ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : อยากบอกโยมว่า....



(D)
อยากบอกโยมว่า

1. ความคิดว่า "พระคือผู้ละแล้วซึ่งกิเลส" "ตัดแล้วซึ่งทางโลก" คำพูดเหล่านี้โยมพูดเองเออเอง ทั้งนั้น



ที่จริงต้องบอกว่า "พระคือ ผู้บวชเพื่อฝึกตนเองตามหลักคำสอนตามพระพุทธศาสนา บวชแล้วมีหน้าที่อุทิศให้เป็นประโยชน์แก่ชาวโลก (จะระถะ ภิกขะเว พะหูชะนะหิตายะ พะหุชะนะสุขายะ โลกานุกัมปายะ = ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงท่องเที่ยวไป เพื่อบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ชนหมู่มาก เพื่อความสุขของชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก)"

ไม่ได้ให้บวชมาเฝ้าโบสถ์ เฝ้าศาลา นั่งหลับตา บอกใบ้ให้หวยดูดวง อาตมาเองก็แปลกใจ เวลาอาตมาชวนโยมมาฟังเทศน์โยมบอกว่า งานยุ่งไม่มีเวลาไปวัด น่าเบื่อ แต่พอเวลาอาตมาบอกจะดูดวงให้ โยมผู้หญิงที่ว่าโดนพระไม่ได้เห็นพุ่งเข้าหาจนอาตมาหลบแทบไม่ทัน (แบบว่าอยากรู้เรื่องเนื้อคู่อะ..... ที่เรื่องไม่ใช่กิจสงฆ์อย่างนี้ Request จากพระจัง)

2. "เมื่อบวชแล้ว พระต้องสละเรื่องทางโลกทุกอย่าง" นี่โยมก็พูดเองเออเอง อีกนั่นแหละ

พระยังเป็นลูกของพ่อแม่ เป็นพี่ของน้องๆ และเป็นลูกหลานของญาติทุกคน ยังต้องสงเคราะห์ดูและญาติพี่น้องตามสมควร ขนาดหมาขี้เรื้อนโยมเอามาปล่อยที่วัด พระยังเลี้ยงให้ ใจคอจะให้ละทางโลกที่มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ข้างหลังเชียวหรือ

3. โยมรู้หรือไม่ว่า พระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราได้ ไม่ได้สอนให้ละทางโลกโดยสิ้นเชิงหรอกนะ

4. อยากบอกว่า ฉันนับถือเฉพาะพระพุทธ กับพระธรรมเท่านั้น ไม่นับถือพระสงฆ์ โยมเข้าใจผิดแล้ว

พระสงฆ์ที่อยู่ในพระรัตนตรัยนั้น คือ อริยสงฆ์ หรือใครก็ตาม(ทั้งบรรพชิตและฆราสวาส)ที่เป็นพระอรหันต์ โยมจำบทสวดมนต์ได้มั๊ย "สุปฏิปันโน สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ = ข้าพเจ้าของแสดงความนอบน้อม แด่พระสงฆ์สาวก ผู้ปฏิบัติดี" อาตมาเป็นสมมติสงฆ์ก็ต้องเคารพบูชาท่าน เอาท่านเป็นแบบอย่างเหมือนกัน

ที่โยมคิดแบบนั้นเป็นเพราะโยมอาจทำบุญเยอะ แต่ศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรมะน้อยต่างหาก ลองศึกษาธรรมะเยอะๆ ปฏิบัติธรรมเยอะๆสิ โยมจะเข้าใจสัจธรรมข้อนี้เอง

5. พระพุทธเจ้าสอนว่า "เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม" การที่โยมเผลอไปแตะพระโดยไม่ตั้งใจไม่มีใครบาปหรอก ทั้งโยมและพระ แต่ถ้าใครกระทำโดยมีเจตนาถึงจะเป็นบาป

6. พระที่โยมเห็นมาจากไหนละ....ตอบ...ก็มาจากชาวบ้านนั่นแหละ พระดีก็มาจากโยมที่ดี พระที่ไม่ดีก็มาจากโยมที่ไม่ดี

