ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : @@คืนนี้เด็กหงส์ปะทะสิงโตน้ำเงิน ขอกำลังช่วยอยู่เชียร์กันหน่อย@@



(D)


ลิเวอร์พูล ของราฟาเอล เบนิเตซ ผ่านเข้ารอบตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่ 3 จาก 4 ปีหลังสุดแล้ว และทั้ง 3 ครั้งก็เป็น เชลซี ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ลีก ที่เป็นคู่ต่อกรในรอบตัดเชือกทั้งหมด ซึ่ง "หงส์แดง" เอาชนะได้ทั้งสองครั้ง ในปี 2005 และ 2007




ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบตัดเชือกมาหลังจากเอาชนะ อาร์เซน่อล ทีมร่วมลีกเช่นกัน ด้วยสกอร์รวม 5-3 หลังจากเสมอ 1-1 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และกลับไปเอาชนะที่แอนฟิลด์ 4-2 ซึ่งก่อนหน้านั้น ลิเวอร์พูล เกือบจะต้องตกรอบแรกอย่างรวดเร็วหลังจากแพ้ทั้ง 3 นัดแรก แต่ก็แก้ตัวเอาชนะรวดใน 3 นัดหลังผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์อย่างฉิวเฉียด




สำหรับสภาพทีมในเกมนี้ นับว่าสมบูรณ์พร้อมเต็มที่สำหรับขุมกำลังที่ เอล ราฟา จะเลือกใช้งาน หลังจากพักตัวหลักหลายต่อหลายรายในเกมลีกที่ชนะ ฟูแล่ม 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทั้ง เจมี่ คาร์ราเกอร์, ชาบี อลอนโซ่, เฟร์นานโด ตอร์เรส, เดิร์ค เค้าท์ และ ไรอัน บาเบิล ซึ่งจะกลับคืนทัพในเกมนี้ทั้งหมด




ปัญหาบาดเจ็บบริเวณลำคอของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ห้องเครื่องกัปตันทีมที่ยิงไปแล้ว 6 ประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ได้รับการฟื้นฟูจนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว และ "สตีวี่จี" จะกลับลงคุมแผงกลางต่อกรกับแข้ง "สิงห์บลูส์" ได้อย่างไม่มีปัญหา




สำหรับนักเตะที่ยังบาดเจ็บอยู่ในเวลานี้ของ ลิเวอร์พูล ก็มีแค่ แฮร์รี่ คีเวลล์ ปีกออสเตรเลีย กับ แดเนียล แอ็กเกอร์ ปราการหลังเดนิช ซึ่งก็ไม่นับเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบกับทีม ส่วนตัวที่ติดแบนสำหรับเกมนี้ไม่มี มีแต่พวกที่ติดคาดโทษใบเหลือง หากโดนใบเหลืองอีกจะโดนแบนในนัดสองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ วันที่ 30 เม.ย. อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เจมี่ คาร์ราเกอร์ และ ฟาบิโอ ออเรลิโอ




เกมนี้ เอล บอส จะจัดทีมในระบบ 4-2-3-1 เช่นเดิม โฆเซ่ มานูเอล เรน่า เฝ้าประตู เจมี่ คาร์ราเกอร์ ขยับมายืนแบ็กขวา ซามี่ ฮูเปีย จับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ มาร์ติน สเคอร์เทล ให้ ฟาบิโอ ออเรลิโอ รับผิดชอบเกมรับฝั่งซ้าย




ชาบี อลอนโซ่ กับ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ จะร่วมกันตัดเกมแดนกลาง ให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด นำทัพทำเกมรุกร่วมกับ เดิร์ค เค้าท์ และ ไรอัน บาเบิล ส่วน เฟร์นานโด ตอร์เรส ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า




เชลซี รองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ของ อัฟราม แกรนท์ มีปัญหาค่อนข้างมากสำหรับเกมนัดนี้ที่จะบุกไปเยือนแอนฟิลด์ หลังจากในรอบน็อกเอาต์ก่อนนี้พบกับงานไม่หนักหนาสาหัสนักในการเตะกับ โอลิมเปียกอส (กรีซ) และ เฟเนร์บาห์เช่ (ตุรกี)




เชลซี ได้พักมากกว่า ลิเวอร์พูล 2 วัน หลังจากเกมลีกนัดล่าสุดที่ลงเตะเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 เม.ย. ก็ไม่มีโปรแกรมเล่นในช่วงสุดสัปดาห์ ทว่าเกมนี้ แกรนท์ คงต้องหนักใจไม่น้อยเมื่อ มิชาแอล เอสเซียง ห้องเครื่องคนสำคัญ จะติดโทษแบนสำหรับเกมที่สนามแอนฟิลด์ หลังจากโดนใบเหลืองครบโควตาในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่เอาชนะ เฟเนร์บาห์เช่ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ส่วนตัวที่คาดโทษใบเหลืองไม่มีในเกมนี้

อย่างไรก็ตาม ในรายของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จอมทัพคนสำคัญอีกรายของ "สิงห์บลูส์" จะกลับคืนทีมลงสนามชน "หงส์แดง" นัดแรกนี้ได้ตามปกติ แม้ว่าจะไม่ได้ลงซ้อมเลยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องเฝ้าอาการป่วยไข้ของแม่ ซึ่งทำให้เจ้าตัวผลุนผลันออกจากสนามในเกมลีกนัดเสมอ วีแกน 1-1 วันจันทร์ที่แล้ว




ขณะที่ตัวเจ็บอย่าง คาร์โล คูดิชินี่ นายประตูมือสองหมดสิทธิ์ลงเล่น ส่วน มิชาเอล บัลลัค ห้องเครื่องกัปตันทีมชาติเยอรมันที่มีอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าก่อนนี้ น่าจะกลับลงสนามได้ แต่ต้องเช็กสภาพความฟิตก่อนเกม โดยถ้าเล่นไม่ได้จริงจะเป็น จอห์น โอบี มิเคล ที่ได้เสียบตำแหน่งแทน และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ดาวยิงหมายเลขหนึ่งของทีม ที่เจ็บเล็กน้อยลงเล่นในเกมลีกก่อนหน้านี้ไม่ได้ ฟิตสมบูรณ์พร้อมลงล่าตาข่าย "หงส์แดง" ได้ไม่มีปัญหา ทำให้ นิโกล่าส์ อเนลก้า หอกเฟร้นช์แมน ต้องหลุดไปนั่งสำรอง




