกิดอัศจรรย์ขึ้น เมื่อน้ำทะเลบริเวณนั้น เกิดประกายแวววาว โชติช่วง ท่านจึงบอกลูกเรือให้ตักน้ำขึ้นมาดื่ม เมื่อดื่มน้ำนั้นก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืด จึงช่วยกันตักไว้จนเพียงพอ นายสำเภาเรือจึงนิมนต์ ให้ท่าน ขึ้นเรือสำเภา อีกครั้ง ท่านจึงมีอีกหนึ่งสมญานามว่า “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด”เมื่อท่านใกล้จะมรณะภาพได้สั่งญาติโยมว่าให้นำศพท่านไปฌาปณกิจ ที่วัดช้างไห้
ส่วนผู้สร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ก็คือ อาจารย์ทิม (พระครูวิสัยโสภณ ทิม ธฺมมธโร )อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างไห้ ซึ่งปัจจุบันได้มรณภาพไปแล้วตั้งแต่ ปี พ.ศ 2512 ส่วนพระเครื่องหลวงปู่ทวดนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ ปี พ.ศ 2497 โดยวัตถุประสงค์ในการสร้างเพื่อแจกให้กับญาติโยมที่มาร่วมกันสร้าง พระอุโบสถวัดช้างไห้

โดยคุณ pusit (1.7K)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 22:18 น.] #249264 (9/43)
แก้ไขอาจารย์ทิม...เป็นอาจารย์นองครับ

โดยคุณ pusit (1.7K)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 22:20 น.] #249268 (10/43)
@@@อาจรย์ทิมใบหน้าลายเส้นท่านจะอ่อนหวาน....มีเมตตา.....ไม่ดุดันเหมือนอาจารย์นองครับ.....@@@@

โดยคุณ kueyunon (2.2K)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 22:57 น.] #249294 (11/43)
ผมเป็นคนนึงที่ดูพระไม่เป็น แต่ดูเหรียญองค์นี้ ความตึงของผิว ความคมของเส้นหน้าผาก และความเข้มของดวงตาอาจารย์นอง บ่งบอกถึงความแท้ครับ เหอๆๆๆ (ถ้าเก๊ก็ยอมขึ้นเขียงครับ เหอๆๆ)

โดยคุณ มงคลทิพย์ (3.8K)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 23:39 น.] #249314 (12/43)
อยากได้รางวัลแต่ดูพระไม่เป็นครับ ขอศึกษาครับ วันหน้าจะมาตอบ ขอความรู้พี่อำพรหน่อยครับ

โดยคุณ nongnhun (4.5K)  [อ. 11 มี.ค. 2551 - 23:56 น.] #249325 (13/43)
ผมออกตัวก่อนนะครับว่าไม่เก่ง เหรียญนี้เป็นเนื้อเงิน แต่ทำไมเจาะหู และไม่มีหมายเลขกำกับ เอาเป็นว่าเดานะครับว่าเป็นเหรียญแท้แต่ไม่รู้ที่มาว่าทำไมเป็นลักษณะนี้ ขอให้ท่านเก่งๆสายหลวงปู่ทวดอธิบายให้หน่อยครับ

โดยคุณ RIN101 (2K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 00:10 น.] #249327 (14/43)
ขอตอบเดาน่ะครับ ดูตามเนื้อเป็นเนื้อนะวะ แต่ไม่ใช่เหรียญแท้ครับรายละเอียดหายไปแยะครับเหรียญนะวะแท้จะไม่เจาะหูเหรียญอีกมากครับสั้นๆครับไม่แท้ โค๊ดผิด เลขไม่มี และโค๊คก็ไม่ใช่ขอตอบตามความรู้อันน้อยนิดครับ

โดยคุณ dangsong (197)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 07:28 น.] #249375 (15/43)
เหรียญเลื่อนอาจารย์นองยังมีอะไรๆอีกเยอะ เหรียญนี้คงไม่ไช่ 1 ใน 9 เหรียญของเนื้อเงินนะครับ ถ้าใช่ก็ สุดยอด

โดยคุณ pusit (1.7K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 08:07 น.] #249380 (16/43)
@@@ท่านจอมยุทธทั้งหลายเริ่มเข้ามาละครับ...ผมก็แอบศึกษาหาความรู้ครับ@@@

