(D)
คืนวันพฤหัสที่ 27 มีนาคม
โอ้ยยย ใครวะโทรอยู่ได้น่ารำคาญ สองสามรอบเเล้วนะเนี่ย เเม่อีกเเน่เลย จะตามอะไรกันนักหนาเนี้ย นี่จะโทรบอกรักทุกคืนเลยเหรอวะ น่ารำคาญ อะไรๆก็เเม่รักลูก อยู่นั่นเเหละ เบื่อวะ
หญิงสาวบ่นกับเเฟนหนุ่มของเธอที่อยู่บนสายอย่างหงุดหงิดเเละคุยต่อไปอย่างไม่สนใจสายซ้อน
เเล้วเธอบอกรักเเม่ทุกคืนเลยหรอ
จะบ้าหรอ ไม่ต้องบอกหรอก ไม่ใช่เด็กๆเเล้วนะ
สิบนาทีผ่านไปเมื่อเธอวางสายจากชายหนุ่มเเล้ว ก็มีเสียงเรียกเขามาอีก
ฝ้าย นี่น้าเองน่ะ น้ามีเรื่องสำคัญจะบอก หนูทำใจดีๆน่ะลูก ตั้งสติหน่อยน่ะ...เเม่หนูน่ะ เสียชีวิตแล้ว กลับมาบ้านนะ น้าสาวกล่าวด้วยเสียงอันเศร้าโศก
หญิงสาวรู้สึกตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่น้าบอกมันก้องอยู่ในส่วนประสาท
คืนวันพุทธที่ 5 มีนาคม
เเม่ วันนี้เเล้วนะเเม่ เเม่จำได้ใช่ไหม
จ๊ะลูก เเม่จำได้ ดีจังนะลูก จะได้เรียนสูงๆกับเขาสักที
หญิงวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เข้มเเข็งเแม้จิตใจจะเต็มไปด้วยความปวดร้าว
เธอฝืนยิ้มให้หญิงสาวผู้นั้นที่เดินหายลับไปในความมืด
เเม่หม้ายหันกลับมาที่เก่า มือหนึ่งถือตะหลิว อีกมือจับหูกระทะ ความร้อนเเละควันไฟของกระทะนั้นฟุ้งประทะกับใบหน้าอันดำคล้ำเเละเหนื่อยล้า หยดน้ำที่ติดอยู่บนหน้าผากเเละปลายผมของเเกไหลลงมาตามๆกัน เเต่ก็ไม่เท่ากับหยดน้ำจากดวงตาอันพร่ามัวที่หลังไหลออกมาเป็นสายโดยไม่หยุดสิ้น คืนนี้เเกขายก๋วยเตี๋ยวจนถึงเที่ยงคืนเศษๆ เเละเดินกลับบ้านโดยลำพัง อากาศตอนดึกๆนั้นช่างหนาวเย็นสะเหลือเกิน เเต่ก็ไม่เย็นพอที่จะกลบความร้อนในหัวใจของเเกได้
เมื่อถึงบ้าน หญิงสาวคนเดิมกำลังเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว บ้านหลังเล็กๆที่เคยมีข้าวของเกลื่อนกลาดก็กลายเป็นที่ว่างเปล่าภายในพริบตา เหลือเพียงมุมเล็กๆมุมหนึ่งที่มีเพียงเก้าอี้ไม้ผุๆเเละตั่งเล็กๆที่มีมุ้งขาวคลุมอยู่
เเม่คะ หนูไปนะ เเม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หนูดูเเลตัวเองได้ เเม่อยู่ดีๆละ เดี๋ยวถึงกรุงเทพฯเเล้วจะโทรหา
เเกไม่สามารถพูดอะไรได้ น้ำตาที่บอกถึงความรู้สึกของหญิงหม้ายไหลรินขณะที่มองหญิงสาวคนนั้นเดินจากไป
คืนวันศุกร์ที่ 14 มีนาคม
ฝ้าย วันนี้เป็นยังไงบ้างลูก การเรียนไปถึงไหนแล้ว เเม่หม้ายได้โทรมาหาลูกสาวของแกอย่างเคยทุกคืน วันนี้ก็นับได้ว่าเป็นเวลาอาทิตย์หนึ่งแล้วตั้งแต่ลูกของเธอจากเธอไปกรุงเทพฯ
ก็เหมือนเดิมนั้นและแม่ ไม่มีอะไรมากหรอก ไม่ต้องถามมากหรอกแม่ ตอนนี้ยุ่งอยู่ เดี๋ยวโทรกลับไป ลูกของเธอตอบกลับไปด้วยความรำคาญและความเบื่อหน่ายแม่ของเธอ
ได้จะลูก อย่าเรียนหนักเกินไปน่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา รักษาตัวด้วย แม่รักลูกน่ะ เเม่หม้ายบอกลูกสาวอย่างอ่อนโยน เเกเป็นห่วงลูกสาวเเกมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับตั้งเเต่เธอจากไปกรุงเทพฯ สิ่งเดียวที่จะติดต่อกันได้ก็คือโทรศัพท์ เเกก็ได้เเต่โทรหาลูกทุกๆคืนถึงจะนอนหลับ เเกมีความสุขกับการที่ได้บอกรักลูก เเต่เมื่อเวลาผ่านไป ลูกสาวที่เคยอ่อนหวานและน่ารักของเเกก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคน...