แกรนท์ จะจัดทีมในระบบ 4-3-3 นายทวารเป็น ปีเตอร์ เช็ก แบ็กขวาใช้ เปาโล แฟร์เรยร่า คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟมี จอห์น เทอร์รี่ กับ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ และ แอชลี่ย์ โคล จะเล่นแบ็กซ้าย




แฟร้งค์ แลมพาร์ด ลงคุมทัพแดนกลางร่วมกับ โคล้ด มาเกเลเล่ และ มิชาเอล บัลลัค โดยมี จอห์น โอบี มิเคล รอเสียบ ส่วนสามประสานในแดนหน้าก็มี ซาโลมง กาลู, โจ โคล และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา




รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า - เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - ชาบี อลอนโซ่, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ - สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เดิร์ค เค้าท์, ไรอัน บาเบิล - เฟร์นานโด ตอร์เรส

เชลซี (4-3-3) : ปีเตอร์ เช็ก - เปาโล แฟร์เรยร่า, จอห์น เทอร์รี่, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, แอชลี่ย์ โคล - แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โคล้ด มาเกเลเล่, มิชาเอล บัลลัค (จอห์น โอบี มิเคล) - ซาโลมง กาลู, โจ โคล, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

แอนฟิลด์ระอุฮิคส์เตรียมเข้าดูเกมหงส์ซดสิงห์

ทอม ฮิคส์ เจ้าของร่วมสโมสรลิเวอร์พูลแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เตรียมเผชิญหน้ากับบรรดาเดอะ ค็อป ด้วยการเข้าชมเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ระหว่างต้นสังกัดกับเชลซี ที่สนามแอนฟิลด์ ในวันอังคารที่ 22 เม.ย.นี้ จากการรายงานของสื่อแดนผู้ดีเมื่อวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา




เกมวันอังคารที่จะถึงนี้ จะเป็นครั้งแรกที่มหาเศรษฐีจากเทกซัส เข้าชมเกมในแอนฟิลด์ นับตั้งแต่ที่เขาออกมายอมรับว่า ได้มีการติดต่อ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ให้เข้ามารับหน้าที่แทน ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน ซึ่งภายหลัง คลิ้นส์มันน์ ก็จรดปากการเซ็นคุมทีมบาเยิร์น มิวนิค ในบ้านเกิด




เป็นที่เชื่อกันว่า การปรากฏตัวของฮิคส์ จะยิ่งเป็นการเพิ่มความขัดแย้งในบอร์ดบริหารสโมสร และคาดว่าเขาจะถูกแฟนบอล "หงส์แดง" โห่ใส่อย่างหนักแน่นอน
ราฟายังเสียวเจิดคอเดี้ยงไม่ชัวร์บู๊เชลซี

ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล เผยยังหวาดเสียวว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีมคนเก่ง จะฟิตปั๋งพร้อมบู๊เชลซี ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก นัดแรก ที่แอนฟิลด์ วันอังคารที่ 22 เม.ย. ที่จะถึงนี้ ได้หรือไม่ หลังจากคอเดี้ยงระหว่างซ้อม และไม่ได้เล่นเกมลีกนัดล่าสุดที่บุกชนะ ฟูแล่ม 2-0 วันเสาร์ที่ผ่านมา




เจอร์ราร์ดมีอาการปวดคอในช่วงซ้อมเมื่อต้นสัปดาห์ และแม้ว่าตอนนี้อาการจะดีขึ้นมากแล้ว แต่เอล ราฟายังชี้ว่าเจ้าตัวมีโอกาสที่จะพลาดเกมกับเชลซี "วันนี้ผมคุยกับเจ้าหน้าที่กายภาพแล้ว และเขาอาการดีขึ้นมาก แต่ตอนนี้ยังเร็วไป (ที่จะบอกว่าเจอร์ราร์ดจะเล่นวันอังคารได้หรือไม่) คุณต้องระวังอาการบาดเจ็บที่คอตัวเองอยู่เสมอ เขาทำประตูหลายลูกด้วยลูกโหม่ง!"




ส่วน ซามี่ ฮูเปีย และ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ สองกำลังสำคัญ ที่เจ็บในเกมชนะฟูแล่ม 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และต้องถูกแทนที่โดย เจมี่ คาราเกอร์ กับ ชาบี อลอนโซ่ ตามลำดับนั้น กุนซือชาวสแปนิชมั่นใจว่า ทั้ง 2 รายนี้จะไม่มีปัญหาแน่นอน "ผมคิดว่า ซามี่จะโอเค เขารู้สึกเวียนหัวแค่นิดหน่อยหลังกระเทือนที่ศีรษะ แต่ผมว่าตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้ว ส่วนมาสเคราโน่เขาโดนอัด 3 ครั้ง แต่ผมคิดว่าเขาก็จะโอเคเช่นกัน"



ชี้ชนเชลซียุคแกรนท์ยากกว่ายุคมู

พร้อมกันนั้น รองกัปตันทีม "หงส์แดง" ยังกล่าวถึงเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่จะเปิดรัง แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ เชลซี ในวันอังคารที่ 22 เม.ย. นี้ ด้วยว่า ตนคิดว่าการพบกับ เชลซี ที่คุมทีมโดย อัฟราม แกรนท์ กุนซือชาวยิว เป็นเรื่องยากลำบากมากกว่าการพบ "สิงห์บลูส์" ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ยอดโค้ชโปรตุกีส