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 08:34 น.] #249392 (17/43)
เสี่ย อัมพร ไม่มีความรู้สายพระอาจารย์นอง แล้วทำไงดี...หมดสิทธิ์ใช่มั้ยครับ งั้นใช้วิธีแบบนักเลงพระโบราณ วันพรุ่งนี้ว่างก็แวะมาเลย ยกถาดสายพระอาจารย์นองมาด้วย แล้วมาตีเปลี่ยนกันฮ่าๆๆๆ(ไม่งั้นไถ)

โดยคุณ เด็กตลาดช่องแค (457)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 08:51 น.] #249406 (18/43)
ผมไม่ใช่สายนี้นะครับ แต่ร่วมสนุกนะครับ ตอบแบบมั่วๆๆนะพี่

1. ด้านหน้า เส้นหน้าผากของหลวงปู่ทวดดูแข็งครับ

2. ตัวหนังสือด้านหลัง ดูไม่คม ชัดเลย ดูตื้นๆๆอย่างไรไม่รู้

3. ตัวโค๊ดผมว่าไม่คมนะ ปรกติที่เจอ การทำโค๊ดเพื่อตอก ของแต่ละเกจิ ที่เจอจะคมชัด แต่นี้ไม่คม ดูหนาอย่างไรบอกไม่ถูกครับ แต่บอกก่อนนะครับผมไม่เคยเห็นโค๊ด หรือเห็นเหรียญจริงรุ่นนี้นะครับ มัวเอา

4. ผิวด้านหน้าคล้ายมีเส้นรัศมี ประกายจากตัวหลวงปู่ทวด ผมมองว่าถ่ายผ่านกรอบแบบนี้ แล้วเห็นชัดแบบนี้ ผมมองว่า ดู ไม่เป็นธรรมชาตินะครับ เอยแต่ว่า ฝีมือพี่ถ่ายดีนิ อาจเป็นพระฝีมือก็ได้ ช่างเหอะผมเอาข้อนี้เป็นเหตุผลด้วยละกัน

สรุป ผมว่าไม่ดีพี่ เดาและมัวนะครับ 55555555555555555

โดยคุณ remeron (169)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 09:04 น.] #249416 (19/43)
ท่านพี่ครับผมว่าท่านพี่ทราบข้อมูลแล้วนะครับ แต่อยากให้สมาชิกร่วมสนุกใช่ไหม
ผมขอร่วมสนุกด้วยละกันนะ
ผมว่าเหรียญนี้เป็นเหรียญแท้ เนื้อเงิน แต่สาเหตุที่ไม่เหมือนเหรียญอื่นๆ เช่น
ไม่มีหมายเลขประจำเหรียญ ตำแหน่งของโค๊ด การเจาะหู และอื่นๆ
คิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากความผิดพลาดในการผลิตตั้งแต่ต้น ทางกรรมการวัดจึงต้องทำให้เหรียญเสีย โดยใช้วิธีดังกล่าว เพื่อให้คนที่ไม่ทราบจะได้มีจุดสังเกตุได้อย่างง่ายดาย
และไม่ให้ลูกศิษย์วัดหรือคนใกล้ชิดนำไปหลอกขายให้กับคนที่ไม่ทราบครับ จะได้ไม่เป็นการหลอกลวงกับผู้ที่ศรัทธาอาจารย์นองครับท่าน
แต่สุดท้ายแล้วด้วยคำว่า "ผลประโยชน์" ก็ออกมาจนได้ครับ ดังนั้นด้วยความเห็นส่วนตัว
ก็สรุปว่าเหรียญแท้แต่ไม่ผ่านการปลุกเสก สำหรับผมแล้วไม่มีราคา
เก็บไว้เป็นของที่ระลึกได้ครับ ไม่รู้ว่าความเห็นตรงเกินไปหรือเปล่า
หวังว่าท่านพี่คงไม่โกรธนะ
สุดท้ายนี้ผมขอรางวัลด้วยนะ ไม่ว่าที่ 1,2 หรือ 3 ก็ได้ครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

โดยคุณ ธนกิต (18.3K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 09:14 น.] #249419 (20/43)
ผมเองก็ไม่ค่อยถนัดเหมือนกันครับ

ขอร่วมสนุกด้วยคนนะครับ

เหรียญนี้ ผมว่าเป้นเหรียญเนื้อนวะ และแท้ครับ เพราะดูจากด้านหน้าแล้วเส้นสายคมชัดดี ส่วนด้านหลังเส้นหน้าผากอาจจะไม่คมชัดเท่าที่ควร อาจจะเป้นเพราะความแกร่งของเนื้อโลหะ ทำให้ไม่คมชัดเท่าที่ควรครับ

