ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : เขาพระวิหาร....เป็นของเขา แต่เราเท่านั้นที่ขึ้นได้.......มันน่าจะเป็นของใคร????



(D)


ลองดูลัดษณะทางภูมิศาสตร์สิครับ ต้องขึ้นฝั่งเรา (ซ้าย)อย่างเดียว นอกเสียจากเขา (ขวา) จะสร้างกระเช้าขึ้น........แค่บูรณะปราสาทยังไม่ทำเลย......ปัจจุบันทรุดโทรม ร้านขายของตรึม....

โดยคุณ phupha (3.4K)  [พ. 18 มิ.ย. 2551 - 22:43 น.]



โดยคุณ phupha (3.4K)  [พ. 18 มิ.ย. 2551 - 22:44 น.] #304482 (1/28)


(D)


มันน่าจะเป็นของใคร??????????????????????

โดยคุณ โชติอนันต์ (5K)  [พ. 18 มิ.ย. 2551 - 23:29 น.] #304514 (2/28)
สมัยก่อน ต้นเหตุเพราะฝรั่งเศส เขียนเส้นแบ่งเอง พูดได้เท่านี้ครับลองไปสืบประวัติศาสตร์ดูครับ แต่อนาคตจะเป็นของใคร ...............ต้นเหตุคือใคร...ที่จะให้เราเสียดินแดน..................?

โดยคุณ ลูกพ่อ42 (735)  [พ. 18 มิ.ย. 2551 - 23:34 น.] #304516 (3/28)
สงสัย จะ เอาเกาะกงมาแลกมั้งครับ

โดยคุณ phaisan (3.8K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 00:55 น.] #304534 (4/28)
น่าจะได้สัมปทานทรัพย์ยากร ที่มีมูลค่าอภิมหา.....แลกกับแผ่นดินที่ไม่ใช่ของตน แต่เป็นของคนทั้งชาติ
***อ่านโดยใช้วิจารรญาณนะครับ ขอสงวนสิทธิ์ความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่อนุญาตให้นำไป พาดพิงใคร

โดยคุณ yong2029 (733)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 00:59 น.] #304535 (5/28)


(D)


ไม่มีข้อมูลจริงครับ........รู้แต่เพียงว่าตอนนี้เขาวังของผมโดนมนุษยึดรอบเขาหมดแล้ว

โดยคุณ พรหมประทาน (97)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 01:36 น.] #304546 (6/28)
เราต้องเอาคืน เพราะใคร หรือแลกกับอะไร
พิมพ์ไปบ่นไป เฮ้ย

โดยคุณ boy1111 (765)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 05:22 น.] #304561 (7/28)
เป็นเรื่องละเอียดอ่อนควรมีความรอบครอบ ควรมีการระดมความคิดเห็นศึกษาข้อดีข้อเสียจากนักวิชาการด้านต่างๆ หน่วยงานต่างๆและประชามติของคนในชาติก่อนการดำเนินการใดๆในเรื่องนี้ อย่ามองแค่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่านั้น ควรมองในแง่ประเทศชาติของเราหากทำไปแล้วมีผลอย่างไรต่อพื้นที่แผ่นดินไทยของเราทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต เพราะไม่ใช่เพียงเขาพระวิหารที่เดียวที่มีข้อพิพาทกับประเทศที่ติดกับเรายังมีอีกหลายจุด หากเราทำอะไรไปไม่รอบครอบต่อไปจะเป็นบรรทัดฐานให้ประเทศที่มีข้อพิพาทกับเราใช้ข้อนี้เป็นผลประโยชน์ต่อประเทศของเราต่อไป ...

โดยคุณ pusit (1.7K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 05:48 น.] #304563 (8/28)


(D)
@@สมัยก่อนไอ้พวกฝรั่ง....มันจะทำอะไร...ก็ได้.....ไอ้พวกล่าอาณานิคม.......พูดแล้ว...ลมมันขึ้นหูทุกที...........