"เราเอาชนะพวกเขามา 3 ครั้งในรอบรองชนะเลิศ ในตอนที่คุณนับรวมศึกเอฟเอ คัพ ปี 2006 เข้าไปด้วย เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่จะกลับมาเอาชนะเราให้ได้"




"หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถรักษาผลงานที่ดีเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง แต่เรารู้ดีว่าพวกเขากำลังทำผลงานได้ดีในเวลานี้ และมันก็เป็นเรื่องยากที่จะหยุดพวกเขา แต่ผมคิดว่ามันเป็นเกมที่มีความสูสีคู่คี่มากกว่าตอนเจอกัน 2 ครั้งในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนหน้านี้ และมันก็เป็นอย่างนั้นมาโดยตลอดในการลงเล่นกับพวกเขา และผมก็ไม่คิดว่าผลการแข่งขันมันจะออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง" เซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 30 ระบุ

คอนเฟิร์มเจิดคืนทัพเกมบู๊สิงห์

เอล บอส ยังยืนยันให้สาวก "เดอะ ค็อป" ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ห้องเครื่องกัปตันทีมลิเวอร์พูล ที่ยิงไปแล้ว 6 ประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ได้รับการฟื้นฟูปัญหาบาดเจ็บบริเวณลำคอ จนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว และ "สตีวี่จี" จะกลับลงคุมแผงกลางต่อกรกับแข้ง "สิงห์บลูส์" วันอังคารที่ 22 เม.ย. นี้ได้อย่างไม่มีปัญหา




เจอร์ราร์ด ลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา และ เบนิเตซ กล่าวถึงกัปตันทีมของตนว่า "ปัญหาที่ลำคอเป็นเรื่องร้ายกาจ ดังนั้นคุณต้องรับมือกับมันอย่างระวัง เขาต้องการลงเล่นในเกมก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขายังทำได้แค่หันมองเฉพาะทางขวามือเท่านั้น ดังนั้นถ้าเขาจะลงเล่นเขาก็ต้องเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย" กุนซือสแปนิช กล่าวอย่างติดตลก "เราจะดูต่อไปว่าเขาสามารถหมุนคอได้โดยรอบหรือยัง เราจะคุยกับเขา, กับทีมแพทย์ด้วย"
มันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะตวรจสอบระดับความฟิตของเขา ผมจะเดินเข้าไปหาเขาและตีเขาที่ไหล่ซ้าย ถ้าเขาหันหน้ามาหาผมโดยไม่มีอาการเจ็บให้เห็น นั่นก็คือเขาสามารถลงเล่นได้นั่นเอง"


เคร้าช์ฝันพาหงส์ถึงแชมป์ชปล.

ปีเตอร์ เคร้าช์ ศูนย์หน้าร่างโย่งของลิเวอร์พูล ประกาศกร้าว พร้อมลงช่วยทีมย้ำแค้น เชลซีในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก วันอังคารที่ 22 เม.ย. นี้ และฝันพาทีมไปไกลถึงการชูถ้วยที่ลุซนิกิ สเตเดี้ยม กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย




กองหน้าทีมชาติอังกฤษ กล่าวว่า "สำหรับผมการได้แชมป์ยุโรปในฤดูกาลนี้คือจุดสูงสุดในอาชีพการเล่นของผม ที่ผ่านมาผมเคยได้แชมป์เอฟเอ คัพ ซึ่งมหัศจรรย์มาก มันเป็นสิ่งที่คุณฝันถึงมาตั้งแต่เด็ก และผมคิดว่าแฟนบอลพร้อมกับนักเตะทุกคนอยากได้แชมป์ลีกมาครอบครอง แต่สำหรับผมแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เต็มไปด้วยยอดทีมในการแข่งขัน และการได้เหรียญแชมป์มาครองคงเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกจริงๆ"




"เรามีความมั่นใจ และการเข้ารอบตัดเชือกยังนับเป็นความสำเร็จไม่ได้ เราต้องการก้าวไปอีกขั้น เรารู้ตั้งแต่ก่อนจับสลากแล้วว่า อาจจะได้เจอกับเชลซีอีกครั้ง 2-3 ปีหลังสุดเราพบกับพวกเขาในเกมสำคัญๆ มาหลายครั้ง และต้องขอบคุณเบื้อบนที่ทำให้เราเอาชนะพวกเขาได้มากกว่า และหวังว่าคราวนี้จะไม่แตกต่างกัน รายละเอียดที่เล็กน้อยที่สุดจะเป็นตัวตัดสินเกม ซึ่งมันจะเป็นงานหนักแน่ๆ แต่การเล่น 2 นัด ก็ทำให้เราหวังจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้"



รับหงส์-สิงห์อาจต้องดวลเป้าตัดสิน

ขณะเดียวกัน เคร้าช์ยังยอมรับว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ลิเวอร์พูลกับเชลซี จะกินกันไม่ลง ต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ แต่ก็ยังมั่นใจว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส ยอดดาวยิงของทีมจะทำประตูไม่ให้ทีมต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบเดียวกับฤดูกาลที่แล้ว




"ใช่เลย มันมีโอกาสไม่น้อย เราทั้งสองทีมต่างเป็นทีมที่มีเกมรับที่แข็งแรก่ง แต่ถ้าพูดถึงการดวลจุดโทษ เรามีผู้รักษาประตูที่ป้องกันจุดโทษได้ดี และนักเตะที่ทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่โชคด้วยเช่นกัน




"เขา (ตอร์เรส) ทำผลงานได้มหัศจรรย์มากในฤดูกาลนี้ และแสดงให้เห็นว่าทำอะไรได้บ้าง เขาเป็นนักเตะดับโลกอย่างแท้จริง เขายิงประตูได้หลายลูกในฤดูกาลแรกที่ย้ายมาที่นี่ และผมรู้สึกเสมอว่าเราทั้งคู่เล่นเข้าขากันได้ดี เมื่อได้ลงสนามพร้อมกัน เขาทำให้ทุกคนทึ่ง และผมเชื่อว่าเขาจะทำได้แบบนี้ไปอีกหลายปีที่นี่ คุณจะเห็นได้ในการซ้อมว่าเป็นนักเตะชั้นแนวหน้าทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง และไม่กลัวที่จะต้องปะทะ เขาเป็นศูนย์หน้าที่ทำงานหนักมาก"