โดยรวมถือว่าสวย และดี ครับ


โดยคุณ chartchay_ho21 (265)(2)   [พ. 12 มี.ค. 2551 - 09:25 น.] #249427 (21/43)
เดา เหรียญนี้แท้ เนื้อนวะ เพราะ เดา

โดยคุณ nui21 (5.1K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 10:00 น.] #249436 (22/43)
ความเห็นส่วนตัวนะครับผมว่าเป็นเนื้อเงินครับและเป็นเหรียญแท้ด้วยครับ.....แต่ที่มาที่ไปไม่มีข้อมูลครับ.....ถ้าบ้านผมอยู่ปัตตานีผมจะไปถามคนสร้างเองเลยครับแต่อยู่นครสวรรค์ก็จนใจครับท่าน....แต่ก็ขอยืนยันว่าเนื้อเงิน+แท้ด้วยครับ....สังเกตุพบอีกอย่างว่า....2รูปนี้เหรียญเดียวกันรึเปล่าครับท่านอัมพร....ดูจากกรอบจะไม่ค่อยสมดุลกันนะครับหรือสายตาผมเพี้ยนไปสงสัยเราจะแก่แล้วจริงๆ

โดยคุณ phong04 (511)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 10:26 น.] #249460 (23/43)
สวัสดีครับคุณ aumphorn ผมติดตามกระทู้คุณตลอดแต่ไม่เคยเสนอข้อคิดเห็นเลยนี่เป็นครั้งแรก (แฟนพันธุ์แท้)
ผมยอมรับในเรื่องความใจกว้างของคุณมากที่ตลอดเวลาคุณมักจะให้ความรู้กับเพื่อนสมาชิกโดยที่ไม่ปิดปัง ซึ่งเป็น
ประโยชน์มาก ทำให้คนที่ไม่รู้จักพระแท้จะได้รู้ว่าพระแท้เป็นอย่างไร ทำให้คนที่นำพระเก้มาประมูลจะได้รู้สึกอาย
สุดยอดครับ โดยส่วนตัวเราไม่รู้จักกันแต่ผมยอมรับในความรู้เรื่องพระและความใจกว้างของคุณมากครับ ในg-pra
มีไม่กี่คนหรอกครับ โดยส่วนตัวผมคุณคีอสุดยอดสายหลวงปู่ทวดครับ

โดยคุณ technolog (4.5K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 10:57 น.] #249486 (24/43)
ขอเดาด้วยคนครับพี่ ผมว่าแท้ครับเป็นเนื้อเงินแต่แปลกที่ไม่มีโค้ดหมายเลข และหูเหรียญมีการเจาะ น่าจะมาจากเหรียญที่ทำมาเจาะหูเกินและพิมพ์ด้านหลังไม่ชัดผิวเหรียญไม่สวยเลยแยกออกมา แต่เพื่อป้องกันว่าจะไปซ้ำซ้อนกับแบบเดิม(ปกติเนื้อเงินจะหูตันและมีตอกโค้ดอุและตอกหมายเลข)กรรมการวัดจึงนำไปตอกโค้ดเอง

โดยคุณ Chew_JJ (3.6K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 11:37 น.] #249512 (25/43)
สวัสดีครับพี่...ขอร่วมสนุกด้วยคน...
เหรียญนี้ผมว่าเป็นเหรียญเนื้อเงิน...ดูจากร่องรอยการปั๊ม + โค๊ตที่ตอก...ผมว่าแท้ครับ..
แต่สาเหตุที่เหรียญนี้ไม่ตอกหมายเลข...ผมเข้าใจว่า...
เกิดจากการผลิตเกิน อาจจะสำรองเผื่อเหรียญเสีย....
พอตอกหมายเลขครบตามจำนวน.....ก็เลยนำเหรียญมาเจาะหูแทนครับกระผม...
*******
พอได้ไหมครับพี่....