โดยคุณ คอปแมน (46.8K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 06:20 น.] #304567 (9/28)
**ตอนนี้พวกฝรั่งได้ชดใช้กรรมสมัยรุ่นทวดมันได้ก่อไว้บ้างแล้วครับ
บรรดาเหล่าลูกหลานทาสผิวดำ ปัจจุบันเป็นดารานักกีฬาทำเงินมากมาย ไทเกอร์ วู้ด นักบาส อเมริกันฟุตบอล นักมวย นักฟุตบอล ดำๆใหญ่ๆทั้งนั้น
พวกผิวขาวต้องตีตั๋วราคาแพงเข้าไปดู

โดยคุณ jeckkop (181)(3)   [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 07:28 น.] #304578 (10/28)
ทางขึ้นอยู่กับเราแล้วใครละที่จะขึ้นไปสร้างถ้าไม่ใช่คนไทยเอง ก็ต้องเป็นของเราสิครับ ทำไมคนบางกลุ่มบางคนอยากยกให้เค้าจังเลย ส่วนตัวผมไม่ยอมครับผม

โดยคุณ ชมดาวโคราช (4.7K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 08:22 น.] #304605 (11/28)
ทางขึ้นอยู่ฝั่งประเทศไทย ถ้าไม่ใช่คนไทยสร้างแล้วใครจะสร้างครับพี่น้อง

โดยคุณ supap (1.6K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 09:04 น.] #304623 (12/28)
ยกเขาพระวิหารให้เขมรไป ยกประเทศไทยให้พลตรีจำลอง สนธิ และ พันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยให้เค้าไป พวกเราไปหาเกาะอยู่กันดีกว่า

โดยคุณ supap (1.6K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 09:04 น.] #304624 (13/28)
ยกเขาพระวิหารให้เขมรไป ยกประเทศไทยให้พลตรีจำลอง สนธิ และ พันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยให้เค้าไป พวกเราไปหาเกาะอยู่กันดีกว่า

โดยคุณ Burapa911 (2.4K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 09:10 น.] #304628 (14/28)
ทำไมเรื่องสำคัญแบบนี้ไม่นำเข้าสภา เพื่อถกปัญหาให้รอบคอบ ถึงเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศก็ไม่มีสิทธิ ที่จะตัดสินใจโดยลำพัง ท้าทายว่าถ้าผิดจะลาออก ตำแหน่งจอมปลอมกับผืนแผ่นดินของชาติ ไม่มีอะไรทัดเทียมกันได้ ไม่ได้เห็นด้วยกับการปิดถนนประท้วง แต่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องหนึ่งที่ผลักดันให้คนเข้าร่วมต่อต้านรัฐบาลมากขึ้น ผมไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าจะไปเย้วๆ อยู่กลางถนน แต่สำหรับเรื่องนี้ผมจะไป เฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ

โดยคุณ surata (372)(4)   [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 10:55 น.] #304681 (15/28)

โดยคุณ dam09 (1K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 11:51 น.] #304709 (16/28)


(D)
ความเป็นมา : ปราสาทเขาพระวิหาร
เทวาลัยหรือปราสาทหินแห่งแรกในบริเวณนี้ สร้างขึ้นเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 9 ทั้งหมดสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระศิวะ อย่างไรก็ตาม ซากปรักหักพังของเทวาลัยที่เหลืออยู่ มีอายุตั้งแต่สมัยเกาะแกร์ ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 10 ครั้นเมื่อนครหลวงของอาณาจักรขอมอยู่ใกล้ เมื่ออยู่ที่นครวัด นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบบางประการในรูปแบบศิลปะของปราสาทบันทายศรี แต่โครงสร้างส่วนใหญ่ของปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และ สุริยวรมันที่ 2 ในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 11 และศตวรรษที่ 12 ตามลำดับ

