ชีวประวัติ หลวงปู่ตี๋ วัดท่ามะกรูด
รายละเอียด
ฝากรูป ฝากไฟล์ upload.212cafe.com
พระอธิการวิทยา ฉันทธัมโม
หลวงปู่ตี๋ เจ้าอาวาส วัดเขาเขียวพนาราม
ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
แต่ปัจจุบันท่านได้ย้ายมาพักรักษาตัวอยู่ที่วัดท่ามะกรูด ต.กระเสียว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ซึ้งห่างจากวัดเขาเขียวเพียง ๓ กิโลเมตรเท่านั้น
*** หลวงพ่อตี๋ วัดกระเสียว , หลวงพ่อตี๋ วัดเขาเขียว , หลวงพ่อตี๋ วัดท่ามะกรูด คือรูปเดียวกันครับ
โดย : saksuphan [ 2008-07-10 19:29:07 ] แจ้งลบกระทู้
( 1 )
ความคิดเห็นที่ : 1
ชาติภูมิ
หลวงปู่ตี๋ เกิดเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๗ ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙ ปี ชวด (ปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๕๑ อายุ๘๔ปี) ณ.บ้านท่าน้ำตลาดท่าช้าง อ.เดิมบางนางบวช เป็นบุตรของนายห้อย นาง กิมบี้ นามสกุล น้ำดอกไม้ หลวงปู่ตี๋มีพี่น้องทั้งหมด ๔ คน เป็นชาย ๓ คน หญิง ๑ คน หลวงปู่ตี๋เป็นบุตรคนโต
วัยเด็ก
แต่เดิมโยมพ่อท่านเป็นช่างก่อสร้างมณฑปบนยอดเขาวัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช และเมื่อตอนสร้างมณฑปนั้นได้นำเด็กชายตี๋ในขณะนั้นติดตามไปด้วยตลอด และหลวงพ่ออิ่ม เจ้าอาวาสวัดหัวเขาได้เห็นเด็กชายตี๋เข้า จึงเมตตาเลี้ยงดูให้ในขณะที่โยมพ่อหลวงปู่ตี๋กำลังทำงาน หลวงพ่ออิ่มได้ป้อนข้าวป้อนน้ำเลี้ยงเด็กชายตี๋เปรียบเสมือนลูกในไส้ และรักเด็กชายตี๋มาก และดูดวงชะตาเด็กชายตี๋ก็ทราบว่า ในอนาคตเด็กผู้นี้ต้องบวชไม่สึก และจะเป็นกำลังสำคัญในพระพุทธศาสนา ท่านจึงมอบตำราวิชาอาคมของท่านจำนวน1 เล่มไว้ให้กับโยมพ่อของหลวงปู่ตี๋เก็บรักษาเอาไว้ให้หลวงปู่ตี๋เมื่อโต ก่อนที่หลวงพ่ออิ่มท่านจะมรณภาพ
บรรพชา
เมื่อหลวงปู่ตี๋อายุ ๑๕ ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และเริ่มเรียนวิชาต่างๆจากตำราของหลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ วัดหัวเขา ที่โยมพ่อของท่านได้เก็บรักษาเอาไว้จนแตกฉาน
โดย : saksuphan [ 2008-07-10 19:34:04 ] แจ้งลบคำตอบ
ความคิดเห็นที่ : 2
อุปสมบท
จวบจนอายุ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบท ณ.พัทธสีมาวัดเขาพระ อ.เดิมบางนางบวช เมื่อวันที่ ๑๙ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๗ โดยมี
พระครูอเนกคุณากร (หลวงปู่แขก) วัดหัวเขา เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอาจารย์พิณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอาจารย์ไสว เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลวงปู่ตี๋ กับหลวงปู่แขก วัดหัวเขา
หลังจากหลวงปู่ตี๋อุปสมบทแล้ว ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหัวเขา เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและพุทธาคมจากหลวงปู่แขก ซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่ออิ่ม ดังนั้นหลวงปู่แขกจึงป็นอาจารย์องค์แรกของท่านจวบจนปี พ.ศ.๒๔๙๗
โดย : saksuphan [ 2008-07-10 19:39:58 ] แจ้งลบคำตอบ
ความคิดเห็นที่ : 3
หลวงปู่ตี๋ กับ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
หลังจากเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่แขกแล้วนั้น ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ หลวงปู่ตี๋ได้กราบลาหลวงปู่แขก เพื่อมาศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติมจากหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ผู้เป็นศิษย์เอกหลวงพ่ออิ่ม การมาศึกษาวิชาอาคมเพิ่มเติมจากหลวงพ่อมุ่ยของหลวงปู่ตี๋นั้นก็เพื่อจะเป็นการรวบรวมตำราของหลวงพ่ออิ่มที่หลวงพ่อมุ่ยมีอยู่เอาไว้ ดังนั้นหลวงปู่ตี๋จึงมาฝากตัวกับหลวงพ่อมุ่ย ซึ่งก็ดูเหมือนหลวงพ่อมุ่ยจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าหลวงปู่ตี๋จะต้องมาฝากตัวกับท่านเป็นแน่แท้ เพราะว่าหลวงพ่อมุ่ยท่านพรึมพรำออกมาตอนพบหลวงปู่ตี๋ว่า อ้อ ท่านตี๋นี้เอง เห็นพ่อครูเคยบอกฝากฝังเอาไว้ ซึ่งก็แสดงว่าหลวงพ่ออิ่มท่านได้เคยฝากฝังหลวงปู่ตี๋เอาไว้กับหลวงพ่อมุ่ยในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
เมื่อหลวงปู่ตี๋มาพบหลวงพ่อมุ่ย ก็ได้บอกจุดประสงค์ต่อหลวงพ่อมุ่ยว่าจะมาขอเรียนด้วย และบอกว่าวันพรุ่งนี้จะนำดอกไม้ธูปเทียนเข้ามาหาใหม่ เพื่อเป็นพิธีไหว้ครู ฝากฝังตัวไว้เป็นศิษย์ แต่หลวงพ่อมุ่ยกลับบอกว่า ไม่ต้องพรุ่งนี้หรอก วันนี้แหละ เดี๋ยวไปเอาดอกไม้ที่พระพุทธรูปโน้นมาเรียนเสียวันนี้เลย พร้อมกับจูงมือหลวงปู่ตี๋เข้ากุฏิเริ่มเรียนวิชากันเดี๋ยวนั้นเลย
หลวงปู่ตี๋เล่าเรียนวิชาต่างๆจากหลวงพ่อมุ่ยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเดินทางไปๆมาๆอยู่หลายปี จวบจนจบในปี พ.ศ.๒๕๐๕จึงเรียนจบ พร้อมกับได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดกระเสียว ต.กระเสียว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
โดย : saksuphan [ 2008-07-10 19:42:31 ] แจ้งลบคำตอบ
ความคิดเห็นที่ : 4
หลวงปู่ตี๋ กับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
หลวงปู่ตี๋ท่านมีลักษณะนิสัยชอบธุดงค์เป็นประจำ ช่วงชีวิตของท่านถือธุดงค์มาเกือบ ๔๐ ปี ในระหว่างที่อยู่วัดกระเสียวท่านก็ได้ออกธุดงค์เสมอๆโดยฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาสวัดกระเสียว คือ พระครูวิเชียร
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ตี๋ท่านออกธุดงค์ไปทางภาคตะวันออก และได้พบกับหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ จ.ระยอง แรกพบท่านทั้งคู่นั้นได้เกิดการลองวิชากันพอสมควร สุดท้ายหลวงปู่ตี๋จึงบอกกับหลวงปู่ทิมว่า ในช่วง๗วันที่อยู่ที่นี่ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านด้วยได้ไหม หลวงปู่ทิมท่านก็ตอบว่า แค่ ๗ วันจะไปเรียนอะไรได้ นี่เห็นว่าเป็นคนสุพรรณ ร่ำลือกันนักกันหนาว่าคนสุพรรณแน่จริงอยู่ หากเป็นจริงดังคำร่ำลือนั่นแล้ว ต้องมาเรียนด้วยกัน ๑ พรรษา จึงจะสอนให้ หลวงปู่ตี๋ได้ยินทำท้าทายจากหลวงปู่ทิมดังนั้นจึงธุดงค์กลับมาวัดกระเสียว และฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาสอีก เพื่อจะกลับไปร่ำเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติมจากหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ เป็นเวลา ๑ พรรษา เรียนกับหลวงปู่ทิมได้วิชาทำผงพรายกุมาร การเสกผง และวิธีการปลุกเสกพระเครื่อง