สิงห์มีเสียวเอสเซียงแบน แลมพ์สส่อชวดบุกหงส์

เชลซี อาจต้องปรับทัพกันจ้าละหวั่น เมื่อ มิชาแอล เอสเซียง ห้องเครื่องคนสำคัญ จะติดโทษในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ซึ่ง เชลซี จะบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล ทีมร่วมลีก ที่สนามแอนฟิลด์ ในวันอังคารที่ 22 เม.ย. นี้ หลังจากโดนใบเหลืองครบโควตาในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่เอาชนะ เฟเนร์บาห์เช่ ทีมของตุรกี เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา




เอสเซียง โดนใบเหลืองในเกมชนะ เฟเนร์บาห์เช่ ผ่านเข้ารอบ ซึ่งทำให้เขาสะสมใบเหลืองครบ 3 ใบ ที่จะต้องโดนโทษแบนในเกมบุกเยือน แอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล วันอังคารนี้ โดยนอกจาก เอสเซียง แล้ว เชลซี ไม่มีปัญหานักเตะติดแบนหรือติดคาดโทษใบเหลือง




ส่วนในรายของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จอมทัพคนสำคัญอีกรายของ "สิงห์บลูส์" ก็ทำท่าจะพลาดการลงสนามช่วยทีมเกมพบ "หงส์แดง" นัดแรกนี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจาก แลมพาร์ด ไม่ได้ลงซ้อมเลยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องเฝ้าอาการป่วยไข้ของแม่ ซึ่งทำให้เจ้าตัวผลุนผลันออกจากสนามในเกมลีกนัดเสมอ วีแกน 1-1 วันจันทร์ที่แล้ว




จากกรณีดังกล่าว ทำให้ แลมพาร์ด ไม่อยู่ในสภาพความฟิตที่สมบูรณ์ และไม่น่าจะถูก อัฟราม แกรนท์ ส่งลงเล่น ยิ่งไปกว่านั้นอาจเป็นไปได้ว่า แลมพาร์ด อาจขอไม่ลงเล่นเองก็เป็นได้ เพราะต้องดูแลอาการของแม่อย่างใกล้ชิด




นอกจากนั้น มิชาเอล บัลลัค จอมทัพกัปตันทีมชาติเยอรมัน ก็มีอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าอยู่ด้วย จนทำให้เขาไม่ได้เล่นในเกมชนะ เอฟเวอร์ตัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และต้องเช็กฟิตตรวจสอบสภาพร่างกายก่อนลงสนามในวันอังคารนี้




ด้านเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ไม่มีปัญหานักเตะแบน แต่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ซามี่ ฮูเปีย และ ฟาบิโอ ออเรลิโอ ติดคาดโทษ หากโดนใบเหลืองอีกจะโดนแบนในนัดสองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ วันที่ 30 เม.ย.



แกรนท์ซูฮกเจิดเจ๋ง-ลั่นโค่นหงส์ฉลุยชิงดำ

อัฟราม แกรนท์ กุนซือชาวอิสราเอลของเชลซี เผยว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ห้องเครื่องกัปตันทีมลิเวอร์พูล คือนักเตะที่ตนมีความชื่นชอบมากที่สุดในเวทีพรีเมียร์ลีก พร้อมสนับสนุน "สตีวี่จี" ว่าเป็นนักเตะที่คู่ควรต่อรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) มากที่สุด ไม่ใช่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกดาวยิงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด




เจอร์ราร์ด เคยตกเป็นข่าวหวุดหวิดย้ายมาเล่นที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถึง 2 ครั้ง 2 ครา สมัยที่ทีมดังแห่งเวสต์ลอนดอน มี โชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียนอยู่ แต่แม้จะเปลี่ยนมาเป็นแกรนท์ คุมทีม เจอร์ราร์ด ก็ยังเป็นเป้าหมายของ "สิงห์บลูส์" อยู่ โดยกล่าวว่า "เจอร์ราร์ดเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ และเป็นคนที่สุดยอด สำหรับผม เขาคือนักเตะแห่งปีของอังกฤษ และบางทีอาจจะในยุโรปด้วย เพราะเขามีอิทธิพลต่อทีมมาก"




"เขาเป็นนักเตะที่ดีมาก และผมชอบเขาในฐานะนักเตะ ผมรู้จักเขา เขาเป็นคนดี เป็นคนมองโลกในแง่ดี และเป็นแบบอย่างของใครต่อใคร โชคไม่ดีที่เขาไม่ได้เล่นให้ผม แต่เขาก็ยังเป็นนักเตะคนโปรดของผม ผมไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้เขาเล่นหน้าคู่กับ เฟร์นานโด ตอร์เรส เพราะผมคิดว่าเขาเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ผมคิดว่าเขามีอิสระมากขึ้นเมื่อเล่นตำแหน่งนั้น ในแง่แท็กติกแล้ว มันไม่ใช่ตำแหน่งที่เล่นได้ง่ายๆ เลย ถ้าหากคุณเอาเขามาให้ผมได้ ผมจะแฮปปี้มาก"




เชลซีจะพบลิเวอร์พูล ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก วันอังคารที่ 22 เม.ย. นี้ ที่แอนฟิลด์ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปี ที่พวกเขาเจอกันในรอบนี้และแกรนท์ มั่นใจว่า ตนจะทำได้ดีกว่าที่มูรินโญ่ ทำ นั่นคือพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ "เกมล่าสุดมันเน้นแท็กติกไปหน่อย ผมคิดว่าฟุตบอลจำเป็นต้องมีแท็กติก แต่ไม่ใช่แท็กติกมากไป"