โดยคุณ บ-ธนา (8K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 11:42 น.] #249516 (26/43)
เหรียญเลื่อน อ.นอง เหรียญนี้ ผมพิจารณาจากรูป ความคมของเล็บและรายละเอียดอื่นๆชัดเจนทั้งด้านหน้าและหลัง พิจารณาจากผิวมีความตึงจนเห็นริ้วรัศมีของผิว ซึ่งจะเห็นได้ในเหรียญเงินและเหรียญนวะเป็นส่วนใหญ่ และรอยเจาะห่วงดูไม่เรียบร้อย จึงคาดว่าน่าจะทำการเจาะห่วงเอง สำหรับโค้ดอุ ดูดีครับ ตอกทั้งหน้าและหลัง การใส่กรอบเป็นลักษณะการใส่เพื่อนำไปเข้ากรอบทอง แสดงว่าเจ้าของต้องมั่นใจว่าแท้จึงคิดเลี่ยมทองเพื่อห้อยบูชา
สรุปว่าเป็นเหรียญแท้ เนื้อนวะแก่เงิน ส่วนรายละเอียดโค้ดตัวเลขไม่มี ขอเดาว่าน่าจะเป็นเหรียญที่กรรมการหรือผู้ที่ร่วมทำเหรียญเลื่อนต้องการเก็บไว้ใช้เองเป็นพิเศษ จึงได้เหรียญนี้ไว้ในครอบครองครับ

โดยคุณ WITTHPAN (425)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 12:01 น.] #249528 (27/43)
ผมขอเดาบ้างครับ ดูจากความคมชัดจากการถ่ายรูปผมว่าเป็นเหรียญแท้ และเพิ่งจะแกะออกจากตลับทองเพื่อถ่ายรูปมาถามครั้งนี้ครับ

โดยคุณ pusit (1.7K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 12:52 น.] #249559 (28/43)
@@@โอ้ท่านจอมยุทธทั้งหลายเยี่ยมจริงๆ...วาระเดียวกันแต่ต่างเหตุผล....ความรู้ครับ....ความรู้...แล้วจะติดตามท่านต่อไปครับ.....ขออนุญาตท่านaumphornครับแอบมาตอบเรื่อยเลย@@@@@@

โดยคุณ teerawit (1.3K)(1)   [พ. 12 มี.ค. 2551 - 13:01 น.] #249565 (29/43)


(D)
^_^ขอเดาว่าเหรียญนี้เป็นเนื้อเงินครับ แท้!!!และสวยด้วยครับ ความตึงของพื้นเหรียญและรัศมีการกระจายชัดเจนครับ จมูกก็โด่งๆๆๆๆมากๆ ส่วนโค๊ดผมก็ว่าแท้ครับ ชอบๆๆๆ แต่ส่วนเรื่องหูเหรียญคงน่าจะเอามาเจาะเองครับ เพราะดูไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ส่วนเรื่องที่มาที่ไปว่าท่านเอามาจากไหนก็สุดที่จะเดาครับ เพราะว่าท่านรู้จักคนเยอะๆๆๆมากๆครับ พระแปลกๆและพิศดาร ผมว่าก็ยังมีอีกมากครับท่าน อิอิ ^_^

โดยคุณ คนกุยบุรี (107)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 14:04 น.] #249587 (30/43)
เดาครับ เหรียญเงิน แท้ รูอาจจะเจาะเองภายหลัง

โดยคุณ nutpee (86)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 14:40 น.] #249609 (31/43)
ไม่ทราบเลยครับ แต่ขอศึกษาครับ สุดยอดทุกท่าน

โดยคุณ polama (2K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 17:51 น.] #249674 (32/43)
ดีครับพี่ สุดยอดครับเหรียญนี่

โดยคุณ polama (2K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 18:13 น.] #249680 (33/43)
แท้ๆๆครับพี่ ผมว่าเนื้อนวโลหะ ดูจากรูปถือว่าเป็นเหรียญที่ปั๊มออกมาเส้นสายคมชัดเจน
เหรียญแท้แต่แปลก โค๊ตอุ2ตัวเลยตำแหน่งที่ตอกก้อแปลก เลขก้อไม่ได้ตอก อาจจะเป็นเหรียญที่ปั๊มมาช่วงแรกๆ ที่อาจจะลองดูว่าจะทำการตอกโค๊ตที่ใดอย่างใด(เดาเอา)

โดยคุณ podsung (364)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 18:12 น.] #249681 (34/43)


