ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ...สันดานกา...



(D)
คำนี้กำลังฮิต...ผมไปอ่านเจอใน น.ส.พ.ไทยรัฐ ให้ความหมายไว้ดีมาก ....

ปลายกรุงศรีอยุธยา พระอาจารย์สุก วัดท่าหอยขึ้นชื่อเรื่องเมตตามาก เล่ากันว่า ท่านสามารถเลี้ยงไก่ป่าให้เชื่องได้
เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกแล้ว พระอาจารย์สุก ลี้ถัยไปอยู่นครศรีธรรมราช แต่ครันเมื่อสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า...(ศิษฐ์ของท่านคนหนึ่ง)..ได้สถาปนาเป็นองค์ปฐมบรมพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ก็นิมนต์ท่านมาตั้งสำนักวิปัสนาอยู่ที่ วัดพลับ ฝั่งธนฯ
จนกระทั่งต่อมาพระอาจารย์สุกได้รับโปรดเกล้าฯให้ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่สี่ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เพราะท่านเป็นอาจารย์ของสมเด็จพุฒาจารย์โต วัดระฆัง พระผงพิมพ์สี่เหลี่ยมชิ้นฟัก ... ด้านหลังจารคำว่า"อรหัง"...นักเล่นพระเครื่องเชื่อว่า สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อนเป็นผู้สร้าง เล่นหากันในราคาแพงมาก และยังเชื่อกันว่า พระสมเด็จอรหัง มีดีทางเมตตา ก็เพราะประวัติการเลี้ยงไก่ป่าจนเชื่องนั่นเอง(ที่มาของฉายา"สมเด็จพระสังฆราชสุกไก่เถือน")
นี่เป็นเรื่องความเชื่อว่า ความเมตตา เป็นวิทยาคุณสำคัญด้านหนึ่ง
แต่ถ้าท่านอ่านเล่าไว้ในวัยสนธยา ..อาจารย์พุทธทาสกลับเล่าไว้ว่า "ความเมตตาเป็นธรรมชาติ .. เมื่อเมตตาสัตว์...สัตว์มันก็เมตตาตอบ.."
เมื่อแรก ๆ ที่ท่านพุทธทาสเริ่มฝึกวิชาพระป่าอยู่ที่พุ่มเรียง สวนโมกข์เก่า ท่านได้ทดลองเลี้ยงกา สัตว์ซึ่งโบราณเชื่อกันว่าเลี้ยงไม่เชื่อง
ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าตรัสว่า ภิกษุที่มีความปราถนาในสิ่ง ลามก ไร้ยางอาย แสวงหาลาภ สักการะชื่อเสียงในทางที่ขัดต่อพระธรรมวินัยว่า "มีความประพฤติเยี่งกา" ความประพฤติของเดรัจฉานเยี่งกา ...ธรรมชาติของกาในสายตามนุษย์เป็นเรื่องไม่ดี
ท่านพุทธทาสคงตั้งใจทดสอบวิชาเมตตา..เมื่อเห็นฝูงกามันบินโฉบไปมา ท่านก็โปรยข้าวสุกก้นบาตรให้ ขนาดไม่ให้ มันก็มันก็ยังโฉบเข้าหาจิกกินเองอยู่แล้ว เมื่อให้กาก็ได้ใจ นัดกันบินมาหาข้าวสุกจากท่านจนนับวันยิ่งฝูงใหญ่ขึ้น ๆ
"กลับจากบิณฑบาต เขาจะบินเบียดกันเหนือหัว เหมือนร่มคันใหญ่"ท่านอาจารย์เล่า
"เมื่อกำข้าวสุกจากบาตรสาดออกไป เขาจะบินมาไล่จิกเม็ดข้าว จากปลายมือเป็นแนวยาวตามสายข้าวสุก"
ภาพฝูงกาบินเหนือหัวท่านเหมือนร่มคันใหญ่ รวมกับภาพที่ท่านเลี่ยงกาเชื่อง ถ้าเกิดกับพระบางจำพวกที่นิยมปลุกเสกในสมัยนี้ คงเป็นข่าวพาดหัวยักษ์หนังสือพิมพ์ติดต่อกันหลายวัน
แต่นั่นแหละเมื่อถึงเวลา กามันก็แสดงสันดานกาออกมาให้เห็น
ในแต่ละวันมันรบกวนท่านอาจารย์ ไม่เพียงโฉบลงมาจิกเอาข้าวของเครื่องใช้ หลายครั้งมันก็..ขี้รด..!!
เมื่อความเมตตากลายเป็นเรื่องเดือดร้อนหนักหนา จนทนต่อไปไม่ไหว ท่สนอาจารย์จึงต้องเลิกทดลองวิชาการเลี้ยงกา และเมื่อพอไม่มีอะไรให้มันกิน ไม่ช้าไม่นานกาก็ค่อย ๆ เลิกราหายหน้าไป
บทสรปจากท่านพุทธทาสสวนกับคำโบราณ กาเลี้ยงเชื่องครับ ถ้าทนให้มันขี้รดได้ ... และด้วยความที่มันเป็นเดรัจฉาน จึงไม่ยากที่จะผลักไส
มีมนุษย์บางจำพวก สันดานเหมือนกา ไม่มีเงินล่อมันก็ไม่อยู่ มีเงินที่ไหนก็บินไปหา มุนษย์จัดการยากกว่ากาตรงที่ หน้าด้านกว่า ถ้ายังมีเงินให้ ตั้งใจไล่ยังไงมันก็ไม่ไป....