"คุณต้องมีอิสระในการเล่นด้วย ฟุตบอลก้าวไป 2 ขั้นเมื่อผู้คนเริ่มคุยเรื่องรายละเอียด แต่ตอนนี้เราจำเป็นต้องก้าวไปขั้นต่อไป ให้นักเตะมีอิสระที่จะคิด เพราะพวกเขามีความรับผิดชอบที่พวกเขาไม่มีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ดังนั้นผมจึงพยายามร่วมกับทีมของผม ให้นักเตะผมมีอิสระเต็มที่ในการคิดพร้อมความรับผิดชอบ" กุนซือชาวยิว ทิ้งท้าย


เอเยนต์ยันแลมพ์สพร้อมคืนทัพซัดหงส์

แฟร้งค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ตัวเก่งเชลซี จะกลับมาลงสนามในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่จะบุกเยือน ลิเวอร์พูล วันอังคารที่ 22 เม.ย. นี้ อีกครั้ง ภายหลังผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤติภายในครอบครัวที่คุณแม่ แพท แลมพาร์ด มีอาการปอดอักเสบอย่างรุนแรงจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่งผลให้เจ้าตัวไม่ลงสนามในเกมลีก 2 นัดติด เนื่องจากต้องคอยอยู่ให้กำลังใจคุณแม่สุดที่รักถึงข้างเตียง




คุตเนอร์ เผยผ่านแถลงการณ์สโมสร เมื่อวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า "แฟร้งค์ แลมพาร์ด จัดการให้ตัวเองพร้อมลงสนามสำหรับเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จะบุกเยือนลิเวอร์พูล คืนวันพรุ่งนี้ เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ใช้เวลาในช่วง 7 วันก่อนหน้านั้นในการให้กำลังใจคุณแม่ที่ป่วยหนักถึงข้างเตียง แม้ว่าเธอยังคงมีอาการป่วยหนักมากๆ แต่สภาพร่างกายของเธอก็ดีขึ้นแล้วในเวลานี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะมีแสงสว่าง ณ ปลายอุโมงค์อันมืดมิด"




"แฟร้งค์ ปรารถนาที่จะแสดงความขอบคุณสำหรับความรู้สึกเห็นอกเห็นใจให้กับเขาจากสโมสรฟุตบอลเชลซี และสื่อมวลชน ในระหว่างช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดมหาศาลทั้งสำหรับตัวเขาเอง และสมาชิกในครอบครัว" เอเยนต์แลมพาร์ด กล่าวในที่สุด
บ่อนตั้งเจ๊าจืด, หงส์เชือดสิงห์ 1-0 ราคาต่ำสุด

สกาย เบท บริษัทรับพนันถูกกฎหมายของอังกฤษ จัดการออกราคาสำหรับเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่ ลิเวอร์พูล จะเปิดรังรับการมาเยือนของ เชลซี ในวันอังคารที่ 22 เม.ย. นี้ ออกมาแล้ว โดยกำหนดราคาที่เกมจะจบลงด้วยการเสมอกัน 0-0 และ "หงส์แดง" จะชนะ 1-0 ที่ราคาต่ำสุด 6/1 (แทง 1 จ่าย 6 ไม่รวมทุน)




สกาย เบท กำหนดราคาที่ ลิเวอร์พูล จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ ที่ 5/4, เสมอกัน 2/1 และ เชลซี บุกมาชนะที่ราคา 5/2 แต่ในส่วนของผลการแข่งขันเมื่อครบ 90 นาที สกอร์ 1-0 ของ ลิเวอร์พูล และเสมอกัน 0-0 เป็นราคาจ่ายต่ำสุด 6/1 ดังกล่าว




ส่วนสกอร์ของ ลิเวอร์พูล ที่จะชนะ 2-1 ราคา 8/1, 2-0 ราคา 10/1, 3-0 กับ 3-1 ราคา 18/1 เท่ากัน และ 3-2 ราคา 25/1 ส่วนการเสมอกัน 0-0 ราคา 6/1, 1-1 ราคา 11/2, 2-2 ราคา 12/1 และ 3-3 ราคา 66/1 และทางฝั่งสกอร์ที่ เชลซี จะบุกมาชนะ 1-0 อยู่ที่ 8/1, 2-1 ราคา 12/1, 2-0 ราคา 14/1 และ 3-0 ราคาสูงถึง 40/1

ข้อมูลที่น่าสนใจของเกม ลิเวอร์พูล พบ เชลซี
- เกมวันอังคารที่ 22 เม.ย. นี้ จะเป็นการพบกันครั้งที่ 7 ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีกของทั้งสองทีมในรอบ 4 ฤดูกาลหลังสุด และเป็นครั้งที่ 3 จาก 4 ปีที่เจอกันในรอบรองชนะเลิศ
- 2 ครั้งหลังสุดที่ เชลซี ผ่านมาถึงรอบตัดเชือกในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาตกม้าตายที่แอนฟิลด์ทั้งคู่
- ด้าน ลิเวอร์พูล ไม่เคยพ่ายแพ้ เชลซี ในรอบรองชนะเลิศเลยไม่ว่ารายการใดก็ตาม โดยเอาชนะในแชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ครั้งและเอฟเอ คัพ 1964/65 อีกครั้งนึง
- นอกจากนี้ ลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์ยุโรป 5 สมัยชนะเกมรอบรองชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้ง 7 ครั้งล่าสุด ซึ่งตรงข้ามกับ เชลซี ที่ตกรอบตัดเชือกตลอด 3 ครั้งล่าสุดที่ผ่านเข้ามา
- ครั้งล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล กระเด็นตกรอบรองชนะเลิศ รายการนี้ต้องย้อนไปถึงตอนพ่าย อินเตอร์ มิลาน รวมสองนัด 3-4 เมื่อปี 1964/65 นับตั้งแต่นั้นพวกเขาผ่าน เอฟซี ซูริค
(1976/77), โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค (1977/78), บาเยิร์น มิวนิค (1980/81), ดินาโม บูคาเรสต์ (1983/84), พานาธิไนกอส (1984/85) และ เชลซี (2004/05, 2006/07) เข้าชิงชนะเลิศโดยตลอด
- ขณะที่ เชลซี นอกจากตกรอบ 2 ครั้งเพราะลิเวอร์พูล พวกเขายังพ่าย โมนาโก รวม 3-5 ในรอบรองชนะเลิศปี 2003/04 อีกด้วย
- จาก 6 เกมที่พบกันในแชมเปี้ยนส์ ลีก 3 ฤดูกาลหลังสุด ราฟาเอล เบนิเตซ พา ลิเวอร์พูล ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 1 ต่อ เชลซี
- ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันในแชมเปี้ยนส์ ลีกคือ 2004/05 รอบรองชนะเลิศ ซึ่งเสมอ 0-0 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อน ลิเวอร์พูล กลับมาชนะ 1-0 จากประตูของ หลุยส์ การ์เซีย ในนาทีที่ 4 และปีดังกล่าวพวกเขาผ่านไปคว้าแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษชนะ เอซี มิลาน ที่อิสตันบูล, ตุรกี
- รายชื่อนักเตะทั้งสองทีมในเกมที่ ลิเวอร์พูล ชนะ เชลซี 1-0 ในแอนฟิลด์เมื่อ 3 พ.ค. 2005
ลิเวอร์พูล : เจอร์ซี่ ดูเด็ค, สตีฟ ฟินแนน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, ฌิมี่ ตราโอเร่, หลุยส์ การ์เซีย (อันโตนิโอ นูนเยซ น.84), ดีทมาร์ ฮามันน์ (แฮร์รี่ คีเวลล์ น.73), อิกอร์ บิสคาน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, มิลาน บารอส (ฌิบริล ซิสเซ่ น.60)