คืนวันพฤหัสที่ 27 มีนาคม
ตำรวจบอกว่า เเม่หนูถูกโจรปล้นเเล้วถูกแทงตาย ฝ้ายรีบกลับมาเร็วๆน่ะลูก หมอจะชันสูตรศพพรุ่งนี้ ทำใจดีๆไว้น่ะลูก น้าสาวกล่าวเเล้ววางหูไป
หญิงสาวรีบขึ้นรถไฟในคืนนั้นทันที ระหว่างเดินทางเธอก็อดนึกคิดไม่ได้ว่าทำไมเเม่ไม่ตะโกนให้ใครช่วย เธอคิดไปพรางเช็ดน้ำตาที่รินไหลลงมาเลอะเเก้ม เธอนึกกลับไปถึงตอนที่ยังอยู่บ้านนอก ตอนที่เธอใฝ่ฝันอยากจะเรียนสูงๆ ตอนที่เธอคิดอยากจะมีงานทำเผื่อที่วันหนึ่งเธอจะได้มีเงินเลี้ยงดูแม่ในยามแก่เฒ่า แต่แล้วความฝันของเธอก็กลายเป็นแค่ความคิดที่ไม่มีวันจะเป็นจริงได้เลย แม่ของเธอนั้นเสียชีวิตแล้ว และเธอจะไม่มีวันได้เห็นหน้าเธออีกทำไมถึงต้องเป็นเช่นนี้ด้วย
ครั้งสุดท้ายที่ฝ้ายได้คุยกับแม่นั้นมันรู้สึกยาวนานสำหรับเธอมาก เธอพูดไม่ดีกับแม่ไว้มากเหลือเกิน เธอเอาแต่คุยกับแฟนใหม่ของเธอที่พบกันในกรุงเทพฯจนไม่มีเวลาเหลือให้กับแม่แม้แต่นาทีเดียว สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกเสียใจมากขึ้นจนน้ำตาของเธอไหลหลั่งพร่างพรูไม่ขาดสายดั่งทำนมถูกทำลาย
เช้าวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม
ผู้ตายนี้เหมือนจะถูกทรมานโดยการเสียเลือด เขาไม่ได้ตายตอนถูกเเทงเเน่นอน ตำรวจบอกว่าพบเเกนอนคว่ำอยู่ เเละในมือข้างขวานั้น เเกกำมือถือเเกไว้เเน่น ถ้าให้เดานะ เหมือนเเกจะพยายามโทรให้คนช่วยเเต่คงไม่มีใครรับ
หมอทำการพิจารณาศพอย่างมีเหตุมีผล
ในตอนนั้นเอง หญิงสาวนึกเอะใจ เธอหยิบมือถือเธอขึ้นมาเเล้วดู สายที่รับ ของคืนนั้น ซึ่งเธอก็เห็นว่ามีเเต่ชื่อน้าสาวที่โทรเข้ามา ไม่มีชื่อเเม่ เเต่เเล้วเธอก็กดดูไปเรื่อยๆเเล้วเจอคำว่า เเม่ อยู่ใน สายที่ไม่ได้รับ เเละเธอก็จะไม่มีวันที่จะได้รับสายนั้นอีกเลย
 |
|