(D)
มนุษย์เงินเดือน อาชีพนี้ดีอย่างไร? ..
ได้รับรายได้แน่นอนเท่ากันทุกเดือน
ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องลงทุนเอง
มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์
มีสวัสดิการดีกว่าคนทำกิจการส่วนตัว
ไม่มีล้มละลาย
ทำงานเพียงหน้าที่ที่รับผิดชอบ
เบื่อเมื่อไร เปลี่ยนได้ทันที
มีวันหยุดเยอะ
จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้
ข้อคิดสำหรับชีวิตการเป็นลูกจ้าง
ต้องเข้าใจบทบาทในหน้าที่นั้นอย่างถ่องแท้
ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
ต้องพร้อมที่จะซ้อมบทบาทใหม่อยู่ตลอดเวลา
ต้องคิดว่า ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร
ต้องมีจรรยาบรรณ
ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป
มนุษย์เงินเดือนมือใหม่ ควรจะปรับตัวอย่างไร?
เปิดการทักทายกับทุกคน
จดจำบุคคลสำคั­ในองค์กรให้ได้
เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร
อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
ฟังและถามให้มากกว่าพูด
เก็บข้อมูลโดยการจดบันทึก
เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด
อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ
เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นบวก
คิดเข้าข้างตัวเอง
คบเพื่อนคิดบวก
คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า
คิดว่าโอกาสที่มีคุณค่าคือจุดเล็กๆ ที่คนทั่วไปมองข้าม
สรุป : การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคั­สำหรับคนที่อยากจะเป็น มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่งที่ไร้ค่าในขณะที่
คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน
เหตุผลสำคั­ที่สนับสนุนแนวคิดนี้ คือ
* ทำมาก...ได้ประสบการณ์มาก
* ทำมาก... ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ
* ทำมาก
มีโอกาสเป็นบุคคลสำคั­ขององค์กรมาก
* ทำมาก...สบายในภายหลัง
เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
ความก้าวหน้าในอาชีพของ มนุษย์เงินเดือน มักจะถูกกำหนดโดยองค์กร หรือเรียกว่าระบบ เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ การเติบโตในเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง คือ
1. ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง
2. ปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์ที่เอื้อหรือไม่เอื้อต่อการเติบโต
คนที่มีแผนที่เดินทางย่อมไปถึงเป้าหมายได้ดีกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่มีแผนที่นำทางอย่างแน่นอน
เทคนิคการพัฒนา ลูกน้อง ให้เป็น หัวหน้า
ฝึกให้ลูกน้องคิดแทนหัวหน้าก่อนที่หัวหน้าจะคิดทำ
ให้โอกาสลูกน้องได้เป็นหัวหน้า (โดยการมอบหมายงานให้ทำ)
ร่วมกับลูกน้องกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
พัฒนาลูกน้องตามความถนัดและเหมาะสม
เทคนิคการทำงานกับผู้บริหารหัวก้าวหน้า
ป้อนข้อมูลใหม่ๆ ให้ผู้บริหารได้มีโอกาสเลือก
คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า
อย่าเสี่ยง !! เถียงกับผู้บริหารในขณะที่กำลังร้อนวิชา
จงลองทำเองก่อนและค่อยใช้คนนอกมาช่วย
การบริหารชีวิตในระหว่างเดินทางอยู่บนถนน สายอาชีพลูกจ้าง
มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน
คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต
ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวรในที่ทำงาน
ทุกคนเป็นคนดี แต่เส้นทางเดินอาจจะทับกันบ้าง
คิดว่าเราเพิ่งรู้จักทุกคนในทุกวัน
ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใดการขัดแย้งกันบ้าง จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น
ลด ละ เลิก ค่านิยม ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง
สาเหตุสำคั­ที่ทำให้ค่านิยม ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง เกิดขึ้นมากในสังคมไทย มีอยู่ 2 ประการ คือ
1. คนไทยชอบเห่อ หรืออยาก
2. ผู้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้หรือขายสินค้าออกโฆษณาล่อใจเหลือเกิน (เจอโฆษณาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ไม่รอด จอดป้ายเงินผ่อนทุกราย)
ข้อควรพิจารณาก่อนจะผ่อนอะไร
สิ่งที่ผ่อนเป็นภาระหรือการลงทุน
จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่
มีเงินพอหรือไม่
การวางแผนการเก็บเงิน
เทคนิคง่ายๆ คือ หลัก 3 บั­ชี โดยให้เปิดบั­ชี 3 บั­ชี ดังนี้
บั­ชีที่ 1 คือบั­ชีที่เงินเดือนเข้าไว้กดเอทีเอ็มสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
บั­ชีที่ 2 คือบั­ชีเงินออมเพื่อฉุกเฉิน เร่งด่วน(อาจจะเป็นออมทรัพย์ก็ได้)
บั­ชีที่ 3 คือบั­ชีเงินออมเพื่อออกจากงานหรือออมเพื่ออนาคต
ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง
จรรยาบรรณประจำตำแหน่งมนุษย์เงินเดือน
จงตระหนักว่าบทบาทและหน้าที่ของเราคืออะไร
จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ
จงคิดว่ามลทินในชีวิตไม่มีน้ำยาอะไรลบออกได้
จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่
จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้
จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น
อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย
อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน
อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น
เทคนิคการทำงานอย่างมีความสุข
การรักงานที่ทำอยู่ คือประตูสู่การทำงานที่เรารัก
เปลี่ยนปั­หาให้เป็นความท้าทาย
อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก
อย่าระบายอารมณ์ลงที่งาน
แบ่งหัวใจให้เรื่องสำคั­ก่อนความสุขในการทำงานไม่ต้องหาจากที่ไหนมันอยู่ที่ใจของเราเอง
รายการอาหารประจำวัน
เช้า : กาแฟ ขนมปัง มาม่า น้ำผลไม้ 10+5+5+10 = 30 บาท
กลางวัน : ข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ผลไม้ น้ำดื่ม 30+10+5 = 45 บาท
เย็น : ข้าวไข่เจียวหมูสับ แกงจืด 15+20 = 35 บาท
ค่าใช้จ่ายประจำวันเบ็ดเตล็ด = 60 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งวันเท่ากับ 30+45+35+60 = 170 บาท
จำนวนวันทั้งหมด ตั้งแต่อายุ 56 (หลังเกษียณ) ถึง 80=25 ปีคูณ 365 วัน = 9,125 วัน
ดังนั้นเงินที่จำเป็น ต้องใช้เพื่อประทังชีวิตอยู่ขั้นต่ำเท่ากับ 9,125 คูณ 170 = 1,551,250 บาท เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่สำคั­อื่นๆ เช่น ค่ารถ ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ และที่สำคั­ที่สุดคือ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับตัวเอง
คุณคิดว่าตอนคุณอายุ 55 คุณมีเงินเก็บขั้นต่ำ หนึ่งล้านห้าแสนบาทหรือยัง ??? |