ถ้าโยมอยากได้พระดี โยมก็เอาลูกหลานที่ดีมาบวชเยอะๆสิจ๊ะ จะได้มีพระที่ดีเยอะ ๆ รู้มั๊ย โยมหลายคนกำลังทำให้วัดเป็นที่ทิ้งขยะสังคม หมาแมวที่โยมไม่อยากเลี้ยงโยมก็เอาทิ้งวัด ลูกหลานติดยาเสพติด เกเร เป็นอันธพาล อาชญากร โยมก็เอาทิ้งวัด ถ้าโยมไม่อยากไหว้พระเลว ก็อย่าเอาเขามาบวชเลย โยมเป็นพ่อแม่พี่น้องเป็นญาติเขายังไม่อยากให้เขาอยู่บ้านเลย ยังสอนเขาไม่ได้ อาตมาสอนเขาจะฟังเหรอ

7. พระไม่ได้บวชมาเพื่อหลับตานั่งสมาธิ เฝ้าวัด อย่างเดียวหรอกนะ พระพุทธเจ้าบอกว่าหน้าที่พระมี 2 อย่าง :

(1.) คันถธุระ มีหน้าที่ศึกษาคำสอนพระพุทธเจ้า สืบทอดอายุพระศาสนา ประกาศพระศาสนา รักษาศาสนวัตถุของพระศาสนา บริหารกิจการคณะสงฆ์ คุ้มครองพระดี กำจัดพระเลว คอมพิวเตอร์มีส่วนช่วยในการจัดทำเอกสาร สร้างสื่อการสอนพระพุทธศาสนา บันทึกข้อมูล และงานเอกสารอื่นๆ

โยมเคยเข้าเว็บไซต์ของวัดต่างๆมั๊ย โยมเคยเห็น CAI เกี่ยวการสอนธรรมมะมั๊ย โยมเคยเห็นมั๊ยว่า เบื้องหลังพระผู้ใหญ่จะมีพระหนุ่มเณรน้อยกลุ่มหนึ่งทำงานเป็น STAFF คอยจัดทำเอกสาร หนังสือ บันทึก ประกาศ ทำต้นฉบับหนังสือธรรมะ ทำ Powerpoint เวลามีงานประชุม สัมมนาทางพระพุทธศาสนา

อย่าบอกเลยว่า ทำไมสมัยพุทธกาล ไม่มีคอมพิวเตอร์ ก็ยังประกาศพระศาสนาได้ ก็ใช่สิจ๊ะ สมัยพระพุทธเจ้า ทุกเย็นหลังรับประทานอาหารเย็นแล้ว ชาวบ้านจะพากันถือดอกไม้ธูปเทียนไปฟังธรรมเทศนา ไปคุยธรรมะกับพระที่วัด วันนี้ละ โยมจะบอกได้มั๊ยว่า เดือนหนึ่งมีวันพระกี่วัน ครั้งล่าสุดที่โยมฟังเทศน์ที่วัดนั้น นานแค่ไหนแล้ว

( 2.) วิปัสสนาธุระ = พระมีหน้าที่ปฏิบัติธรรม เพื่อหลุดพ้นจากกิเลส เพื่อยืนยัน ใครก็ตามเมื่อปฏิบัติตามคำสอนจะได้รับผลจากการปฏิบัติจริง ทั้งสองอย่างต้องไปด้วยกัน นั่งหลับตาอยู่ในวัดอยู่ในป่าอย่างเดียวรักษาพระศาสนาไว้ไม่ได้ ศึกษาแต่คำสอนอย่างเดียว ไม่ปฏิบัติตามก็รักษาไว้ไม่ได้ ต้องทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป

8. สถาบันศาสนาก็เป็นส่วนย่อยของสังคมไทย เช่นเดียวกับสถาบันครอบครัว ข้าราชการ การเมือง

สังคมไทยมีทั้งคนดีและคนไม่ดี สถาบันศาสนาก็เหมือนกันมีทั้งพระดีและพระไม่ดี พระพุทธเจ้าสอนว่า นิคคัณหะ นิคคัณหาระหัง ปัคคัณหะ ปัคคัณหาระหัง (ข่มผู้ที่ควรข่ม ยกย่องผู้ที่ควรยกย่อง)

ทำไมโยมไม่แยกแยะละว่า ถ้าท่านไปพันธ์ทิพย์เพื่อซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อใช้เป็นสื่อในการเผยแผ่พระศาสนาก็ควรส่งเสริมท่าน แต่ถ้าท่านไปเพื่อไปซื้อหนังโป๊ ไปเดินตากแอร์ ไปหลีหญิง เช่นนั้นก็สมควรติเตียน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องแยกแยะ ไม่ควรเหมารวม