(D)
ขอร่วมสนุกด้วยครับ ผมก็ไม่ถนัดหมือนกันครับ แต่จะลองเหวี่ยงแหดูนะครับ
1.เหรียญนี้ดูน่าจะแท้ เพราะสวยตามความสามารถของผู้ออกแบบครับ เส้นสายดีครับ
2.เหรียญนี้เป็นเหรียญทองแดงกระหลั่ยเงินครับ พอมองเห็นคราบรำไร รำไร อยู่ครับ และ มีความแห้งของกะหลั่ยตามอายุครับ
3.เหรียญนี้เป็นเหรียญปั๊มครับเพราะมีการเลื่อนตอนตัดองค์พระครับจะเอียงไปทางซ้ายขององค์พระหน่อยหนึ่่งครับ
ถ้าการวิเคราะห์ผิดผมก็ยอมครับ เพราะผมไม่ถนัดจริงๆ มาดูเพื่อเป็นความรู้และขอเป็นวิทยาทานครับ เพราะโลหะที่มีอายุการสร้างน้อยกว่า 50-60 ปีดูยากครับ

โดยคุณ hernfah (117)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 20:50 น.] #249780 (35/43)
ขอวิจารณ์ตามเนื้อผ้าของตัวเองนะครับ ...(เพระไม่รู้อะไรเลย) รู้จักแต่เหรียญเลื่อนทองแดง
อิอิ
ผมว่าเหรียญนี้เป็นเนื้อนวะแก่เงินครับ แกะจากทองมาถ่ายรูป จมูกโด่งทั้งป.ทวด และอ.นองเลยทีเดียวครับผม

ด้านหน้าเส้นวิ่งเอยะอยู่ผมว่าเจ้าของเก่าวางคว่ำไว้บนหิ้งก่อนเลี่ยมครับ ด้านหลังเลยโดนอากาศ

บรรยายตามภาพที่คิดขึ้นเองเลยครับผม

โดยคุณ พรชมพู (18K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 23:07 น.] #249865 (36/43)
ชอบครับ

โดยคุณ addoo (2.5K)  [พ. 12 มี.ค. 2551 - 23:22 น.] #249879 (37/43)
ขอเดาน่ะครับพี่ ผมก็ดูแล้วคิดว่าเหรียญนี้แท้ครับ และเป็นเนื้อนวะ ดูการปั๊มของเหรียญด้านหน้าเส้นวิ่งดีจังครับ แต่รอยเจาะหูเหรียญนี้ยังงงอยู่เลยครับ

โดยคุณ aumphorn (771)  [พฤ. 13 มี.ค. 2551 - 07:38 น.] #249963 (38/43)
screen ที่คำว่า แท้ และเนื้อเงิน ได้ดังนี้

nongnhun ผมออกตัวก่อนนะครับว่าไม่เก่ง เหรียญนี้เป็นเนื้อเงิน แต่ทำไมเจาะหู และไม่มีหมายเลขกำกับ เอาเป็นว่าเดานะครับว่าเป็นเหรียญแท้แต่ไม่รู้ที่มาว่าทำไมเป็นลักษณะนี้ ขอให้ท่านเก่งๆสายหลวงปู่ทวดอธิบายให้หน่อยครับ

remeron ผมว่าเหรียญนี้เป็นเหรียญแท้ เนื้อเงิน แต่สาเหตุที่ไม่เหมือนเหรียญอื่นๆ เช่น
ไม่มีหมายเลขประจำเหรียญ ตำแหน่งของโค๊ด การเจาะหู และอื่นๆ
คิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากความผิดพลาดในการผลิตตั้งแต่ต้น ทางกรรมการวัดจึงต้องทำให้เหรียญเสีย โดยใช้วิธีดังกล่าว เพื่อให้คนที่ไม่ทราบจะได้มีจุดสังเกตุได้อย่างง่ายดาย
และไม่ให้ลูกศิษย์วัดหรือคนใกล้ชิดนำไปหลอกขายให้กับคนที่ไม่ทราบครับ จะได้ไม่เป็นการหลอกลวงกับผู้ที่ศรัทธาอาจารย์นองครับท่าน
แต่สุดท้ายแล้วด้วยคำว่า "ผลประโยชน์" ก็ออกมาจนได้ครับ ดังนั้นด้วยความเห็นส่วนตัว
ก็สรุปว่าเหรียญแท้แต่ไม่ผ่านการปลุกเสก สำหรับผมแล้วไม่มีราคา

nui21 ความเห็นส่วนตัวนะครับผมว่าเป็นเนื้อเงินครับและเป็นเหรียญแท้ด้วยครับ.....แต่ที่มาที่ไปไม่มีข้อมูลครับ.....ถ้าบ้านผมอยู่ปัตตานีผมจะไปถามคนสร้างเองเลยครับแต่อยู่นครสวรรค์ก็จนใจครับท่าน....แต่ก็ขอยืนยันว่าเนื้อเงิน+แท้ด้วยครับ....สังเกตุพบอีกอย่างว่า....2รูปนี้เหรียญเดียวกันรึเปล่าครับ