ด้วยตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้เกิดกรณีพิพาทโต้แย้งขึ้นว่าใครจะเป็นผู้ครอบครองและดูแลปราสาทหินแห่งนี้ กระทั่งวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) ก็ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา[1] แต่หลังจากนั้นไม่นาน กัมพูชาเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นภายในประเทศ ปราสาทหินแห่งนี้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมเป็นช่วงสั้นๆ ในปี พ.ศ. 2535 แต่ปีต่อมาก็ถูกเขมรแดงเข้าครอบครอง จากนั้นก็เปิดอีกครั้งจากฝั่งประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ. 2541 และเมื่อ พ.ศ. 2546 กัมพูชาก็ได้ตัดถนนเข้าไปจนสำเร็จสมบูรณ์หลังจากรอคอยเป็นเวลาช้านาน แต่ก็มีการห้ามเข้าอยู่เป็นระยะโดยมิได้กำหนดล่วงหน้า

ในเวลาต่อมากัมพูชาเสนอให้ขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารให้เป็นมรดกโลกต่อองค์การยูเนสโก ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 31 ณ เมืองไครสเชิร์ช นิวซีแลนด์ เมื่อ พ.ศ. 2550 แต่ไทยกับกัมพูชามีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ซึ่งฝ่ายไทยกล่าวว่าควรแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่เขตแดนทับซ้อนรอบปราสาทก่อนแล้วจึงค่อยเสนอ [2] จนกระทั่งใกล้ถึงการประชุมสมัยที่ 32 ที่แคนาดา ในปีถัดมา ก็ยังไม่ได้ข้อตกลงร่วมกัน [3] และถ้าหากเขาพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยอ้างอิงจากแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำ จะทำให้ไทยต้องเสียดินแดนถอยร่นเข้ามาประมาณ 7.2 ตารางกิโลเมตร [4]

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาคัดค้านในการที่กัมพูชาเสนอให้ขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารให้เป็นมรดกโลกต่อองค์การยูเนสโก ซึ่งกล่าวเอาไว้ว่า [5]

"ถึงแม้ว่าศาลโลกจะบอกว่าประสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ด้วยมติ 7 ต่อ 5 ก็ตาม แต่ประเทศไทยได้คัดค้านตลอดเวลา และยังอยู่ในศาลโลกจนถึงวันนี้ จากข้อคัดค้านดังกล่าว คำฟ้องของประเทศกัมพูชาพูดถึงเฉพาะปราสาทเขาพระวิหาร ในขณะที่ธรรมนูญศาลโลกข้อ 59 ที่ว่า ถ้าหากคู่กรณีฟ้องเรื่องไหน ศาลจะพิจารณาเฉพาะแต่เรื่องนั้น ฉะนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับมรดกโลกแม้แต่น้อยเลย เมื่อไม่ได้เกี่ยวกรณีนี้แล้วนพดลมัวทำอะไรอยู่"

โดยคุณ dam09 (1K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 11:57 น.] #304714 (17/28)
ทำไมถึงแพ้คดี..ต้องยกปราสาทนี้ให้เขมร
คดีปราสาทเขาพระวิหาร ระหว่าง กัมพูชากับไทย พ.ศ. 2505 ซึ่งเกิดปัญหาบริเวณ ทิวเขาพนมดงรักซึ่งทอดตัวพาดกั้นเขตแดนระหว่าง ประเทศกัมพูชา และ ราชอาณาจักรไทย โดยทั้งฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทยก็ได้ยินยอมให้คดีขึ้นศาลโลก ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ (ในสมัยนั้น)

คดีนี้มีข้อเท็จจริงอยู่ว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2447 ถึง พ.ศ. 2451 ประเทศฝรั่งเศสมีฐานะเป็นรัฐผู้อารักขากัมพูชา ได้ทำสัญญากับประเทศไทย อยู่หลายฉบับ แต่มีสัญญาอยู่ สัญญาหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ คือ สัญญา ซึ่งลงในวันที่ 13 กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2447 มีความตกลงอยู่ว่า พรมแดนที่เป็นปัญหาให้ถือเอาสันปันน้ำเป็นเกณฑ์ ในการแบ่งเขตแดน และให้แต่งตั้งคณะกรรมการปักบันเขตแดน เพือ่ได้ทำการสำรวจบริเวณพื้นที่แถบนั้น

