ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ทำไมพวกเราต้องหวังพึ่งพระเครื่องหรือวัตถุมงคล ?

(D)
เป็นกระทู้เก่าครับ เอามาเล่าใหม่ เผื่อบางทีอาจจะกระตุ้นให้เกิดความคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง


เป็นที่เข้าใจกันว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุผล เป็นศาสนาแห่งการกระทำ ไม่ใช่ศาสนาแห่งการอ้อนวอน บนบานสานกล่าว หรือขอสิ่งใดๆ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกอย่างเกิดจาก "กรรม" หรือการกระทำของเราเองทั้งสิ้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเราไม่สร้างเหตุปัจจัยขึ้นมาเอง ไม่ต้องหวังคอยแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลบันดาลให้

เช่น อยากมีเสน่ห์ มีคนรักคนชอบ เจ้านายรักใคร่เอ็นดู ทำไมต้องหาพระเครื่องหรือวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม เช่น ตะกรุดพระลักษณ์หน้าทองบ้าง ตะกรุดมหาละลวยบ้าง ตะกรุดเทพรัญจวนบ้าง หรือสีผึ้งเมตตา พระขุนแผน เป็นต้น ต่างๆ นานา

ทำไม ไม่ยึดหลัก "สังคหวัตถุ" (เครื่องยึดเหนี่ยวใจคน) คือ

1. ทาน - รู้จักแบ่งปัน เสียสละ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เห็นแก่ได้หรือเห็นแก่ตัว ฯลฯ

2. ปิยวาจา - เจรจาไพเราะอ่อนหวาน ไม่พูดเท็จ หลอกลวง เพ้อเจ้อ ส่อเสียด หยาบคาย กระทบกระแทกแดกดัน พูดให้คนแตกสามัคคี ฯลฯ

3. อัตถจริยา - ประพฤติหรือทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่เกิดโทษเกิดภัยทั้งแก่ตนเอง ครอบครัว และเพื่อนรอบข้าง สังคม ประเทศชาติ ไม่สร้างความเสียหาย หรือประพฤติการเลวร้ายต่างๆ ฯลฯ

4. สมานัตตตา - มีความเสมอต้นเสมอปลาย ไม่หลงลืมตนเมื่อได้ดี ไม่รังเกียจคนต่ำต้อยกว่าตน ไม่ถือตัวโอ้อวด ยะโสโอหัง ถือทิฐิมมานะ ฯลฯ

(พูดอย่างกับพระเลยนะครับ)

ถ้าเราไม่ยึดหลักดังกล่าวแล้ว คือเป็นคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ไม่มีน้ำใจ ไม่มีความเสียสละ ฯลฯ ผมว่า ห้อยพระเครื่องยังไง ๆ ก็คงใช้ไม่ได้ผลครับ คงมีแต่เกลียด ไม่มีใครต้องการคบหา คงได้เป็นแค่ "มนุษย์แมลงวัน" ครับ ไปอยู่ที่ไหน ๆ ถ้าเขารู้ "สันดาน" ก็คงรังเกียจ ขับไล่หนีไปไกลๆ ครับ (เหมือนแมลงวัน)

หรือ ถ้าเราอยากร่ำรวยเศรษฐี มีเงินทองใช้ไม่เดือดร้อน ทำไมมัวแต่ไปห้อยพระปิดตามหาลาภ มหาโชค จตุคามโคตรเศรษฐี โคตรรวย ฯลฯ แล้วหวังร่ำรวย ถูกหวยถูกลอตเตอรี่

ทำไม ไม่ยึดหลักการที่พระพุทธเจ้าประทานเอาไว้ คือ หัวใจเศรษฐี ได้แก่ อุ อา กะ สะ

1. อุ - อุฏฐานสัมปทา - ขยันหาทำมาหากินโดยสุจริต ไม่ทุจริต คดโกง คอร์รับชั่น หรือเก็งกำไรเกินควร (สุดท้าย พวกก็ไม่อยากซื้อของล่ะ เพราะแพงเกินไป)

2. อา - อารักขสัมปทาน - ได้มาแล้ว ก็รู้จักเก็บออมเอาไว้ รักษาไว้ให้ดีไม่ให้สูญหายหรือเป็นอันตรายไปกับอบายมุขเป็นต้น เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น ไม่ให้ขาดแคลนฝืดเคืองเดื่อดร้อน