โดย : saksuphan [ 2008-07-10 19:55:50 ] แจ้งลบคำตอบ
ความคิดเห็นที่ : 5
หลวงปู่ตี๋ กับ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม (วัดบ้านแค)
หลวงปู่ตี๋ท่านมาเรียนกับหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท หลายครั้ง และหลวงพ่อกวยมักจะจูงมือหลวงปู่ตี๋เข้าไปเรียนในกุฏิแบบตัวต่อตัวตลอดครับ วิชาที่ท่านเรียนจากหลวงพ่อกวยนั้น คือ เรียนวิชาทำปลัดขิก ตะกรุด หนุมาน และวิชาอื่นๆอีกมากมาย
และวิชาหนึ่งที่หลวงปู่ตี๋ท่านสำเร็จเป็นเลิศและศิษย์หลวงพ่อกวยทุกท่านต่างทราบดีและยกย่องท่านนั้นก็คือ วิชาตัวเบา สามารถนั่ง สามารถเดินบนผิวน้ำได้ และอีกวิชาหนึ่งที่ท่านสำเร็จและขึ้นชื่อคือ วิชามือยาวรอดรูดาน สามารถหยิบสิ่งของไกลๆ และมีช่องเล็กๆได้ครับ
หลวงปู่ตี๋ กับหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ และหลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญ
หลวงปู่ตี๋ท่านมีความสนใจในวิชาอาคมและวิชาต่างๆมาก ซึ่งคนโบราณเรียกว่า คงแก่เรียน จึงได้พยายามเสาะแสวงหาพระอาจารย์เก่งๆและเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์เพิ่มเติมอยู่เสมอๆอีกดังนี้ กับหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท ท่านได้วิชาย่นระยะทาง และกำบัง ส่วนหลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญ จ.สิงห์บุรี นั้นท่านได้วิชาแป้งเสกครับ
โดย : saksuphan [ 2008-07-11 12:46:17 ] แจ้งลบคำตอบ
ความคิดเห็นที่ : 6
ออกจากวัดกระเสียว มาอยู่วัดเขาเขียว
ท่านออกจากวัดกระเสียวขณะที่เป็นเจ้าอาวาสและธุดงค์เรื่อยๆ เพื่อจะไปเรียนวิชาต่อกับหลวงพ่อกวย จนมาเจอวัดเขาเขียวพนาราม อ.เดิมบางนางบวช ในปี พ.ศ.๒๕๑๓ ซึ่งเดิมเป็นวัดร้าง และมีโรงเรียนร้าง ท่านจึงตัดสินใจที่อยู่ที่นั่น แต่ท่านต้องสู้กับเจ้าพ่อเขาเขียว (เจ้าที่) ที่ไม่ยอมให้ท่านสร้างวัดที่นั่น ตอนนั้นเวลานอนท่านยังนอนในกลดเช่นเดียวกับลูกศิษย์ท่าน คืนที่โดนเจ้าที่ลองก็คือ มีฝูงวัวควายวิ่งกันฝุ่นตลบนอกกลดจะเข้ามาทำร้ายท่านกับลูกศิษย์ แต่ท่านรู้ท่านสั่งลูกศิษย์ท่านว่าตอนกลวงคืนไม่ว่ามีอะไรห้ามออกจากกลดเด็ดขาด ถ้าจะตายก็ให้ตายด้วยกัน คืนนั้นลูกศิษย์ท่านกลัวมากและคิดว่าท่านหลับแล้วจะวิ่งออกนอกกลด แต่ท่านกระแอม ลูกศิษย์ท่านจึงมีสติและนึกถึงคำสั่งของท่านได้ เช้าวันรุ่งขึ้นมีชาวบ้านมานิมนต์ให้ท่านอยู่ที่นี่ และทำพิธีแบ่งเขตกันระหว่างวัดกับเจ้าพ่อเขาเขียว
ระหว่างที่ท่านอยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาเขียวนั้น ท่านถูกทำร้ายอยู่หลายๆครั้ง ทำให้ลูกศิษย์ถามท่านว่า ทำไมหลวงพ่อไม่ย้ายวัด เพราะมีหลายวัดที่อยากได้หลวงพ่อไปจำพรรษาอยู่ แต่ท่านกลับบอกว่า ต้องการใช้กรรมให้หมดในชาตินี้ ไม่ต้องการใช้กรรมนี้ในชาติต่อไป
ตอนที่ท่านโดนทำร้ายบางคนใช้มีดฟันศรีษะท่านเลย ลูกศิษย์เคยถามท่านว่า หลวงพ่อไม่กลัวหรือ? แต่ท่านกลับพูดติดตลกว่า กลัวมีดของมันจะบิ่นมากกว่า
หลวงปู่ตี๋ท่านจำพรรษาอยู่วัดเขาเขียวได้พัฒนาวัดเขาเขียวพอสมควรจากสำนักสงฆ์จวบจนเป็นรูปเป็นร่างและกลายเป็นวัดขึ้นมา