กาลต่อมา ในปี พ.ศ. 2450 ทางการไทยได้ขอให้ทางฝรั่งเศส ทำแผนที่พรมแดน ฝรั่งเศสได้จัดทำแผนที่ดังกล่าวและจัดการยื่นส่งแผนที่ฉบับนั้นแก่ฝ่ายไทย โดยที่ฝรั่งเศสลากเส้นเอาเขาพระวิหาร ซึ่งอยู่ในความครอบครองของประเทศไทย ไปอยู่ในฝั่งเขตแดนกัมพูชาของทางฝรั่งเศสด้วย

ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ ทางกัมพูชาได้อ้างเอาแผนที่ฉบับนี้เป็นเพื่อเป็นหลักฐานในการสนับสนุนคำฟ้องด้วย ในปี พ.ศ. 2505 โดยกัมพูชาซึ่งในขณะนั้นเป็นอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส ได้อ้างอำนาจของกัมพูชาเองอยู่เหนือเขาพระวิหาร ทางไทยทำการโต้แย้งว่า แผนที่ฉบับดังกล่าว ไม่ไช่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีผลผูกพันกับทางไทย ซึ่งตัวแผนที่เองนั้นก็เขียนอย่างผิดพลาด โดยอธิบายได้ว่า เส้นเขตแดนที่เขียนอยู่ในแผนที่ มิได้ถือเอาสันปันน้ำเป็นเกณฑ์ ในการแบ่งเขตแดนดังกล่าว และที่สำคัญคือ ทางไทยเรา ก็ไม่เคยรับรองแผนที่ฉบับนั้น

ศาลโลกได้พิจารณา แผนที่ผนวกหนี่งนี้ ซึ่งก็ไม่ได้การรับรองจากคณะกรรมการ ปักปันเขตแดน ดังนั้น จึงไม่มีผลผูกพันในขณะที่ทำแผนที่ขึ้นมา

แม้กระนั้น ทางไทย ไม่ได้คัดค้านแผนที่นั้นภายในเวลาอันสมควร ถือได้ว่าเห็นชอบด้วยกับแผนที่ฉบับนั้น ซึ่งคณะกรรมการฝ่ายไทยก็ดำเนินการใด ๆ เลย และไม่ได้แสดงออกให้เห็นถึงการคัดค้านว่าแผนที่ฉบับที่มีปัญหานั้นไม่ถูกต้อง ท่าน เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ตรัส ขอบใจ ราชทูตฝรั่งเศสผู้ได้รับแผนที่นั้น และทางผู้ว่าฯก็มิได้ทำการประท้วง

ต่อมา มีการประชุมคณะกรรมการที่กรุงเทพ ฯ ในปี พ.ศ. 2452 โดยใช้แผนที่ผนวก 1 นี้เป็นหลัก ก็ไม่มีผู้คัดค้าน กรมแผนที่เองได้ทำแผนที่ ใน พ.ศ. 2480 ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาพระวิหารตั้งอยู่ใหเขตกัมพูชา ในการเจรจา ณ วอชิงตัน ปี พ.ศ. 2490 รัฐบาลไทยไม่ได้ประท้วงประเด็นดังกล่าว

ในปี พ.ศ. 2473 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไป เขาพระวิหาร ประเทศไทยก็มิได้แสดงความเห็นแต่อย่างใดในประเด็นเขาพระวิหาร แสดงว่ารัฐบาลไทยในขณะนั้น ได้ยอมรับ (acquiese) ว่า ฝรั่งเศส มีอำนาจอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารเป็นเวลายาวนานถึง 50 ปีมาแล้ว ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ว่าด้วยหลักกฎหมายปิดปาก (estoppel)

การสูญเสียดินแดนครั้งนี้นับว่าเป็นการสูญเสียดินแดนครั้งล่าสุดของราชอาณาจักรไทย หลังจากที่สูญเสียดินแดนจำนวนมากในสมัยรัชกาลที่ 5 นักกฎหมายไทยหลายท่านได้ถือว่าการตัดสินครั้งนี้ของศาลโลกไม่ยุติธรรม ยึดติดอยู่บนแผนที่ฉบับเดียว ทั้งที่ศาลโลกก็มิได้มีการตรวจสอบสถานที่อย่างจริงจังตามข้อตกลงไทย-ฝรั่งเศส นับว่าเป็นข้อผิดพลาดครั้งสำคัญของศาลโลก