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป (โรเบิร์ต ฮูธ น.76), ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, วิลเลี่ยม กัลลาส, โคล้ด มาเกเลเล่, ติอาโก้ เมนเดส (มาเตย่า เคซมัน น.68), แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โจ โคล (อาร์เยน ร็อบเบน น.68), ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

- ปีที่แล้วในรอบรองชนะเลิศ ลิเวอร์พูล บุกแพ้ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ 0-1 จากประตูโทนของ โจ โคล แต่กลับมาเอาชนะที่แอนฟิลด์ ด้วยสกอร์เดียวกัน จากลูกยิงของ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ และเอาชนะดวลจุดโทษ 4-1 เข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบ เอซี มิลาน อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเพียงรองแชมป์ พ่าย มิลาน 1-2
- รายชื่อนักเตะทั้งสองทีมในเกมที่ ลิเวอร์พูล ชนะ เชลซี 1-0 ในแอนฟิลด์เมื่อ 1 พ.ค. 2007
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, สตีฟ ฟินแนน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนียล แอ็กเกอร์, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, เจอร์เมน เพนเนนท์ (ชาบี อลอนโซ่ น.78), ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ (ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ น.118), สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เบาเดอไวน์ เซนเด้น, เคิร์ค เค้าท์, ปีเตอร์ เคร้าช์ (เคร็ก เบลลามี่ น.106)

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, เปาโล แฟร์เรยร่า, จอห์น เทอร์รี่, มิชาแอล เอสเซียง, แอชลี่ย์ โคล, โคล้ด มาเกเลเล่ (เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป น.118), จอห์น โอบี มิเคล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โจ โคล (อาร์เยน ร็อบเบน น.98), ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, ซาโลมง กาลู (ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ น.107)

- ระหว่างเกมรอบรองชนะเลิศ ทั้งสองครั้ง ลิเวอร์พูล ยังพบกับ เชลซี ในรอบแบ่งกลุ่ม 2005/06 อีกด้วยซึ่งเสมอกัน 0-0 ทั้งสองเกมและผ่านเข้ารอบต่อไปทั้งคู่โดย ลิเวอร์พูล เป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม
- ทั้ง 6 เกมดังกล่าวที่พวกเขาพบกันเกิดสมัยที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นกุนซือเชลซีทั้งหมด และสรุปแล้วมีการยิงเพียง 3 ลูกจาก 6 นัด
- ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล เอาชนะทีมอังกฤษมาแล้ว 1 ทีมคือ อาร์เซน่อล ในรอบที่แล้วซึ่งพวกเขาบุกเสมอที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 1-1 ก่อนกลับมาเอาชนะ 4-2 ที่แอนฟิลด์ โดยเกือบต้องตกรอบด้วยซ้ำตอนถูกตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 84 แต่กลับมายิงอีก 2 ลูกสำเร็จจากนั้น
- หลังจากพ่ายแพ้เกมเหย้าแชมเปี้ยนส์ ลีกนัดแรกต่อ โอลิมปิก มาร์กเซย 0-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม ลิเวอร์พูล ก็ชนะ 4 เกมรวดในบ้านถัดมาด้วยการยิงประตู 18 ลูก และเสียไปเพียง 3 ประตูเท่านั้น
- ด้าน เชลซี เอาชนะ เฟเนร์บาห์เช่ จากตุรกี ในรอบที่แล้วด้วยสกอร์รวม 3-2 โดยหลังจากแพ้ 1-2 ในเกมแรก ก็กลับมาเอาชนะในรังได้ 2-0
- ก่อนหน้าเกมเยือนที่บุกแพ้ เฟเนร์บาห์เช่ นั้น เชลซี ไม่เคยพ่ายเกมเยือนแชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลนี้เลย โดยชนะ บาเลนเซีย, โรเซนบอร์ก และเสมอ ชาลเก้ 04 กับ โอลิมเปียกอส
- ในเกมพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล กับ เชลซี พบกันมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกคือการเสมอ 1-1 ในพรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์ เมื่อ 19 ส.ค. โดย ลิเวอร์พูล นำ 1-0 จากเฟร์นานโด ตอร์เรส น.14 ก่อนโดน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิงจุดโทษตีเสมอ น.62 โดยเกมนั้น เชลซี ยังมีกุนซือเป็น โชเซ่ มูรินโญ่
- รายชื่อนักเตะทั้งสองทีมในเกมดังกล่าวเมื่อ 19 ส.ค.
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, สตีฟ ฟินแนน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนียล แอ็กเกอร์, อัลวาโร่ อาร์เบลัว, เจอร์เมน เพนแนนท์ (ไรอัน บาเบิล น.68), สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาบี อลอนโซ่, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ (ปีเตอร์ เคร้าช์ น.83), เฟร์นานโด ตอร์เรส, เดิร์ค เค้าท์