3. กะ - กัลยาณมิตตตา - รู้จักคบค้าสมาคมกับเพื่อนที่ดีเป็นกัลยาณมิตร ไม่คบหามิตรปอกลอก เพื่อนดื่มเพื่อนกินเพื่อนเที่ยว ซึ่งมีแต่จะพาเสียเงินอยู่เรื่อยๆ ถ้าพาไปติดการพนันด้วยล่ะ บางทีก็หมดเนื้อหมดตัว ครอบครัวพลอยแตกแยกไปอีก ก็มี

4. สะ - สมชีวิตา - รู้จักเลี้ยงชีวิต ใช้จ่ายในสิ่งที่เกินไป ไม่ฟุ้มเฟือยเกินกำลัง ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

ถ้าขาดหลักการทั้ง 4 นี้แล้ว จาก "โคตรเศรษฐี" ก็คงเป็น "โคตรยาจก" หมดตูดครับ พระเครื่อง/วัตถุมงคลก็อาจช่วยได้ เช่น เอาสมเด็จวัดระฆังไปขายเอาเงินสัก 10 ล้านครับ แต่ 10 ก็คงอยู่ได้ไม่นาน ถ้าไม่รู้รักษาไว้ หรือใช้จ่ายไม่เป็น ลงบ่อนไม่กี่วันก็เกลี้ยงแล้วครับ

- อ่านจบแล้ว ไม่ต้องพากันขายพระทิ้งหมดแล้วหันมายึดหลักพุทธธรรมนะครับ ก็เอาเป็นว่า มีทั้งพระเครื่องและพุทธธรรมกำกับด้วย ก็ยิ่งดีครับเป็นการเสริมกันให้มั่นใจอุ่นใจยิ่งๆ ขึ้นไปอีก -

-ลองนำไปพิจารณาดูครับ ออกแนวธรรมะๆ

โดยคุณ ขาจรประจำ (643)(1)   [อา. 04 พ.ย. 2550 - 18:11 น.]



โดยคุณ tee-zung (844)  [อา. 04 พ.ย. 2550 - 19:56 น.] #176535 (1/7)
..ถูก.ๆ.ๆ.ๆ.ๆ..ต้องนะ.ค๊าบ.บ.บ.บ.บ...พี่ ขาจรประจำ..ถูกทุกข้อเลยครับ..
-แต่"ความอยาก"..มันหยุด..ไม่อยู่ครับ...ยิ่งเห็น..ยิ่งอยากได้...
-ยิ่งเห็นราคาถูกๆ ก็ยิ่งเคาะ..//.ตอนนี้ไม่อยากเข้ากระดานประมูลแล้ว..
-เข้าไป..มือคัน.ทุกที....เห็นถูกๆ..เป็นต้องเคาะ..5.5.
-มาคุยหน้านี้ดีฝ่า..ไม่เสียตัง..

โดยคุณ pusit (1.7K)  [อา. 04 พ.ย. 2550 - 20:09 น.] #176539 (2/7)
@@@@ก็ของรัก...ของชอบ...ทำใจยาก..ชอบแล้ว..มันอยากครับ..เหมือนท่านtee-zungว่าละครับ๑๑๑๑๑๑