technolog ผมว่าแท้ครับเป็นเนื้อเงินแต่แปลกที่ไม่มีโค้ดหมายเลข และหูเหรียญมีการเจาะ น่าจะมาจากเหรียญที่ทำมาเจาะหูเกินและพิมพ์ด้านหลังไม่ชัดผิวเหรียญไม่สวยเลยแยกออกมา แต่เพื่อป้องกันว่าจะไปซ้ำซ้อนกับแบบเดิม(ปกติเนื้อเงินจะหูตันและมีตอกโค้ดอุและตอกหมายเลข)กรรมการวัดจึงนำไปตอกโค้ดเอง

Chew_JJ เหรียญนี้ผมว่าเป็นเหรียญเนื้อเงิน...ดูจากร่องรอยการปั๊ม + โค๊ตที่ตอก...ผมว่าแท้ครับ..
แต่สาเหตุที่เหรียญนี้ไม่ตอกหมายเลข...ผมเข้าใจว่า...
เกิดจากการผลิตเกิน อาจจะสำรองเผื่อเหรียญเสีย....
พอตอกหมายเลขครบตามจำนวน.....ก็เลยนำเหรียญมาเจาะหูแทนครับกระผม...

teerawit ขอเดาว่าเหรียญนี้เป็นเนื้อเงินครับ แท้!!!และสวยด้วยครับ ความตึงของพื้นเหรียญและรัศมีการกระจายชัดเจนครับ จมูกก็โด่งๆๆๆๆมากๆ ส่วนโค๊ดผมก็ว่าแท้ครับ ชอบๆๆๆ แต่ส่วนเรื่องหูเหรียญคงน่าจะเอามาเจาะเองครับ เพราะดูไม่เรียบร้อยเท่าไหร่

คนกุยบุรี เดาครับ เหรียญเงิน แท้ รูอาจจะเจาะเองภายหลัง

ลำบากใจจริงๆ เลย ดูเฉลยที่กระทู้นี้ครับ

https://www.g-pra.com/webboard/show.php?Category=show&No=72932

และจะประกาศผู้ได้รับรางวัลอีกที

โดยคุณ aumphorn (771)  [พฤ. 13 มี.ค. 2551 - 07:40 น.] #249964 (39/43)
ขอขอบคุณเพื่อนสมาขิกทุกท่านที่ให้ความสนใจ และมาร่วมสนุกกันในครั้งนี้ครับ

โดยคุณ Chew_JJ (3.6K)  [พฤ. 13 มี.ค. 2551 - 10:26 น.] #250025 (40/43)
ไปดูเฉลยมาแล้ว...พี่nui21 สุดยอดครับ..สามารถมองออกว่าเป็นคนละเหรียญ....นับถือ นับถือ

โดยคุณ aumphorn (771)  [จ. 17 มี.ค. 2551 - 07:10 น.] #251876 (41/43)
ประกาศผลครับ
อันดับหนึ่ง คุณ nui21 รู้ว่าแท้ เนื้อเงิน และช่างสังเกตุมากต้องขอเรียกว่า นายละเอียด นะครับ แหม ดูแค่กรอบพลาสติกก็รู้แล้วว่าเป็นคนละเหรียญ

อันดับสอง คุณ Chew_JJ รู้ว่าแท้ เนื้อเงิน และให้เหตุผลใกล้เคียงความจริงที่สุด

อันดับสาม คุณ remeron และคุณ technolog ครับ ให้ความเห็นใกล้เคียงกัน


สงวนสิทธิ์สำหรับบางท่าน ที่ได้รับข้อมูลบางส่วนจากผมไปก่อนหน้านี้แลวนะครับ

โดยคุณ technolog (4.5K)  [จ. 17 มี.ค. 2551 - 12:42 น.] #252051 (42/43)
ขอบคุณมากครับพี่ aumphorn สำหรับน้ำใจและความรู้มากมายที่แบ่งปันให้เพื่อนสมาชิก

โดยคุณ Chew_JJ (3.6K)  [ส. 22 มี.ค. 2551 - 15:07 น.] #254792 (43/43)
ได้รับของรางวัลแล้วครับ...ขอบคุณมากครับพี่....

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5