เป็นไงครับที่มาของคำว่า "สันดานกา"...ผมลอกมาจาก น.ส.พ.ไทยรัฐวันที่ 9 ต.ค 50 เห็นว่าน่าสนใจดีเลยเอามาให้เพื่อน ๆ อ่าน...

โดยคุณ เงิน-เพิ่ม-พูน (622)  [พฤ. 11 ต.ค. 2550 - 00:28 น.]



โดยคุณ Chiu2002 (5.5K)  [พฤ. 11 ต.ค. 2550 - 01:01 น.] #163391 (1/10)

โดยคุณ petro (1.2K)  [พฤ. 11 ต.ค. 2550 - 09:41 น.] #163453 (2/10)
ถ้าเปรียบอุปมาก็เหมือนนักการ.........เลยนะครับ ที่ทำตัวเป็นกา
เหมือนในอดีต หลายคนออกนอกหน้ามากๆ ดูแล้ว เหมือนเลียแข้ง เสียขา
ทุกวันนี้ผมว่า เขาก็ยังเป็นกาในสายตาผมอยู่

โดยคุณ tee-zung (844)  [พฤ. 11 ต.ค. 2550 - 10:16 น.] #163468 (3/10)

โดยคุณ ประชากรณ์ (0)  [พฤ. 11 ต.ค. 2550 - 12:09 น.] #163525 (4/10)

โดยคุณ aty2518 (384)(3)   [พฤ. 11 ต.ค. 2550 - 15:37 น.] #163598 (5/10)

โดยคุณ คนสุพรรณฯ (6)  [พฤ. 11 ต.ค. 2550 - 16:37 น.] #163629 (6/10)
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมว่าเจตนาจะทำร้ายศาสนาพุทธมากกว่านะครับ เพาะมุ่งโจมตีและทำร้าย เปรียบเทียบพระเหมือนกับกาที่คอยเก็บเกี่ยวเอาแต่ผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง ไม่รู้จักทำมาหากิน เอาแต่ปลุกเสกพระ รับแต่กิจนิมนต์ กินกับนอน เท่านั้น ......5555

โดยคุณ ขาจรประจำ (643)(1)   [พฤ. 11 ต.ค. 2550 - 18:07 น.] #163678 (7/10)
- ศิลปิน ถ้ามุ่งแต่สุนทรียศาสตร์ คือ ความงดงามของศิลปะ แต่หากขาดจริยศาสตร์ คือความเหมาะสม ความควร ไม่ควร แล้ว ศิลปินนั้นก็ยังไม่ชื่อว่า เป็นศิลปินที่แท้จริง คงเป็นเพียงคนวาดภาพได้เท่านั้นเอง

- เพราะถ้าอย่างคนสุพรรณฯ หมายถึง (คือเจตนารมณ์ของเจ้าของภาพ) แล้ว เพียงคำว่า "เอาแต่ปลุกเสกพระ รับแต่กิจนิมนต์" ผมก็ว่า ศิลปินคนนั้นก็เป็นบาปมหันต์แน่นอนครับ ที่ไปว่าพระสงฆ์องคเจ้าท่าน เพราะพระเกจิที่ไปปลุกเสกพระ ล้วนเป็นพระปฏิบัติ เป็นที่เคารพนับถือของสาธุชนทั้งสิ้น (เช่น หลวงพ่อ....., หลวงปู่........)

แต่ก็คงหมายเอาเฉพาะกลุ่มที่เห็นแก่ลาภสักการะ เห็นแก่ได้ เห็นแก่อามิส กระมัง

โดยคุณ ขาจรประจำ (643)(1)   [พฤ. 11 ต.ค. 2550 - 18:18 น.] #163682 (8/10)
ลองดูเรื่องสันดานกา อะไรนั่น ที่นี่ดูครับ http://www.watsoithong.com/ (เป็นมุมมองของพระท่าน)

โดยคุณ LITTLEGIFT (1.5K)(1)   [ศ. 12 ต.ค. 2550 - 10:21 น.] #163993 (9/10)

โดยคุณ เด็กวัดเขาถ้ำบุญนาค (1.4K)  [ศ. 12 ต.ค. 2550 - 20:14 น.] #164299 (10/10)
ขอบคุณสำหรับ บทความครับ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5