9. อยากบอกนะ ไม่ว่าอาตมาจะเดินพันธ์ทิพย์หรือที่ไหนก็ตาม อาตมาระวังมาก ถึงมากสุดๆ

เพราะว่า เวลาโยมเดินกันนะโยมเดินเหมือนเหม่อลอยไม่ตั้งสติกันเลย ราวกับไม่เอาวิญญาณมาด้วย บางทีโยมเดินตามทางเดิน โยมเดินแบบหน้ากระดานเรียงสาม เรียงสี่กันทอดน่อง ลอยชาย แบบไม่คิดกันว่าจะมีคนอื่นๆ เช่น พระ หรือคนอื่นๆเขาจะรีบเดิน คิดอยู่ในใจนะว่าน่าจะจับโยมเหล่านี้ไปเข้าคอร์สวิปัสสนาซัก 7 วัน จะได้รู้ว่าเวลาโยมเดินนั้นขาดสติขนาดไหน (เหมือนไม่ได้เอาวิญญาณมาด้วยเลยอะ) อาตมาไปพันทิพย์นะไม่ได้รู้สึกว่าสนุกอย่างที่โยมคิดหรอกนะ เพราะต้องคอยหลบโยมกลัวเดินชน

10. อยากบอกโยมว่า อาตมามีหน้าที่รักษาพระศาสนาให้ครบห้าพันปีตามพุทธทำนาย

โบสถ์ ศาลา กุฎิ จตุปัจจัย อาหารบิณฑบาตที่โยมถวายมาพอแล้ว พระศาสนาไม่ได้มั่นคงเพราะสิ่งที่โยมถวายหรอก แต่มันอยู่ที่ชาวพุทธหันมาศึกษาและปฏิบัติธรรมการมากกว่า จิงป๊ะ

โยมอาจจะบอกว่า ก็ตาแก่ยายแก่งัย โธ่ถังโยมเอ่ย ตายายแกจะตายวันตายพรุ่งอยู่แล้ว ตัวแกยังจะเอาตัวไม่รอด จะให้รักษาพระศาสนาหรือ ? มันต้องรุ่นลูกหลานอย่างเราสิถึงจะมีกำลังจิงม๊ะ ถ้าโยมมาจริงให้สอนจนตายไปข้างนึงก็ยอม ไม่เชื่อไปถามพระที่ท่านทำงานเผยแผ่ดูสิ (เก่งจิงไม่กลัว กลัวโยมใจไม่ถึงมากกว่า)

11. โยมหลายท่านบอกว่า "เป็นพระควรอยู่ที่วัดเท่านั้น ไม่ควรไปเดินเพ่นพ่านข้างนอกมันเป็นที่ของโยม" ไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องเลย

โยมรู้หรือไม่ว่า สมัยพระพุทธกาล พระไม่เคยอยู่กับที่เลย ต้องจาริกไปสั่งสอนตามที่ต่าง พระพุทธเจ้าให้ออกไปประกาศพระศาสนาให้เข้าไปในสังคมโลก ไปสอนคนให้ทวนกระแสโลก สอนให้เผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก เพื่อให้โยมทั้งหลายเห็นว่า วิถีชีวิตที่ประเสริฐมีอยู่ วิถีแห่งการฝึกตนเองเพื่อพ้นทุกข์มีอยู่ แบบอย่างที่ดีงาม

ไม่ได้สอนให้อยู่ที่วัดแล้วรอโยมมาหา ทำตัวเป็นเจ้าพิธีกรรม บอกใบ้ให้หวย ถ่มน้ำหมากขากน้ำมนต์ สร้างพระเครื่อง แต่โยมชอบจัง กระพี้คำสอนเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่พระพุทธเจ้าติเตียนว่าเป็นการหลอกลวงชาวโลกให้งมงาย ส่วนที่พระพุทธเจ้าสั่งให้อยู่ที่วัดนั้นก็คือช่วงสามเดือน ตอนเข้าพรรษาเท่านั้น ดังนั้น ความคิดของโยมที่ว่า พระดีควรหมกตัวอยู่ จึงสวนกระแสพุทธดำรัสโดยสิ้นเชิง นั่นเป็นเพียงภาพลักษณ์ของพระในอุดมคติของโยมที่ละม้ายคล้ายพุทธรูปในโบสถ์เข้าไปทุกที