คำพิษากษาของศาลโลก : http://www.icj-cij.org/docket/index.php?sum=284&code=ct&p1=3&p2=3&case=45&k=46&p3=5

โดยคุณ เชมินห์ (1.1K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 13:41 น.] #304758 (18/28)
ผลกรรมที่นักล่าอาณานิคมได้วางกับดักไว้หลังจากที่มันออกจากดินแดนคือการที่ได้วางกับให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ จะได้ไม่มีเวลาดำเนินการพัฒนาบ้านเมืองอย่างที่ควรจะเป็น เห็นได้จากทั้งแนวเขตทั้งสี่ประเทศที่ติดกับไทย ได้แก่ลาว มาเลเซีย กัมพูชา พม่า มีด้านไหนบ้างที่มีแนวเขตชัดเจนต้องกันทั้งสองฝ่าย ทุกด้านเป็นเหมือนชนวนความขัดแย้งตลอดเวลาเช่นกรณีรบกับลาวที่ร่มเกล้าเป็นต้น

โดยคุณ dam09 (1K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 14:15 น.] #304788 (19/28)
ส่วนท่าทีของรัฐบาลไทยในขณะนี้ เกี่ยวกับกัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารให้เป็นมรดกโลก เท่ากับเป็นการยอมรับว่าพื้นที่เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา...ทั้งที่ในความเป็นจริงประชาชนทั้งปวงที่ทราบเรื่องไม่เคยรับรู้ถึงการที่ไทยแพ้คดีในศาลโลกเลย.....

แต่ยังดีที่ไทยยังสงวนท่าทีเรื่องนี้ แค่ให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น...ไม่เอาหมายถึงพื้นที่อาณาเขต.....

ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าไทยทำไมเสียดินแดนตรงนี้ในปี 2505 เปรียบเสมือนความเจ็บปวดของคนในยุคนี้

โดยคุณ ปฏิพัทธ์2539 (1.4K)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 14:35 น.] #304806 (20/28)

โดยคุณ เอสเรวดี (758)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 16:26 น.] #304849 (21/28)
ข้อมูลเยี่ยมมากครับ พี่ dam09..................

โดยคุณ boy1111 (765)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 17:56 น.] #304895 (22/28)
ปธ.มรดกโลกชี้ไทยเสียดินแดนให้เขมรครั้งแรก






แฉรัฐบาลปลดคณะกรรมการมรดกโลกไทยทั้งชุดก่อนลงนามหนุนกัมพูชาส่งเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนมรดโลก อดีตประธานคณะกรรมการมรดกโลกเผยไทยเสียประโยชน์ เสียอำนาจอธิปไตย ถือเป็นยกแผ่นดินให้กัมพูชาครั้งแรก เชื่อท่าทีรีบร้อน "นพดล" มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนส่งผลให้ชาติเสียประโยชน์

(19มิ.ย.) ดร.อดุล วิเชียรเจริญ อดีตประธานคณะกรรมการมรดกโลก เปิดเผยครั้งแรกหลังรัฐบาลลงนามสนับสนุนให้ กัมพูชา เสนอเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกว่า ที่ผ่านมาได้มีการหารือกัมาตลอดระหว่างคณะกรรมการมรดกโลกและกรมอนุสนธิสัญญา กรมเอชีย ของกระทรวงต่างประเทศ กรณีที่กัมพูชาจะขอเสนอปราสาทเขาพระวิหารเป็นพื้นที่มรดกโลก ตั้งแต่ปี 2548

"คณะกรรมการมรดกโลกเสนอไปว่าควรจะต้องเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกันระหว่างไทยและกัมพูชา เพราะไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะเสียดินแดนและอธิปไตย และได้ยึดถือตามแนวทางข้อตกลงร่วมกันมาตลอดตั้งแต่ปี 2548" ดร. อดุล กล่าวและว่า





