สำหรับส่วนตัวผมเชื่อครับ "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ส่วนพุทธคุณพระเครื่อง พระบูชานั้น ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละท่านครับ โดยพระเถระเกจิอาจารย์สมัยก่อนสร้างพระไว้ ก็มิได้ให้คนเราใช้พึ่งในพุทธคุณครับ โดยวัตถุมงคลต่างๆ สร้างไว้เพื่อเป็นที่ระลึก แก่ผู้ร่วมบำเพ็ญกุศล ในการปฏิบัติบูชา อามิสบูชา บูรณปฏิสังขรณ์วัด ทำนุบำรุงศาสนา และสานต่อ หรือสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้แก่ชนรุ่นหลังหรือเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นพุทธานุสติ ธรรมมานุสติ และสังฆานุสติ มิได้สร้างไว้เพื่อหลงงมงายในอิทธิปาฏิหาริย์ อิทธิปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากจิตศรัทธา เกิดจากสัจจะธรรม, กรรม คือการกระทำ ของผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
ครับ ในครั้งสมัยโบราณกาล ไม่มีการนำพระเข้าไว้ในบ้านครับ เพราะถือว่าบ้านเป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะนำพระเข้าไปเก็บไว้ สถานที่ ที่เหมาะสมก็คือ วัดวาอารามต่างๆ ส่วนพระองค์เล็กๆ ก็ไม่มีใครนำมาแขวนไว้ที่คอครับ เพราะตัวบุคคลก็ไม่สมควรที่จะนำพระไปห้อยติดไว้ถือว่าเป็นสิ่งไม่ดี ในสมัยก่อน ดังนั้น ทหาร นักรบ นักเลง สมัยก่อน จะนิยมพึ่งพุทธคุณ ก็คือ เครื่องราง ประเภท ตะกรุด เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ การสักยันต์
การที่เรานิยมนำพระองค์เล็กๆ มาห้อยคอ สันนิษฐานว่า คงเริ่ม ประมาณ กรุงรัตนโกสินตอนต้นนี่เองครับ คงเริ่มมาจากที่ กรุแตกออกมา มีพระองค์เล็กๆมากมาย และก็มีการแอบค้าขายของเก่าของโบราณ พระเครื่องจึงถือเป็นของโบราณด้วย ทำให้มีการซื้อขายสำหรับนักนิยมสะสม จึงทำให้เริ่มมีค่ามีราคาตามแต่จะหาได้ และพระเกจิอาจารย์สมัยรัตนโกสินต้น ก็เริ่มมีการสร้างพระเพื่อสืบทอดพระศาสนา นำบรรจุกรุตามโบราณกาล และมีการแจกจ่ายให้กับญาติโยม จึงทำให้เกิด ประสปการณ์ช่วยชีวิตใครต่อใครได้หลายคน แม้กระทั่งเกิดความสุขความเจริญแก่ผู้บูชา ซึ่งบางครั้ง จะด้วยความบังเอิญหรือกรรม ก็ตามเราก็ไม่สามารถอธิบายหรือปฏิเสธได้ครับ ว่าเหตุการณ์นั้น เกิดจากพุทธคุณหรือความศักดิ์สิทธิของพระเครื่องที่เราห้อยบูชา
แต่ที่แน่ๆ ทุกท่านที่มีพระ ห้อยพระอยู่กับตัว แล้วคงรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งพระสวยๆ ราคาแพงๆ แล้ว ยืดซะไม่มีหละ
มีใครบ้างที่ห้อยพระแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ (ถ้าไม่สบายใจจริงๆ ก็นำมาลงประมูล รับรองสบายใจครับ)  |
|