ขอลงประวัติของหลวงพ่อ โดยสังเขปครับ
หลวงพ่อโต วัดเขากระโดน ระยอง
หลวงพ่อโต ดิสโส แห่ง วัดเขากระโดน อ.แกลง จ.ระยอง นับเป็นเกจิอาจารย์อีกรูปของ จ.ระยอง ที่นอกจากมีชื่อเสียงด้านอาคมขลังโดยทำการศึกษาเล่าเรียนทั้งด้านพระธรรมวินัยและวิปัสสนาธุระตั้งแต่ขณะยังเป็นสามเณรจากหลายคณาจารย์ กระทั่งอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี 2438 ก็ตระเวนศึกษาวิชาจากคณาจารย์ต่าง ๆ อีกหลายรูปเพิ่มเติม มีหลวงพ่อเพรชวัดตะปอนใหญ่รวมทั้งออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ อีกหลายปี กระทั่งในปี 2478 จึงกลับมารับใช้พระอาจารย์คือ หลวงพ่อมุ้ยวัดเขากระโดน จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อจึงเป็นที่เคารพนับถือต่อบรรดาศิษย์และประชาชนทั่วไปตลอดชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกนับตั้งแต่ จ.ชลบุรีระยองจันทบุรี และ ตราด รวมทั้งรับนิมนต์มาร่วมพิธีพุทธาภิเษกเฉพาะพิธีใหญ่ในกรุงเทพฯก็หลายครั้งรวมทั้งเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2507 สมเด็จพระวันรัต (ปุ่น) วัดพระเชตุพนฯ ได้จัดพิธีพุทธาภิเษก พระกริ่งสมเด็จมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ก็ได้นิมนต์ หลวงพ่อโต ดิสโส มาร่วมพิธีพร้อมกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีก 16 รูปเป็นต้น
ทางด้านวัตถุมงคลที่ หลวงพ่อโต ดิสโส สร้างขึ้นเองนั้นสันนิษฐานกันว่าเริ่มสร้างเมื่อประมาณปี 2483 ในคราวที่เกิดกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทยกับฝรั่งเศสที่เรียกกันว่า สงครามอินโดจีน โดยวัตถุที่สร้างครั้งนั้นประกอบไปด้วย พระเครื่องตะกรุดโทนผ้ายันต์ผ้าพัดโบก เพื่อแจกจ่ายให้กับบรรดาทหารและตำรวจที่ออกศึกสงครามป้องกันประเทศ ปรากฏว่าผู้ที่มีวัตถุมงคลของท่านติดตัว ล้วนแต่ปลอดภัยจากการสู้รบเป็นที่กล่าวขานกันมาส่วน พระกริ่ง และ พระสังกัจจายน์ ที่จะแนะนำท่านผู้อ่านในวันนี้สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี 24962498 (พระกริ่งและพระสังกัจจายน์ จัดทำพิธีเทหล่อที่วัดเขากระโดน ส่วนพระกริ่งพิมพ์หน้ามงคลและพระสังกัจจายน์พิมพ์หน้าเล็ก ที่สร้างครั้งสุดท้ายทำพิธีเทหล่อที่วัดเขาบ่อทอง) โดยนำ พระกริ่ง จากสำนักต่าง ๆ มาเป็นแบบแล้วดัดแปลงพิมพ์เล็กน้อยเพื่อป้องกันการสับสน อีกทั้งพิธีเทหล่อก็จัดขึ้นหลายครั้งจึงทำให้มีหลายพิมพ์เช่น พิมพ์หน้ายักษ์, หน้าครุฑ, หน้านาง, หน้ามงคล เป็นต้น ทางด้าน พระสังกัจจายน์ มีเพียง 2 พิมพ์คือ หน้าใหญ่ และ หน้าเล็ก พร้อมมีการจารอักขระที่ใต้ฐานเพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ส่วนค่านิยมของพระสังกัจจายน์นั้นเป็นที่นิยมกันมากในท้องถิ่น พิมพ์หน้าใหญ่ จะมีค่านิยมสูงกว่า พิมพ์หน้าเล็ก ดังจะเห็นได้ว่าในการสร้างวัตถุมงคลของ หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ได้นำพระสังกัจจายน์ของ หลวงพ่อโต ดิสโส มาเป็นแบบพร้อมมีการตอกโค้ดเพื่อป้องกันการสับสนด้วยเช่นกัน
พระกริ่งหลวงพ่อโต เทหล่อด้วยเนื้อทองผสมอมขาวเล็กน้อยไม่กลับดำ ส่วนใหญ่เมื่อเททองบรรจุกริ่งเรียบร้อยแล้วจะทำการชุบน้ำยาดำ (รมดำ) และการเทหล่อก็ใช้วิธีเทหล่อแบบตันแล้วจึงนำมาเจาะรูที่ใต้ฐานขนาดเล็กกว่าแท่งดินสอเล็กน้อยแล้วจึงบรรจุกริ่งโดยเอกลักษณ์อีกอย่างของ พระกริ่งหลวงพ่อโต คือจะมีบัวที่ด้านหลังองค์พระ 1 คู่ ส่วนการจำแนกพิมพ์ระหว่าง พิมพ์หน้ายักษ์ และ พิมพ์หน้าครุฑ มีจุดที่ต้องจดจำไว้คือ
พิมพ์หน้ายักษ์ ทำการถอดพิมพ์มาจาก พระกริ่งวัดตรีทศเทพปี 2491 แต่รายละเอียดจะตื้นกว่าตลอดทั้งรูบรรจุเม็ดกริ่งก็จะเล็กกว่าและ พิมพ์หน้าครุฑ ถอดพิมพ์มาจาก พระกริ่งใหญ่วัดเทพศิรินทร์ ปี 2495 เพียงแต่ ด้านหลังพระกริ่งวัดเทพศิรินทร์ จะมีเอกลักษณ์เป็นรูปใบโพธิ์นูนจารึกด้วยยันต์ตัว อุ อยู่กลางใบโพธิ์ส่วนพระกริ่งหลวงพ่อโตพิมพ์หน้าครุฑด้านหลังจะเป็น บัว 1 คู่ ดังกล่าวข้างต้น
สำหรับค่านิยมของ พระกริ่งหลวงพ่อโตนี้ หากองค์ที่มีสภาพสวยทั้ง พิมพ์หน้ายักษ์และพิมพ์หน้าครุฑ อยู่ระหว่าง หลักหมื่น แล้วแต่สภาพส่วน พิมพ์หน้านาง และ พิมพ์หน้ามงคล พร้อม พิมพ์หน้าเล็ก อยู่ระหว่าง หลักพันกลาง ถึงหลักหมื่น แต่ถ้าเป็น พระสังกัจจายน์พิมพ์หน้าใหญ่ ราคาจะสูงถึง หลักหมื่นขึ้น แล้วแต่สภาพทั้งนี้ก็เพราะ หลวงพ่อโต ดิสโส เป็นพระเกจิที่โดดเด่นมากทางด้านเมตตามหานิยมนั่นเอง. |
|