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, มิชาแอล เอสเซียง, ทาล เบน-ฮาอิม, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, ซาโลมง กาลู (เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ น.46), ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ (โจ โคล น.77), จอห์น โอบี มิเคล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

- อัฟราม แกรนท์ มาแทนที่ มูรินโญ่ และพา เชลซี เอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-0 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ เมื่อ 19 ธ.ค. ด้วยสกอร์ 2-0 จาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด น.59 และ อังเดร เชฟเชนโก้ น.90
- การพบกันครั้งที่ 3 คือการเสมอ 0-0 ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อ 10 ก.พ.
- รวมแล้วทั้งสองทีมพบกันมา 150 ครั้งทุกรายการ ลิเวอร์พูล ชนะ 67 เชลซีชนะ 52 และเสมอ 31
- สถิติที่แอนฟิลด์ทุกรายการ ยาม ลิเวอร์พูล รับมือ เชลซี คือ แข่ง 73 ชนะ 48 เสมอ 15 แพ้ 10
- เชลซี ชนะ 3 จาก 5 เกมหลังสุดที่บุกมาแอนฟิลด์ ในพรีเมียร์ลีก ครั้งล่าสุดที่กำชัยคือ 4-1 เมื่อต.ค. 2005
- นอกเหนือการชนะ เชลซี 2 ครั้งและชนะ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ยังเขี่ย สเปอร์ส ตกรอบยูฟ่า คัพ รอบรองด้วยอะเวย์โกล หลังเสมอ 2-2 ปี 1972/73 ครั้งเดียวที่พลาดท่าจาก 5 ครั้งคือการแพ้ ฟอเรสต์ สกอร์รวม 0-2 ในรอบแรกยูโรเปี้ยน คัพ 1978/79
- ด้าน เชลซี นอกจากตกรอบเพราะ ลิเวอร์พูล 2 ครั้งแล้วอีก 2 ครั้งพวกเขาโค่น อาร์เซน่อล ในรอบก่อนรองชนะเลิศ 2003/04 รายการนี้ปี 2003/04 (1-1 ในรังและบุกชนะ 2-1 เกมเยือน) และเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 1970/70 คัพ วินเนอร์ส คัพ ไปคว้าแชมป์
- เดิร์ค เค้าท์ หัวหอกลิเวอร์พูล กับ ซาโลมง กาลู ปีกเชลซี เคยเป็นคู่ขากันในทีมเฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม ในฮอลแลนด์ ระหว่างปี 2004-2006 โดย เค้าท์ ยิงรวมไป 51 ลูกในลีก ส่วน กาลู สังหาร 35 ลูกจากการประสานงานกัน 2 ฤดูกาล
- ยอสซี่ เบนายูน มิดฟิลด์ทีมชาติอิสราเอล ของลิเวอร์พูล เคยลงเล่นภายใต้การทำทีมของ อัฟราม แกรนท์ กุนซือเชลซี สมัยอยู่ มัคคาบี้ ไฮฟา เมื่อปี 2000/01 และ 2001/02 โดยช่วยกันพาทีมเป็นแชมป์ลีก 2 สมัย รวมถึงยังเคยทำงานด้วยกันในทีมชาติอิสราเอลด้วย
- นิโกล่าส์ อเนลก้า ศูนย์หน้าเชลซี เคยลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ในครึ่งฤดูกาลหลัง 2001/02 ด้วยสัญญายืมตัวจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง โดยยิงไป 4 ประตูจาก 20 นัดในลีก
- ลิเวอร์พูล ทำประตูมากถึง 26 ลูกใน 10 นัดที่ผ่านมา เป็นทีมที่ยิงได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เสียประตู 8 ลูกมากที่สุดระหว่าง 4 ทีมที่เหลือในรอบนี้
- เชลซี เป็นทีมที่เหลือในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งยิงประตูออกนอกกรอบมากที่สุด 74 ครั้ง นอกจากนี้พวกเขายังล้ำหน้าถึง 34 ครั้ง มากกว่าอีก 3 ทีมที่เหลือด้วย กระนั้นทีมเพิ่งเสียเพียง 4 ลูกเท่านั้น ดีกว่าทั้ง ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด และ บาร์เซโลน่า
- ลิเวอร์พูล มี โฆเซ่ มานูเอล เรน่า กับ ซามี่ ฮูเปีย ที่เล่นทั้ง 12 เกมในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ขณะที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นอีก 2 คนที่เล่นทั้ง 10 เกมตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม โดยมี เรน่า และ คาร์ราเกอร์ ที่เล่นทั้ง 900 นาที
- มีนักเตะ เชลซี มี 3 คนที่ลงเล่นทุกนัดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้คือ โคล้ด มาเกเลเล่, มิชาแอล เอสเซียง และ โจ โคล แต่ไม่มีใครเล่นทั้ง 900 นาทีเลย
- เจมี่ คาร์ราเกอร์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ ฟาบิโอ ออเรลิโอ จะต้องติดโทษแบนนัดหน้าหากรับใบเหลืองในเกมนี้
- เชลซี ไม่มีใครติดคาดโทษแบนแต่ มิชาแอล เอสเซียง ติดโทษแบนเกมนี้หลังจากรับใบเหลืองที่ 3 ในรอบที่แล้วซึ่งชนะ เฟเนร์บาห์เช่
siamsport

tags : เเชมป์เปี้ยนลีก ลิเวอร์พูล เชลซี

โดยคุณ ลูกหมู (855)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 11:30 น.]