ไทยไม่สามารถจะสนับสนุนให้ประเทศกัมพูชา เสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงประเทศไทยเดียวอย่างที่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศไปลงนามนั้นไม่ได้ เพราะการขึ้นทะเบียนตัวเขาพระวิหารนั้น ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสท แต่จะต้องมีการประกาศเขตพื้นที่อนุรักษ์รอบตัวโบราณสถาน ซึ่งการออกประกาศก่อสร้าง ในเขตอนุรักษืพื้นที่ทำในเขตไทยเพราะฉะนั้น ถือเป็นการรุกล้ำดินแดนไทย เนื่องจากคำตัดสินของศาลโลกที่ยึดถือกันมาตลอดคือ ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นของกัมพูชา แต่แผ่นดินเป็นของประเทศไทย ทำให้ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาล ชุดไหนไปลงนามเซ็นสัญญาลักษณะนี้ โดยจะเจรจา ตามแนวทางการเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกันเท่านั้น

นอกจากนี้การขึ้นทะเบียนปราทาทเขาพระวิหารไม่ได้ขึ้นทะเบียนเพียงตัวปราสาท หากรวมถึงโบราณสถานอื่นๆที่อยู่ในดินแดนไทย เพราะ ลักษณะโบราณสถานที่เรียกว่า ปราสาทเมืองต่ำที่บูชาพระศิวะนั้นจะต้องมีบาลายที่เป็นทะเลสาป ก่อนที่จะเข้าสู่ตัวพระวิหาร เช่นเดียวกับปราสาทเขาพนมรุ้งที่จะมี แอ่งน้ำบาลายสี่เหลี่ยมผืนก่าอนที่จะเข้าสู่ตัวปราสาท และปราสาทเขาพระวิหารไม่มีตัว"บาลาย" จึงได้มีการสำรวจบริเวณรอบๆแล้วพบตัว "บาลาย"ฝั่งทิศเหนือจากบันไดปราสาท ในเขตดินแดนของประเทศไทย แต่ถูกกิ่งไม้ทับถมจึงหาไม่พบซึ่งหลังจากค้นพบ ทำให้คณะกรรมการมรดกโลกยืนยันว่า การเสนอขึ้นทะเบียนเขามรดกโลกต้องเสนอร่วมกันเท่านั้น

"เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศ โดย นายวีระชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายคนเก่าได้เดินทางมาหารือกับผมอีกครั้งขณะที่ผมยังอยู่ที่โรงพยาบาล ในเรื่องการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเขาพระวิหาร แต่ก้ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ยึดแนวทางตามข้อตกลงในปี 2548 โดย ให้เสนอร่วมกันระหว่างประเทศ เพราะหากเราไปสนับสนุนให้ กัมพูชาขึ้นทะเบียนเราจะเสียอธิปไตยเพราะแผนการจัดการพื้นที่จะตกไปอยู่ที่กัมพูชา ทันทีซึ่ง ผอ.กรมสนธิสัญญาคนเก่าก็ยึดถือตามนั้น จนอาจจะเป็นสาเหตุของคำสั่งย้าย" นายอดุล กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายอดุล กล่าวว่า หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ ผมก็ทราบว่า ผู้อำนวยการคนนี้ได้ถูกสั่งย้ายซึ่งไม่ทราบว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใด และเมื่อสัปดาห์ทีผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ จาก กรมเอเซีย และกรมสนธิสัญญา ได้มาหารือกับผมอีกครั้ง โดยนำเอาวีดีโอ มาบันทึก ซึ่งผมก็เสนอไปเช่นเดิมว่าไม่เห็นด้วยที่จะลงนาม สนับสนุนกัมพูชา และเห็นว่าควรจะต้องเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกันเท่านั้น