12. พระเลวไม่ได้มีแต่ในสมัยนี้หรอก สมัยพระพุทธเจ้าก็มี

โยมอาจจะฮือฮาโกลาหลเวลาเห็นพระก่อคดีสะเทือนศรัทธา โยมรู้มั๊ยว่า ศีล 227 ข้อของพระนะมาจากการก่อคดีสะเทือนศรัทธาทั้งนั้น พระพระพุทธเจ้าจะเรียกพระเหล่านั้นมาสอบสวนและบัญญัติห้าม เป็นสิกขาบทให้พระรุ่นหลังอย่าได้เอาเยี่ยงอย่าง ฆ่าคน ดื่มเหล้า เคล้าสีกา เคยเกิดมาแล้วในสมัยพระพุทธเจ้าแล้วทั้งนั้น ขนาดพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ มีพระอรหันต์ พระ และฆราวาสที่บรรลุธรรมมากมาย สิ่งเหล่านั้นก็ยังเกิดขึ้น

อย่างว่า คนดีจะเป็นพระหรือเป็นโยม ก็เป็นคนดี คนชั่วจะเป็นพระหรือเป็นโยม ก็เป็นคนชั่ว หากเขาไม่กลับใจ ให้เขาไปบวชกับพระพุทธเจ้าสักร้อยพรรษาก็เป็นคนดีไม่ได้หรอก นั่นเป็นเพราะโยมไม่เคยศึกษาพระวินัยของพระต่างหาก จึงเหมาว่าพระสมัยนี้มีแต่เลวๆ

13. อย่าเอาพระทำชั่ว มาเป็นข้ออ้างเลยว่า ฉันจะเลิกทำบุญแล้ว ฉันจะเลิกนับถือพุทธศาสนาแล้ว เลิกนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว

พระพุทธเจ้าสอนว่า คนดีย่อมเอาคนชั่วเป็นข้ออ้างในการละชั่วทำดี คนชั่วย่อมเอาคนชั่วเป็นข้ออ้างละดีทำชั่ว

*** ขอความเจริญในธรรม จงมีแก่ทุกท่าน เทอญ ***

โดยคุณ mai111 (12.6K)  [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 09:34 น.]



โดยคุณ โพธโชคชัย (3K)  [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 09:43 น.] #160197 (1/22)
อ่านแล้วเห็นอะไรได้เยอะครับ เวลามเห็นพระไปเดิน ITmall ต้องเปลี่ยนความคิดสะใหม่แล้วครับ

โดยคุณ doctork (407)  [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 10:26 น.] #160224 (2/22)
เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกดีครับ อยากรู้ยังว่าคำเทสน์นี้เป็นของพระวัดไหน จะได้ไปนมัสการท่านสักหน่อย
ข้อ 13 นี้ ผมชอบครับ เพราะได้ยินคนอ้างบ่อย ว่าไม่ไปทำบุญเพราะพระสมัยนี้ไม่ดี
แต่ผมไปทำบุญทุกวันพระใหญ่ครับ

โดยคุณ digitalsale (2.4K)(1)   [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 11:01 น.] #160239 (3/22)
สาธุ...คร้าบบหลวงพี่..

โดยคุณ naijeab (140)  [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 11:38 น.] #160251 (4/22)
ขอบคุณครับ
ได้ความรู้ และทัศนคติที่กว้างไกลเพิ่มพูนมากขึ้น
เป็นกุศลที่นำมาเผยแผ่ให้อ่านกัน
สาธุด้วยครับ

โดยคุณ klahaan (283)(2)   [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 11:39 น.] #160252 (5/22)
สุดยอดครับ...ผมนับถือหลวงพี่องค์นี้จริงๆ..อ่านแล้ว..เปลี่ยนความคิดให้คล้อยตามได้เลยจริงๆ..

โดยคุณ ประชากรณ์ (0)  [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 13:03 น.] #160294 (6/22)
สาธุครับ

โดยคุณ chartchay_ho21 (265)(2)   [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 13:13 น.] #160298 (7/22)

โดยคุณ ขาจรประจำ (643)(1)   [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 13:50 น.] #160324 (8/22)
เจ้าของกระทู้ มีความรู้ความเข้าใจเรื่องของ "พระ" ได้ค่อนข้างดีทีเดียว ครับ
ขอนับถือด้วยใจจริง

(คนที่มักมีอคติกับพระ จะได้เปลี่ยนทัศนะใหม่ที่ดีขึ้นมาในใจได้บ้าง)

โดยคุณ กระเช้าทอง (892)  [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 14:12 น.] #160335 (9/22)
สาธุ...

