ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : สารปนเปื้อน..อันตรายแฝงจากอาหารแห้ง

(D)
๐ เชื้อรา ๐
เกิดจากการควบคุมอุณหภูมิของอาหารไม่ดีพอ ทำให้เกิดความชื้นจากการอบหรือตากแห้ง อาหารที่มักเกิดเชื้อราได้ง่าย คือ หอม กระเทียม เห็ดหูหนู ดอกไม้จีน เก๋ากี้ กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง หมูแดดเดียว ปลาตากแห้ง เชื้อรามีผลต่อการทำงานของตับและทำให้ภูมิคุ้มกันโรคลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งตับ

การเลือกซื้อของแห้งกลุ่มนี้ต้องสังเกตสี ดมกลิ่น สัมผัส แต่ไม่ควรชิม ถ้าอากาศช่วงนั้นมีความชื้นสูงควรรีบนำมาทำอาหารก่อน ส่วนที่ตากแห้งสนิทควรแช่แข็งแต่ไม่ควรเกิน 1 เดือน หรือถ้าเก็บในช่องเย็นปกติควรนำออกมาตากแดดบ้าง



๐ เชื้อราอฟาทอกซิน ๐
ผู้ได้รับสารนี้จะมีอาการคล้ายอาหารเป็นพิษ คือ อาเจียนและท้องเดิน และเป็นสาเหตุของมะเร็งตับ เนื่องจากสารพิษไปทำลายเนื้อเยื่อของเซลล์ตับ มักพบในหัวหอม กระเทียม ถั่วลิสง พริกแห้ง เมล็ดธัญพืชต่างๆ

วิธีเลือกของแห้งกลุ่มนี้ คือ ต้องแห้งสนิท ไม่มีกลิ่นหืน ไม่ลีบฝ่อ สีต้องไม่เข้มผิดปกติหรือสีดำ เชื้อชนิดนี้ไม่สามารถทำลายได้ต้องทิ้งอย่างเดียว



๐ เชื้อสแตปพิโลคคัส ๐
พบในเนื้อหมู แฮม ไส้กรอกฝรั่ง เบคอน เชื้อนี้สามารถสร้างสารพิษที่ทนความร้อนได้ หากทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องจะทำให้เชื้อเติบโตได้ดี คนที่รับประทานเชื้อนี้จะมีอาการภายใน 2-4 ชั่วโมง คือ คลื่นไส้รุนแรง อาเจียน ปวดบิดในท้องเป็นพักๆ ถ่ายเป็นน้ำ อาการรุนแรงมากถ้าเป็นกับเด็กเล็ก

วิธีซื้อผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ คือ ซื้อจากแหล่งขายที่มีตู้แช่และมีวิธีเก็บรักษาระหว่างการขนส่งและการขาย ผู้ขายต้องใช้อุปกรณ์ตักที่ถูกต้อง สะอาด ไม่ใช้มือสัมผัส ควรเลือกซื้อที่บรรจุในถุงและปิดผนึกเรียบร้อย สถานที่ขายไม่ตั้งในที่คนหรือรถสัญจรไปมาปะปนฝุ่นละอองหรือควันไอเสีย



๐ เชื้อคลอสติเดียม ๐
อยู่ในผักผลไม้ดองที่บรรจุกระป๋อง หากได้สารพิษนี้จะเกิดอาการภายใน 4-6 ชั่วโมง จะอ่อนเพลีย ปวดหัว วิงเวียน ท้องผูก อัมพาตทางประสาทตา สมองอาจตายได้ เชื้อนี้ไม่สามารถสังเกตได้จากการชิม ดมกลิ่น แต่สามารถทำลายได้ในอุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียสนาน 30 นาที แต่ก็สามารถสร้างสารพิษใหม่ได้ถ้าวางไว้ที่อุณหภูมิห้องเกิน 24 ชั่วโมง

การกินผักผลไม้ดองหรือบรรจุกระป๋องควรอุ่นก่อนถ้าสามารถอุ่นได้ หรือแบ่งกินและเก็บในภาชนะมีฝาปิดแล้วแช่ตู้เย็น



๐ สารพิษไดออสคอรีนและไตออสจินัน ๐
พบในหัวกลอยแห้ง พิษของมันทำให้ใจสั่น ปวดหัว คันคอ คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก ตาพร่า ชีพจรเต้นเบา ตัวเย็น เป็นลม ประสาทหลอน กล้ามเนื้อกระตุก ถ้าได้รับมากเกินไปอาจตายได้ การทานกลอยควรทานในฤดูร้อน การทำลายพิษให้ปอกเปลือก ฝานบางๆ ล้างให้น้ำไหลผ่านนาน 3 วัน สารพิษจึงหมด



๐ สารพิษพวกไซยาไนด์ ๐
พบในมันสำปะหลังดิบ อาการมักปวดท้องรุนแรง อาเจียน ชาตามปลายมือและเท้า แขนขาไม่มีแรง ใจสั่น บางรายอาจชักหรือถ่ายโดยไม่รู้ตัว อาจหมดสติ หายใจไม่ออกและตายได้ ควรเลือกซื้อมันที่ไม่มีรอยครูด ถลอก ช้ำ ฉีกขาดหรือแตกหัก เพราะสารพิษจะเกิดและแสดงอาการหลังกินแล้ว 1-2 ชั่วโมง ก่อนกินต้องปรุงสุกด้วยความร้อนก่อน