โดยคุณ แบงค์7วัด (1.3K)  [อา. 04 พ.ย. 2550 - 20:45 น.] #176561 (3/7)
สำหรับส่วนตัวผมเชื่อครับ "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ส่วนพุทธคุณพระเครื่อง พระบูชานั้น ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละท่านครับ โดยพระเถระเกจิอาจารย์สมัยก่อนสร้างพระไว้ ก็มิได้ให้คนเราใช้พึ่งในพุทธคุณครับ โดยวัตถุมงคลต่างๆ สร้างไว้เพื่อเป็นที่ระลึก แก่ผู้ร่วมบำเพ็ญกุศล ในการปฏิบัติบูชา อามิสบูชา บูรณปฏิสังขรณ์วัด ทำนุบำรุงศาสนา และสานต่อ หรือสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้แก่ชนรุ่นหลังหรือเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นพุทธานุสติ ธรรมมานุสติ และสังฆานุสติ มิได้สร้างไว้เพื่อหลงงมงายในอิทธิปาฏิหาริย์ อิทธิปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากจิตศรัทธา เกิดจากสัจจะธรรม, กรรม คือการกระทำ ของผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ……ครับ ในครั้งสมัยโบราณกาล ไม่มีการนำพระเข้าไว้ในบ้านครับ เพราะถือว่าบ้านเป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะนำพระเข้าไปเก็บไว้ สถานที่ ที่เหมาะสมก็คือ วัดวาอารามต่างๆ ส่วนพระองค์เล็กๆ ก็ไม่มีใครนำมาแขวนไว้ที่คอครับ เพราะตัวบุคคลก็ไม่สมควรที่จะนำพระไปห้อยติดไว้ถือว่าเป็นสิ่งไม่ดี ในสมัยก่อน ดังนั้น ทหาร นักรบ นักเลง สมัยก่อน จะนิยมพึ่งพุทธคุณ ก็คือ เครื่องราง ประเภท ตะกรุด เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ การสักยันต์
การที่เรานิยมนำพระองค์เล็กๆ มาห้อยคอ สันนิษฐานว่า คงเริ่ม ประมาณ กรุงรัตนโกสินตอนต้นนี่เองครับ คงเริ่มมาจากที่ กรุแตกออกมา มีพระองค์เล็กๆมากมาย และก็มีการแอบค้าขายของเก่าของโบราณ พระเครื่องจึงถือเป็นของโบราณด้วย ทำให้มีการซื้อขายสำหรับนักนิยมสะสม จึงทำให้เริ่มมีค่ามีราคาตามแต่จะหาได้ และพระเกจิอาจารย์สมัยรัตนโกสินต้น ก็เริ่มมีการสร้างพระเพื่อสืบทอดพระศาสนา นำบรรจุกรุตามโบราณกาล และมีการแจกจ่ายให้กับญาติโยม จึงทำให้เกิด ประสปการณ์ช่วยชีวิตใครต่อใครได้หลายคน แม้กระทั่งเกิดความสุขความเจริญแก่ผู้บูชา ซึ่งบางครั้ง จะด้วยความบังเอิญหรือกรรม ก็ตามเราก็ไม่สามารถอธิบายหรือปฏิเสธได้ครับ ว่าเหตุการณ์นั้น เกิดจากพุทธคุณหรือความศักดิ์สิทธิของพระเครื่องที่เราห้อยบูชา
แต่ที่แน่ๆ ทุกท่านที่มีพระ ห้อยพระอยู่กับตัว แล้วคงรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งพระสวยๆ ราคาแพงๆ แล้ว ยืดซะไม่มีหละ
มีใครบ้างที่ห้อยพระแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ (ถ้าไม่สบายใจจริงๆ ก็นำมาลงประมูล รับรองสบายใจครับ)

โดยคุณ apimuk (1.5K)  [อา. 04 พ.ย. 2550 - 21:49 น.] #176604 (4/7)


(D)
***ถ้าไม่มีการซื้อ ไม่มีการขาย
***พวกเราทั้งหลาย ก็คงต้องเตรียมขาย น้ำเต๋าฮวย หรือเต๋าทึง (เพราะกำไรดี)
***หรือไม่ก้อหาเสื้อวิน ขี่แมงกะไซค์รับจ้าง (เพราะมันง่ายดี)
***สุดท้าย น้ำเชียวอย่าเอาเรือขวาง เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม (ไม่เช่นนั้นตาอาจเข) ท้ายสุดไม่ว่าจะแขวนอะไรหรือไม่แขวนอะไร ถึงที่สุดก็ต้อง ตาย

โดยคุณ ประยุติ (3.1K)  [อา. 04 พ.ย. 2550 - 22:35 น.] #176635 (5/7)
เป็นความรู้สึกส่วนตัวครับ พี่ ขาจรฯ
ว่าวัตถุมงคลต่างๆที่เราคล้องคออยู่เป็นนั้น เป็นที่พึ่งทางใจได้อย่างดี
บางครั้งอาจเป็นแรงผลักดันให้เรา ตั้งใจทำดี ตั้งใจทำงาน เพราะยึดมั่นศรัทธราในวัตถุมงคลที่แขวนอยู่

โดยคุณ suankularb (315)  [จ. 05 พ.ย. 2550 - 01:38 น.] #176735 (6/7)
รักออกแบบไม่ได้ครับ ... ถ้าถามเหตุผล ว่าทำไมต้องใส่ หรือ สะสม วัตถุมงคล .... สำหรับผม มันไม่ค่อยมีเหตุผลเลย ... มันเหมือนกับเมื่อเราได้ลอง มันก็ชอบ .... น่าจะเป็นกิเลสอย่างนึงนะ .... แต่เรื่องหวังพึ่งพระเครื่องหรือของขลัง ผมว่าอย่าไปยึดตรงนั้นเป็นที่ตั้งเลย มันจะกลายเป็นงมงาย ... อย่างพระท่านว่า พุทธัง / ธัมมัง / สังฆัง สรณัง คัจฉามิ .... อ้าว พิมพ์ไปพิมพ์มา เข้าเรื่องธรรมะ ซะแล้ว ....

โดยคุณ apisan (3)  [จ. 05 พ.ย. 2550 - 14:11 น.] #177027 (7/7)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5