ย้ายมาจำพรรษาอยู่วัดท่ามะกรูด
ต่อมาหลวงปู่ตี๋ท่านได้ชราภาพมาก และเจ็บป่วยบ่อยครั้ง ลูกศิษย์จึงนิมนต์ท่านให้มาจำพรรษาอยู่วัดท่ามะกรูด อ.สามชุก ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลมากกว่าวัดเขาเขียว และถนนหนทางก็สะดวกมากกว่าวัดเขาเขียว ท่านจึงจำพรรษาอยู่วัดท่ามะกรูดเมื่อไม่กี่ปีนี้เป็นต้นมา
โดย : saksuphan [ 2008-07-11 12:48:57 ] แจ้งลบคำตอบ
ความคิดเห็นที่ : 7
การสร้างวัตถุมงคล
หลวงปู่ตี๋ท่านมักปลุกเสกวัตถุมงคลในบาตรพระ และวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกนั้นมักจะวิ่งส่งเสียงดังเสมอ
ท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลครั้งแรกสมัยที่เป็นเจ้าอาวาสวัดกระเสียว วัตถุมงคลที่ท่านสร้างครั้งแรกคือ เหรียญรุ่นแรก ซึ่งออกที่วัดกระเสียวนี้ จำนวน๑๐, ๐๐๐ เหรียญ โดยแรกเริ่มท่านตั้งใจจะสร้างปี พ.ศ. ๒๕๑๒ แต่ไปปรึกษาหลวงพ่อมุ่ย และหลวงพ่อมุ่ยท้วงว่าให้สร้างปี ๒๕๑๓ จะดีกว่า ท่านจึงสร้างเหรียญรุ่นแรกในปีพ.ศ.๒๕๑๓ ตามคำแนะนำของหลวงพ่อมุ่ย พอโรงงานปั๊มเหรียญทำเหรียญอกมาเสร็จ ท่านก็นำไปให้หลวงพ่อมุ่ยผู้เป็นอาจารย์เสกเป็นรูปแรก หลวงพ่อมุ่ยเสกให้ท่านอย่างเต็มที่เลยทีเดียว และต่อมาหลวงปู่ตี๋ท่านจึงนำมาให้หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตารามเสกอีกเป็นรูปที่สอง ซึ่งหลวงพ่อกวยท่านก็เสกให้อย่างเต็มที่เหมือนกัน และเป็นเวลานานเลยทีเดียว หลังจากนั้นหลวงปู่ตี๋จึงนำกลับมาที่วัด และเสกเองที่วัดอีกเรื่อยๆมาเป็นเวลาหลายไตรมาส
เหรียญรุ่นแรกของท่านนี้ ลูกศิษย์นิยมเรียกกันว่า เหรียญหนีลูกปืน คือมีที่มาของชื่ออยู่ว่า หลังจากหลวงพ่อมุ่ยและหลวงพ่อกวยและหลวงปู่ตี๋ท่านเสกเรียบร้อยแล้ว มีลูกศิษย์ได้รับแจกเหรียญนี้ไป ได้นำเหรียญนี้ไปลองยิงกันที่หลังวัด ปรากฏว่า นัดแรกยิงไม่ออก นัดที่สองออก แต่ไม่ถูก เพราะขณะประทับปืนจะยิงเหรียญอยู่ๆนั้น เหรียญดังกล่าวก็หายไปทันตา คนยิงจึงมองไม่เห็นเหรียญ จึงยิงไม่ถูก สุดท้ายก็เลยต้องไปกราบขอขมาหลวงปู่ตี๋ท่าน
ที่วัดกระเสียว นอกจากเหรียญรุ่นแรกของท่านแล้ว ท่านยังสร้างวัตถุมงคลอื่นขึ้นมาอีกด้วย คือ ภาพถ่ายขนาด๕นิ้ว และ ล็อกเก็ตห่มคลุม
ต่อมาเมื่อท่านจำพรรษาและมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดเขาเขียว อ.เดิมบางนางบวชท่านก็ได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นมาอีกเป็นจำนวนหลายรุ่น หลายชนิด คือ ภาพถ่ายขนาดบูชารุ่นแรก , ภาพถ่ายขนาดคล้องคอรุ่นแรก , รูปหล่อรุ่นแรก , พระผงรูปเหมือนรุ่นแรก, ตะกรุด , มีดหมอ , ปลัดขริก , ผ้ายันต์ , ภาพถ่ายต่างๆ, เหรียญต่างๆ, พระบูชา , พระพิมพ์ต่างๆ , ฯลฯ
ต่อมาหลวงปู่ตี๋ท่านชรามากนัก ลูกศิษย์จึงนิมนต์ท่านมาจำรรษาอยู่วัดท่ามะกรูด ซึ่งใกล้หมอมากกว่า ท่านจึงจำพรรษาอยู่วัดนี้จวบจนปัจจุบัน และที่วัดนี้ท่านก็สร้างวัตถุมงคลต่างๆขึ้นมาอีกมากมาย คือ ภาพถ่าย , ตะกรุด , ปลัดขริก , ผ้ายันต์ , กระดาษยันต์ , พระพิมพ์ต่างๆ , ฯลฯ
ซึ่งวัตถุมงคลทุกชนิดขงหลวงปู่ตี๋นั้นล้วนแต่มีประสบการณ์อภินิหาริย์ต่างๆมากมายเป็นที่นิยมเสาะหานำมาบูชาครอบครองกันทั้งสิ้น
โดย : saksuphan [ 2008-07-11 12:51:34 ] แจ้งลบคำตอบ |
|