๐ สารตะกั่ว ๐
ถ้าได้ปริมาณสูงจะเกิดอาการเฉียบพลันภายใน 30 นาที คือ ปวดท้อง อุจจาระร่วง อาเจียน ถ่ายเป็นสีดำหรืออาจเสียชีวิตได้ มักพบสารนี้ในปลาเค็ม ปลาแห้ง กุ้งแห้ง ผู้ประกอบการมักฉีดยาฆ่าแมลงเพื่อป้องกันแมลงวันมาวางไข่ ร้านไหนวางมะกรูดหรือมะนาวฝานบนเนื้อปลาแห้งหรือปลาเค็ม แสดงว่าป้องกันแมลงวันได้ระดับหนึ่ง วิธีพิสูจน์ว่าปลาเค็มฉีดยาหรือไม่ ให้วางทิ้งไว้ให้แมลงวันตอมแล้วครอบฝาชี ถ้าแมลงวันไม่ตายแสดงว่าปลอดภัย



๐ สารปรอท ๐
มีในอาหารทะเลที่ได้จากแหล่งอุตสาหกรรม อาการผิดปกติจะเกิดใน 20-30 นาที คือ ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ควรเลือกซื้ออาหารทะเลที่ขายในท้องถิ่นหรือใกล้แหล่งประมง ป้องกันสารปนเปื้อนจากการขนส่ง



๐ สีผสมอาหาร ๐
กฎหมายระบุว่าห้ามใช้ทั้งสีธรรมชาติและสีสังเคราะห์กับเนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ปรุงแต่ง รมควัน ทำให้แห้ง เช่น แหนม กุนเชียง ไส้กรอก ลูกชิ้น หมูยอ ยกเว้นไก่สดสามารถใช้สีจากขมิ้นหรือผงกะหรี่ได้

ส่วนเนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ย่าง อบ ทอด สามารถใช้ได้เฉพาะสีธรรมชาติเท่านั้น แม้สีสังเคราะห์จะอนุญาตให้ใช้ในอาหารประเภทผัก ผลไม้ แต่ถ้ากินบ่อยๆ จะเกิดการเคลือบสีที่เยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้น้ำย่อยออกมาไม่สะดวก อาหารย่อยยากหรือไม่ย่อย ท้องอืดท้องเฟ้อ ขัดขวางการดูดซึมของอาหาร น้ำหนักลด ท้องเดิน อ่อนเพลีย มีผลต่อตับและไต อาจเป็นมะเร็งในอนาคต ควรเลี่ยงอาหารแห้งที่มีสีสดผิดปกติ หรือถ้าปอกเปลือกได้ก็ควรปอก



๐ บอแรกซ์ ๐
เป็นกรดบอริคหรือรู้จักในชื่อสารกรุบกรอบ ปกติเราใช้สารนี้ล้างหม้อขนาดใหญ่และฆ่าเชื้อโรค แต่ผู้ประกอบการมักง่ายกลับนำมาผสมในลูกชิ้น หมูยอ เพื่ื่อให้กรอบ เนื้อเด้ง ส่งผลต่อไต ตับ ทำให้สมองอักเสบ ถ้าอยากรู้ว่าอาหารใดมีสารบอแรกซ์ให้นำกระดาษขาวไปย้อมขมิ้นแล้วนำมาทดสอบ ถ้าสีไม่เปลี่ยนคือปลอดภัย ถ้าเปลี่ยนเป็นน้ำตาลหรือสีคล้ำไม่ควรกิน



๐ โซเดียมเมตาฟอสเฟต ๐
เป็นสารที่ใช้แทนผงชูรส นิยมใช้เป็นยาถ่ายของวัวควาย มีอันตรายเหมือนสารบอแรกซ์ วิธีทดสอบคือนำผงที่มีรูปร่างคล้ายผงชูรสใส่ช้อนสแตนเลส นำไปเผาไฟ ผงชูรสธรรมชาติจะไหม้เกรียมเป็นสีดำ ส่วนโซเดียมเมตาฟอสเฟตเมื่อเผาแล้วจะเป็นผลึกขาว

โดยคุณ brain (160)(2)   [ศ. 08 ส.ค. 2551 - 08:10 น.]



โดยคุณ yuirayong (5.7K)  [ศ. 08 ส.ค. 2551 - 08:29 น.] #335300 (1/8)
สุดยอด ได้รับความรู้เพิ่มเติม
จริงๆแล้วผมเองก็ไม่ทราบด้วยว่ามีสารอะไรตกค้าง ขอบคุณครับ

โดยคุณ ปฏิพัทธ์2539 (1.4K)  [ศ. 08 ส.ค. 2551 - 09:03 น.] #335324 (2/8)
เยี่ยม.............................

โดยคุณ Chiu2002 (5.5K)  [ศ. 08 ส.ค. 2551 - 10:12 น.] #335359 (3/8)
ยอดเยี่ยม ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ...

โดยคุณ thanaanan (7K)  [ศ. 08 ส.ค. 2551 - 10:21 น.] #335366 (4/8)


(D)
ขอบคุณมากครับ ข้อมูลเยี่ยมจริงๆ

โดยคุณ puttakrawee (1.7K)  [ศ. 08 ส.ค. 2551 - 11:39 น.] #335414 (5/8)


(D)

โดยคุณ pusit (1.7K)  [ศ. 08 ส.ค. 2551 - 12:31 น.] #335450 (6/8)


(D)
เยี่ยมยอดครับ

โดยคุณ คอปแมน (46.8K)  [ศ. 08 ส.ค. 2551 - 12:37 น.] #335458 (7/8)
**ขอบคุณครับ

โดยคุณ dmdses (2.9K)(1)   [ศ. 08 ส.ค. 2551 - 19:56 น.] #335822 (8/8)


(D)
...กินยาฆ่าตัวตายชัดๆ...เยี่ยมมาก..ขอบคุณครับ..

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5