"หลังจากที่ เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศมาหารือและผมยืนยันไปตามมติตามแนวทางปี2548หลัง จากนั้นผมก็ทราบว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยไปตกลงลงนามเพื่อสนับสนุนให้กัมพูชา ไปเสนอขึ้นทะเบียนมรกดโลกที่ยูเนสโกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ประเทศชาติเสียหายมากเพราะอำนาจการบริหารจัดการทั้งหมดอยู่ที่กัมพูชา" นายอดุล กล่าวและว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการรีบร้อนในการลงนาม เพื่อสนับสนุนกัมพูชาของนายนพดลทั้งๆที่มีเวลาในการพิจารณาถึง 2 ปี ทำให้ตนมั่นใจว่า ข่าวคราวที่ออกมาว่าการเสนอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารกับการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่าง น่าจะเป็นจริง อีกทั้งการให้สัมภาษณ์ของนายพลเตียบันที่เกาะกง ก็ชัดเจนว่าน่าจะมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เกิดขึ้น

"ครั้งแรกที่ผมได้ข่าวว่ามีการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ผมแค่ฟังหูไว้หู ไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น แต่หลังจากที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ของไทยไปลงนาทกับกัมพูชาและเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้ง รีบนำข้อเสนอดังกล่าวต่อ ที่ทำการยูเนสโก้ ทำให้มั่นใจว่า สิ่งที่เคยฟังหูไว้หูในเรื่องผลประโยชน์น่าจะเป็นเรื่องจริง และคงจะมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เกิดขึ้นแล้ว" นายอดุล กล่าว

นายอดุล กล่าวอีกว่า สิ่งที่นายนพดล ดำเนินการจึงเป็นเรื่องที่ประเทศเสียประโยชน์อย่างมาก และการเนินการยังปกปิดข้อมูลการเซ้นสัญญาร่วมไม่ได้เปิดเผยให้กับสาธารณะชนรับรู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถือว่ายอมรับกันได้ยากมาก และน่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์มากกว่า เพราะท่าที่รีบร้อนของ รัฐมนตรีต่างประเทศที่รีบเซ็นลงนามโดยที่ไทยไม่ได้ประโยชน์เลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกกับยูเนสโก้ ไทยสามารถคัดค้านได้หรือไม่ นายอดุลบอกว่า หลังจากนี้ แล้ว อาจจะเป็นเรื่องยากเนื่องจากรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ไปเซ็นรับรองแผนที่ของกัมพูชา ถือเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลไปแล้ว ซึ่งคณะกรรมการมรดกโลก อาจจะไม่รับพิจารณา

นอกจากนี้ นายอดุล กล่าวอีกว่า เมื่อ2สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการมรดกโลกชุดใหม่ เดิมมีชื่อผมเป็นที่ปรึกษา แต่ล่าสุดพบว่าไม่มีซึ่งก็ไม่เป็นไหรเชื่อว่าคณะกรรมการชุดใหม่ น่าจะสามารถเรียนรู้งานได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการมรดกโลกของไทย ได้ มีคำสั่งการเปลี่ยนแปลงประธานคณะกรรมการมรดกโลกคนใหม่แล้ว จากเดิมที่มีศ. ดร.อดุล วิเชียรเจริญ เป็นประธาน มาเป็นนายปองพล อดิเรกสาร อดีต รมว.ศึกษาธิการ พร้อมกับผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการชุดนี้กว่า 10 คน อาทิ

ดร.มานิตย์ ศิริวรรณ ออกจากการเป็นกรรมการมรดกโลกในประเทศไทย โดยคณะกรรมการชุดใหม่ ทั้งหมดจะเป็นผู้เดินทางเข้าร่วมการประชุมมรดกโลกที่เมืองคิวเบก ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 2-10 ก.ค. นี้

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าว จากคณะกรรมการมรดกโลกประเทศไทยคนหนึ่ง กล่าวว่า การลงนามรับรองแผนที่ของกัมพูชาของ นายนพดล ถือเป็นครั้งแรกในการตกลงยกดินแดนให้กัมพูชาอย่างเป็นทางการ หรือเรียกว่าเป็นการเสียดินแดนครั้งแรก เนื่องจากที่ผ่านมา หลังจากที่ ศาลโลกในปี 2505 ตัดสินให้ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา แต่ดินแดนเป็นของไทยนั้น ได้มี มติครม.สมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ออกมาเพียงเรื่องของเขตแดนในประเทศไทยเท่านั้น ไม่ได้มีข้อตกลงร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรก

"การที่รัฐมนตรีต่างประเทศไปเซ็นรับรองถือเป็นครั้งแรกของการยอมรับกรณีที่พิพาทที่ดินระหว่างไทยกับกัมพูชาเพราะที่ผ่านมา ไทยไม่เคยยอมรับในเรื่องนี้เลยเพราะศาลโลกตัดสินแล้วว่า ดินแดนเป็นของไทย การที่ตัวอาคารของเขมรมาตั้งในดินแดนไทยก็ไม่มีปัญหา และเรายังมีอำนาจบริหารแผ่นดินของเรา แต่การรัฐมนตรีต่างประเทศไปเซ้นรับรองแผนที่กัมพูชาเท่ากับยอมรับยกพื้นที่ให้กัมพูชาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์"

นอกจากนี้แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า อีกประเด็นที่น่าห่วงคือการที่ไทยยอมรับในเรื่องพื้นที่ทับซ้อน 40 ตารางกิโลเมตร ทั้งๆที่เขมรเองไม่เคยอ้างสิทธิ์ดังกล่าว เท่ากับ เป็นการเสีบยประโยชน์ด้วยเช่นกัน ทำให้น่าจะตั้งข้อสังเกตว่า อาการรีบร้อนและการตกลงแบบนี้ น่าจะมีปัญหาการเมืองเกี่ยวข้องด้วย

"การที่รัฐมนตรีต่างประเทศเซ็นลงนามรับรอง แผนที่กัมพูชาและแผนที่ฉบันนั้นจะถูกส่งไปยัง ยูเนสโก้ ซึ่งเป็นงองค์กระระหว่างประเทศ ถือเป็นการยอมรับยกดินแดนให้กับกัมพูชาครั้งแรก หรือเรียกว่าไทยเสียดินแดนครั้งแรกด้วย"

โดยคุณ boy1111 (765)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 17:57 น.] #304897 (23/28)
ที่มา http://www.komchadluek.net/2008/06/19/x_main_a001_207842.php?news_id=207842

โดยคุณ surata (372)(4)   [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 18:18 น.] #304905 (24/28)
เราจะไม่ถอยจะไม่ท้อ สู้....สู้ต่อ เอาประเทศไทยของเราคืนมา

โดยคุณ ลูกพ่อ42 (735)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 19:18 น.] #304934 (25/28)
นพดล มาแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ไปครับ
แต่ คงไม่ได้ไปมือป่าว แล้วล่ะครับ

โดยคุณ sei-ko (278)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 20:17 น.] #304963 (26/28)
แล้ว พื้นที่อื่น อีกเล่า!!! ที่ต่างชาติเข้ามาถือ ครอง+++
เช่น สนามgolf ทางภาคเหนือ หลายสนาม เป็นของต่างชาติแล้ว???....
แผ่นดินไทยถูกต่างชาติเข้ามาครอบครอง???...วันแล้ววันเล่า...
.....ธุรกิจต่างๆก็ด้วย..... chain store!!!...นั่นก็อีก

โดยคุณ พลธนธรณ์ (72)  [พฤ. 19 มิ.ย. 2551 - 23:23 น.] #305084 (27/28)
พี่dam เยี่ยมครับ

โดยคุณ jcainfo (6K)  [ส. 21 มิ.ย. 2551 - 18:06 น.] #305855 (28/28)
อดีต - ทนายไทยหน้าโง่
ปัจจุบัน - นักการเมืองเลวขายชาติ
อนาคต - มองไม่เห็นว่ะ

ขำๆ ครับ

กรณีนี้ ที่ทหารรับใช้และเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศขี้ข้าออกมาพูดว่าไม่มีผลกระทบ .... มันคิดว่าคนไทยโง่เหมือนโคตรบิดามารดาหรือไงครับ

ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ มันมีผลกระทบต่อ Sovereignty ของไทยในทางตรงครับ

โอ๊ย...พูดเรื่องเข้าพระวิหารแล้วของขึ้นอย่างแรงงงงงงงงง

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5