พระแม่อุมา (ปารพตี หรือ กาลีทุรคา) เทวีแห่งความการุณย์
(ภาคพระแม่กาลีและพระแม่ทุรคา) พระนามที่ปรากฏในคัมภีร์ต่าง ๆ อาทิ พระนางเหมวดี พระนางสยามา พระจัณฑิกา พระไภรพี พระชคินมาตา พระแม่อุมายังมีอีกหลายภาคด้วยกัน เช่นภาคหนึ่งซึ่งเป็นภาคที่พระแม่อุมา ไม่ได้มีความสวยงามหมดจดงดงามดั่งภาคอื่น ๆ แต่ในภาคของพระแม่กาลี นี้พระนางเป็นเทวีที่มีผิวพรรณดำสนิท มีวรกายอ้วนใหญ่ปล่อยผม สยายยาว ประบ่ามิได้รวบขึ้นรัดเกล้าไว้ พระแม่กาลี มี ๑๐ แขน มีอาวุธร้ายถืออยู่ในทั้ง ๑๐ มือนั้น และที่ริมฝีปากยังมีเลือดไหลหยดเป็นทางยาว และประดับเครื่องแต่งองค์อาภรณ์ไปด้วยสังวาลสายที่ร้อยไว้ด้วยมือ คนที่ตัดมาจากการฆ่าอีกทั้งยังมีงูตัวใหญ่ร้อยคาดองค์ดั่งสังวาลเช่นกัน มือหนึ่งใน ๑๐ มือของเจ้าแม่กาลีนี้ได้ถือหัวกระโหลกบ้าง บางแห่งก็ว่าไว้ว่าถือหัวยักษ์ซึ่งตัดใหม่มีเลือดหยดเป็นรอยไหลเป็นทาง พระแม่กาลีในภาคนี้มีความดุร้ายเหี้ยมโหดเป็นยิ่งนัก พระแม่โปรดที่จะเสวยเลือดและเห็นคนถูกฆ่าตายเพื่อบูชายัญอันเป็นการสักการบูชา พระแม่นั่นเอง พิธีตันตระหรือพิธีการเสพสังวาสหมู่ก็เป็นอีกพิธีหนึ่งซึ่งถือว่าหากทำพิธีสังวาสหมู่เพื่อถวายเป็นการสักการบูชาพระแม่กาลีแล้วพระแม่จะโปรดมาก พิธีตันตระ มีลักษณะการประกอบพิธีกรรมคือ ให้ชายหญิงเข้าโบสถ์หรือที่อันรโหฐานแล้วปิดไฟให้มืดมิด จากนั้นให้ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงค่อย ๆ เอื้อมมือคลำไขว่คว้าหา กันหากคลำได้ถูกคู่นั้นก็จะต้องเสพสังวาสกันโดยมิเลือกว่าจะเป็นญาติสนิทมิตรสหาย หรือแม้แต่พ่อแม่พี่น้องกันก็ต้องกระทำการสมสู่กัน ในคัมภีร์โบราณเล่าว่ายิ่งถ้าเป็นแม่เป็นลูกเป็นพ่อเป็นลูก หรือเป็นพี่น้องกันหากได้เสพสังวาสกันในพิธีตันตระนี้ก็จะทำให้ได้บุญมาก เพราะพระแม่กาลีจะโปรดปรานมากเป็นพิเศษ นอกจากในภาคของพระแม่กาลีอันดุดันโหดร้ายนี้แล้ว พระแม่อุมายังมีภาคที่ดุร้ายอีกคือ ภาคของทุรคา ซึ่งพระแม่จะมีรูปร่างที่อุบาทว์อัปลักษณ์เป็นยิ่งนัก รูปร่างของพระแม่ในภาคนี้นั้นปล่อยผมยาวรุงรังจนจรดเท้า นัยน์ตาโปนเถลือกถลน แดงราวกับเลือด แลบลิ้นยาวจรดทรวงอก ทรวงอกยานถึงระเอว เล็บมือเล็บเท้ายาวเฟื้อย มีเข็มขัดเป็นซี่โครงของคนผูกต่อกันและชิ้นซากศพของคนตายแล้วนั้นนำมาร้อยเป็นต่างหู พระแม่ในภาคทุรคา อันน่าเกลียดน่าสยดสยองนี้มีมือ ๑๒ มือ แต่ละมือถืออาวุธร้ายและซากศพของคนตายน่ากลัวเป็นยิ่งนัก เล่ากันว่าพระแม่อุมานั้นแต่เดิมเกิดขึ้นจากการที่พระศิวะใช้พระหัตถ์ข้างขวาลูบเบาๆ ที่กลางพระอุระดังนั้นพระแม่อุมาจึงจุติขึ้นจากกลางทรวงอกของพระศิวะ นั่นเอง แต่ในบางคัมภีร์ได้เล่าไว้ว่าพระอุมากำเนิดเป็นธิดาของพระทักษะประชาบดีพระอุมาในภาคนั้นมีพระนามว่า พระสตี เป็นชายาของมุนีภพคือพระศิวะ อีกภาคหนึ่ง ในครั้งนี้พระทักษะประชาบดีพระบิดาของพระสตีหรือพระแม่อุมานั้นก็ได้จัดให้มีพิธียัญกรรม และได้เชิญสวามีของธิดาของพระองค์ซึ่งมีอยู่ หลาย ๑๐ พระธิดานั้นมาร่วมในงานพิธีนี้ทั้งสิ้น แต่พระมุนีภพหรือพระศิวะในภาคนั้นซึ่งได้เป็นลูกเขยองค์หนึ่งของพระทักษะประชาบดีมิได้รับเชิญ ให้มาร่วมงาน ด้วย พระสตีผู้เป็นธิดาองค์หนึ่งจึงรู้สึกน้อยใจในพระบิดายิ่งนักจึงได้ตัดพ้อต่อว่าไม่เป็นธรรม มีความลำเอียงที่ไม่เชิญพระศิวะ หรือมุนีภพ ผู้เป็นสวามีของ นางมาร่วมในพิธีครั้งนี้เมื่อธิดาต่อว่าแทนสามีตนเช่นนั้น พระทักษะประชาบดีจึงได้โกรธ และได้ดูถูกดูแคลนพระศิวะว่ามีข้อบกพร่องอย่างไรบ้าง พระองค์จึง ไม่ได้เชิญมาร่วมงานพิธียัญกรรมเช่นลูกเขยคนอื่น ๆ เมื่อได้ฟังพระบิดาสบประมาทพระสวามีเช่นนั้นพระสตีจึงเสียพระทัยเป็นยิ่งนัก ถึงกับทำลายพระชนม์ชีพตนเองจนสิ้นพระชนม์ ต่อมาพระสตีได้ไปกำเนิด เป็นธิดาของพระหิมวัต และนางเมนกาซึ่งก็เป็นความมุ่งหมายของเหล่าเทพที่มีความเห็นใจ และให้พระสตีไปกำเนิดประสูติเป็นพระธิดาของกษัตริย์แห่ง แคว้นอันใหญ่โตแห่งหนึ่ง ในภาคนี้ได้มากำเนิดเป็น พระอุมา ฝ่ายพระศิวะหรือมุนีภพในภาคนั้นก็ได้มีความเสียพระทัยเป็นยิ่งนักที่พระสตีชายาของพระองค์สิ้นชีวิตเพราะต้องการปกป้อง และรักษาศักดิ์ศรีของ พระองค์ผู้เป็นสวามีของนาง ดังนั้นพระศิวะจึงได้ออกไปบำเพ็ญพรตอยู่ที่เทือกเขาหิมาลัย
 |
|