(D)
ปริศนาธรรมจากพระพุทธรูป
ปริศนาธรรมจากพระพุทธรูป
พระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าชาวพุทธ
ให้ความเคารพศรัทธามาก บางแห่งก็มีชื่อเรียกเฉพาะ
เช่น หลวงพ่อพุทธโสธร วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือพระพุทธชินราชวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น
ความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปแต่ละองค์นั้น มีตำนานเล่าขานกันมามากบ้าง
น้อยบ้าง สุดแท้แต่ความศรัทธาของชาวบ้าน แต่สิ่งที่เหมือนกันของรูปเปรียบหรือตัวแทนของ พระพุทธเจ้านี้
ที่สังเกตเห็นได้มีอยู่ด้วย กัน 3 ประการ คือ
1. พระเศียรแหลม มีคำถามว่า ทำไมพระพุทธรูปจึงมีพระเศียรแหลมในเมื่อพระพุทธเจ้าของเราก็เป็นมนุษย์ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะ
เขาสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คิดเป็นปริศนาธรรม พระเศียรที่แหลมนั้น หมายถึง สติปัญญาที่เฉียบ
แหลมในการดำเนินชีวิตสอนให้ชาวพุทธแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ใช้อารมณ์
หากใช้ปัญญาคิดพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนแล้วจึงทำความผิดพลาด ก็เกิดขึ้นน้อย หรือไม่เกิดขึ้นเลย
2. พระกรรณยาน หรือหูยาน เป็น ปริศนาธรรม ให้ชาวพุทธเป็นคนหูหนัก คือมีจิตใจหนักแน่นมั่นคงนั่นเอง ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
แต่คิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาอันแยบคาย แล้วจึงเชื่อในฐานที่เป็นชาวพุทธก็ต้องเชื่อใน กฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บุคคลหว่านพืชเช่นใดย่อมได้รับผลเช่นนั้น เชื่อว่าไม่มีอะไร ทำให้ใครเป็นอะไรๆ ทั้งนั้น
แต่ตัวเราเองนั่นแหละทำให้เราเป็นสุขเป็นทุกข์ คนเราจะดีจะชั่วจะเสื่อมจะเจริญไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจภายนอก
หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับ การทำ การพูดการคิดของตนเองนี้เป็นการเชื่อตามหลักของพระพุทธศาสนา
3. พระเนตรมองต่ำ พระพุทธ รูปที่สร้างโดยทั่วไปจะมีพระเนตรมองลงที่พระวรกายของพระองค์อย่างในพระอุโบสถ
ของวัดทั่วไป จะนั่งมองดูพระวรกายไม่ได้มองดูหน้าต่างหรือมองดูประตูพระอุโบสถว่าจะมีใครเข้ามาไหว้บ้าง
นี้เป็นปริศนาธรรม สอนให้มองตนเองพิจารณาตนเอง
ตักเตือนแก้ไขตนเองไม่ใช่คอยจับผิดผู้อื่นซึ่งตาม
ปกติของคนแล้วมักจะมองเห็นความผิดพลาดของบุคคลอื่น
แต่ลืมมองของตนเองทำให้สูญเสียเวลาและโอกาสใน
การปรับปรุงพัฒนาตนเอง
ใครเล่าจะตักเตือนตัวเราได้ดี กว่าตัวเราเองจึงมีพุทธพจน์ ตรัสให้เตือนตนเองว่า
"อตฺตนา โจทยตฺตาน" = จงเตือนตนด้วยตนเอง
จงเตือน ตนของตนให้พ้นผิด
ตนเตือน จิตตนได้ ใครจะเหมือน
ตนเตือน ตนเตือน ไม่ได้ใครจะเตือน
ตนแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย
ที่กล่าวมาทั้ง 3 ประการนั้นเป็นการสอนโดยใช้ปริศนาธรรม จากพระพุทธรูปเป็นสื่อการสอนใจตนเอง
ดังนั้น ชาวพุทธเมื่อมีปัญหาอะไรแก้ไขไม่ได้คิดไม่ตกก็เข้าวัดเสียบ้าง นั่งประนมมือตรงหน้าพระพุทธรูป
หรือถ้าที่บ้านมีพระพุทธรูป ก็นั่งประนมมือต่อหน้าพระพุทธรูป ที่บ้านนั่นแหละค่อยๆเพ่งพินิจที่พระพักตร์
ของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะกราบ
จะมองเห็นพระเศียรแหลม สอนใจตน ว่า
"อย่าแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ นะ ใจเย็นๆ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ค่อยๆ คิด
ค่อยๆแก้ด้วยสติปัญญาที่เฉียบแหลม เหมือนพระพุทธเจ้าของเราที่พระองค์ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา "
เห็นพระกรรณยานก็บอกตน เองว่า
"สุขุมเยือกเย็นมีเหตุผล เข้าไว้ อย่าปล่อยใจตามอารมณ์หรือหุนหันพลันแล่น เดี๋ยวจะผิดพลาดได้
ต้องมีจิตใจหนักแน่นมั่นคง เชื่อในสิ่งที่มีเหตุผล" เห็นสายพระเนตรที่มองต่ำ ก็บอกตนเองว่า
"มองตนเองบ้างนะ อย่า ไปมองคนอื่นมากนักเลยเดี๋ยวจะไม่สบายใจ และอาจมีปัญหาได้ การมองตนเอง
บ่อยๆ จะได้พิจารณาตนเองปรับปรุงตนเอง และแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น"
จากนั้นก็ค่อยกราบ พระพุทธรูป ด้วยสติ
ปัญญาและจิตใจที่ชื่นบาน นี้เรียกว่า "ยิ่งกราบยิ่งฉลาด" สมกับ เป็นผู้รู้
ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่แท้จริง
 |
|