โดยคุณ ลูกหมู (855)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 11:32 น.] #272136 (1/28)


(D)
ขนาดแฟนพันธุ์ รุ่นเดอะแบบนี้ ยังอยู่เชียร์กันเลยนะกร๊าบ พี่น้อง

โดยคุณ ลูกหมู (855)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 11:33 น.] #272138 (2/28)


(D)
ส่วนตัวลุกหมูเองนั่งดื่ม คอยจนบอลเตะไปเลย 55555555

โดยคุณ pusit (1.7K)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 11:54 น.] #272143 (3/28)


(D)
@@@ผมขอฝากทีมแชมป์เก่าด้วยครับ ขออนุญาตภาพของท่านapimuk

โดยคุณ noomjj (1K)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 12:07 น.] #272145 (4/28)


(D)
น้ำเงินเท่านั้น

โดยคุณ คอปแมน (46.8K)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 12:15 น.] #272149 (5/28)


(D)
**แดงงงงงงงงงงงงง

โดยคุณ boy1111 (765)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 12:27 น.] #272157 (6/28)


(D)
ด้วยคนครับ

โดยคุณ พุทธบูชา (2.2K)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 13:56 น.] #272190 (7/28)
เต็มที่อยู่แล้วครับ

โดยคุณ ลูกหมู (855)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 15:50 น.] #272240 (8/28)


(D)


โลโก้ สิงห์โตน้ำเงินของพี่ืnoomjj สวยดี ถูกใจ ปะทะกับโลโก้ ได้เลย อิอิอิอิ

โดยคุณ ลูกหมู (855)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 15:54 น.] #272243 (9/28)
ทีมบอลของอาจารย์พี่ ลงแข่งกับทีมไหน มีหวังชนะขาดลอยแน่นอน เพราะตัวผู้ฝ่ายตรงข้ามโดนใบแดงไล่ออกยกทีมแน่นอน 5555555555555

โดยคุณ LITTLEGIFT (1.5K)(1)   [อ. 22 เม.ย. 2551 - 16:35 น.] #272270 (10/28)


(D)

โดยคุณ ลุ่มน้ำแม่กลอง (1.9K)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 17:00 น.] #272291 (11/28)


(D)
ตามไป

โดยคุณ HighwayStar (21)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 19:23 น.] #272338 (12/28)
เอาเป็นว่า ขอให้บักเจิดคืนฟอร์มเก่ง ให้ได้ก่อนก็แล้วกัน อิอิอิ

โดยคุณ monokuro (5.9K)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 19:29 น.] #272341 (13/28)
สู้เค้าต่อไป.....เหล่ายอดมนุษย์หงส์แดง
...คืนนี้ขอเชียร์ขาดใจเลยคับ

โดยคุณ ลุ่มน้ำแม่กลอง (1.9K)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 19:54 น.] #272361 (14/28)


(D)


คืนนี้จะได้เห็น คิลเอร์พาส ระหว่างตอเรสกับ เจิดให้เห็นหรือเปล่าหนอ ถ้ามีให้เห็นละก็ได้ลุ้นเลยครับ

โดยคุณ ลูกหมู (855)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 20:04 น.] #272371 (15/28)


(D)
เจิดลงแน่นอน

โดยคุณ สมประสงค์ (104)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 20:44 น.] #272389 (16/28)
หงส์ในสายเลือดอีกคนครับ

โดยคุณ suriyan04 (3.8K)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 20:46 น.] #272395 (17/28)
ส่งแรงใจเชียร์หงส์ครับ

โดยคุณ รุ่ง_อรัญญ์ (10.7K)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 21:26 น.] #272413 (18/28)


(D)
สู้โว้ยยยย

โดยคุณ tera657 (359)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 21:50 น.] #272421 (19/28)


(D)

โดยคุณ ชมดาวโคราช (4.7K)  [อ. 22 เม.ย. 2551 - 22:03 น.] #272429 (20/28)
คืนนี้ขออยู่ฝั่งน้ำเงิน

โดยคุณ มหาราษฏร์ (433)  [พ. 23 เม.ย. 2551 - 00:41 น.] #272496 (21/28)
น้ำเงินสู้สู้

โดยคุณ mayomjaa (534)  [พ. 23 เม.ย. 2551 - 03:58 น.] #272517 (22/28)
1:1คับ

โดยคุณ nurseman (2.1K)  [พ. 23 เม.ย. 2551 - 05:07 น.] #272525 (23/28)
เซ็งๆๆๆๆๆ เสมอวินาทีสุดท้าย..........ทำใจไม่ได้ โดดตึกตายดีไหมเนี๊ยะ555

โดยคุณ boy1111 (765)  [พ. 23 เม.ย. 2551 - 05:10 น.] #272527 (24/28)
เซ็งรีเซ่ จริงๆ

โดยคุณ kuekul (847)  [พ. 23 เม.ย. 2551 - 09:27 น.] #272564 (25/28)
ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

โดยคุณ ลูกหมู (855)  [พ. 23 เม.ย. 2551 - 12:49 น.] #272698 (26/28)


(D)
เหมือนกัน บอลพึ่งแค่ฝีเท้าอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีดวงประกอบด้วย ยังไม่ตกรอบเสียหน่อย
ยังมีอีก 1 นัดให้แก้ตัว.......(มันใช้หัวสกัดทำไหม ใช้เท้าเตะก้สบายแล้ว เวงกำ เวงกำ)

โดยคุณ noomjj (1K)  [พ. 23 เม.ย. 2551 - 13:39 น.] #272734 (27/28)
เสียใจกับแฟนหงษ์ครับ...แต่ยังมีอีก 1 นัด ยังไม่แน่ครับ...

โดยคุณ รุ่ง_อรัญญ์ (10.7K)  [พฤ. 24 เม.ย. 2551 - 00:51 น.] #273024 (28/28)
น้าเกื้อเข้าใจแสดงความดีใจอีกแล้วคิกๆๆๆ
ทีครายทีมัน..เด่วขอสะสมแค้นก่อนแล้วค่อยว่ากันอิอิ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5