โดยคุณ ขาจรประจำ (643)(1)   [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 14:25 น.] #160348 (10/22)
หลวงพี่ mai11 ท่านจำพรรษาอยู่ที่ g-pra.com นี้แหละครับ ติดต่อท่านทางอีเมล์ ได้ตลอด 24 ชม.

โดยคุณ kookkai (91)(2)   [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 14:41 น.] #160354 (11/22)
สาธุ....ครับ

โดยคุณ sarayoot (320)  [พฤ. 04 ต.ค. 2550 - 15:51 น.] #160396 (12/22)
อมิตตพุทธ........

โดยคุณ nongtue (116)  [ศ. 05 ต.ค. 2550 - 00:59 น.] #160652 (13/22)
ดีมากครับที่ได้อ่านอะไรดี ๆ ขอบคุณมาก

โดยคุณ aty2518 (384)(3)   [ศ. 05 ต.ค. 2550 - 06:02 น.] #160673 (14/22)
สาธุ....ครับ

โดยคุณ KhomT (363)  [ศ. 05 ต.ค. 2550 - 12:22 น.] #160808 (15/22)
สาธุ.

โดยคุณ suankularb (315)  [ส. 06 ต.ค. 2550 - 11:20 น.] #161199 (16/22)
อยากทราบว่าพระ สามารถใช้โทรศัพท์ มือถือ และ อินเตอร์เน็ตได้ หรือ ไม่ครับ

อยากรู้ครับ ... ใครทราบช่วยตอบผมด้วย .... ขอบคุณครับ

โดยคุณ godblessme (52)  [ส. 06 ต.ค. 2550 - 13:00 น.] #161226 (17/22)
ผมว่า ถ้าใช้เพื่อติดต่อธุระที่จำเป็น(ย้ำว่าจำเป็นจริงๆ) หรือใช้เพื่อเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้าก็น่าจะได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรจะไม่ยึดติดกับวัตถุเหล่านั้นมากเกินไป เพราะผู้บวชซึ่งยังไม่สมควรเรียกว่าพระ ควรจะเรียกว่าภิกษุ(แปลว่า ผู้ขอ)ก่อนจะดีกว่า

ก่อนบวช ก็มีคำกล่าวที่ว่า ข้าพเจ้าจะขอทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน (ประมาณนี้นะครับ) ดังนั้นควรเอาเวลาส่วนใหญ่ทำกรรมฐานดีกว่า ซึ่งไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตาปี๋ตลอด อริยาบถ4 ยืน เดิน นั่ง นอน (ทำงานไปด้วย) ใช้ได้หมด คนส่วนใหญ่เหมารวมเอาว่าการทำสมาธต้องนั่งหลับตาอย่างเดียว ยังไม่ถูกต้องจริงๆ

พระจะใช้เรียก ก็ต่อเมื่อเป็นพระอริยเจ้าเท่านั้น ซึ่งคนธรรมดาถือศีล5 อย่างเราท่านก็เป็นพระอริยเจ้าได้ครับ ง่ายๆคือพระโสดาบัน

เรามาทำตนให้เป็นพระกันดีกว่าครับ ง่ายสุดๆ
ข้อ1. ถือศีล5ด้วยความจริงใจ ทั้งกาย วาจา ใจ
ข้อ2. นับถือพระรัตนตรัยด้วยใจจริง
ข้อ3. นึกถึงความตายตลอดว่า ชีวิตเรานี้ยังไงก็ต้องตายแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว กันความประมาท
ข้อ4. นึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์ อยู่ไหนไม่รู้ ตอนนี้ขอนึกก่อนว่าตายแล้วขอไปนิพพาน

แค่นี้เองการทำตนให้เข้าสู่กระแสของพระโสดาบันง่ายไม๊ครับ ผมกำลังพยายามอยู่ครับ

ขอบคุณที่อ่าน หากมีข้อผิดพลาดผมขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว

โดยคุณ dd-team2005 (403)  [ส. 06 ต.ค. 2550 - 17:13 น.] #161285 (18/22)
อ่านจบแล้ว.......กล่าวได้คำเดียวครับ.........สาธุ.....
ขอขอบคุณสำหรับสิ่งดี ๆ ครับ

โดยคุณ ขาจรประจำ (643)(1)   [ส. 06 ต.ค. 2550 - 18:46 น.] #161326 (19/22)
- ผมมีเพื่อนอยู่ท่านหนึ่ง เป็นพระอยู่วัดแห่งหนึ่ง ผมไม่สะดวกจะไปหาท่าน เนื่องจากอยู่ไกล หรือต้องการเช็คดูก่อนไปหาท่าน ผมจึงโทรไปท่าน ที่เบอร์ห้อง (โทรศัพท์บ้าน (วัด)) ปรากฏว่าท่านไม่อยู่ คงไปธุระที่ไหนไม่ทราบ ผมจึงใช้มือถือโทรเข้ามือถือของท่าน

- เจ้าอาวาสต้องการให้พระลูกวัดรูปหนึ่งไปหา จึงให้พระรับใช้โทรไป พระรับใช้จึงวิธีการโทรศัพท์ เพราะกุฏิอยู่ไกลกันเหลือเกิน ทั้งอยู่ชั้น 4 ขี้เกียจเดินขึ้นไป พระลูกวัดมีแต่มือถืออย่างเดียว พระรับใช้จึงใช้มือถือโทรไปหา

ฯลฯ

นี่เป็นตัวอย่างที่ว่า พระก็ใช้มือถือได้เหมือนอย่างเรานี่แหละครับ

- ผมมีเพื่อนอีกรูปหนึ่ง ขณะนี้เป็นพระธรรมทูตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผมจนปัญญาที่จะใช้มือถือโทรหาท่าน (แพง) ก็เลยเข้าอินเตอร์เน็ตติดต่อกับท่าน ผ่านโปรแกรม MSN (ตามอีเมล์ที่ท่านเคยให้ไว้)

- พระรูปหนึ่งอยากเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ ทั้งสองแห่ง (คือ มหาจุฬาฯ วัดมหาธาตุ กทม. กับมหามกุฏฯ วัดบวรนิเวศ กทม.) จึงเข้าอินเตอร์เน็ต เข้าไปดูรายละเอียดการรับสมัคร สาขาวิชา ฯลฯ ท่านจึงเข้าไปที่เวบไซต์ของมหาวิทยาลัยสงฆ์ดังกล่าว (มหาจุฬาฯ คือ www.mcu.ac.th, ส่วนมหามกุฏฯ คือ www.mbu.ac.th) จึงพบรายละเอียดทุกอย่าง

- ส่วนพระอีกรูปหนึ่ง อยากจะหาข้อมูลเกี่ยวกับ (ยกตัวอย่าง) "ภาวะโลกร้อน" เพื่อต้องการความรู้ / เพื่อทำรายงาน ก็เลยใช้อินเตอร์เน็ตค้นหา ทางเวบไซต์ Google.co.th ก็ปรากฏว่าได้ข้อมูลเหล่านี้มามากมาย

ฯลฯ

นี่คือตัวอย่างของการจำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ต

สรุปว่า พระท่านก็ใช้มือถือ อินเตอร์เน็ต (รวมทั้งคอมพิวเตอร์ กล้องดิจิตอล ฯลฯ) ได้เหมือนเราทุกอย่าง ที่สำคัญที่สุด (ไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม) ก็ต้องใช้ในทางที่เกิดประโยชน์ ทางสังสรรค์ มิฉะนั้นก็จะเกิดโทษได้เหมือนกัน เรียกว่า มีคุณอนันต์ ก็มีโทษมหันต์ เหมือนอย่างที่ข่าวให้เห็นตามสื่อ เช่น กรณีแชทลวง เป็นต้น



โดยคุณ suankularb (315)  [อา. 07 ต.ค. 2550 - 02:16 น.] #161488 (20/22)
ขอบคุณทุกๆท่านครับที่ให้ความรู้

โดยคุณ toong (4.6K)  [อา. 07 ต.ค. 2550 - 17:38 น.] #161708 (21/22)
ผมต้องมีการโต้วาทะ ปะทะวาที กันเรื่องอย่างนี้ ทั้งที่ทำงาน และในหมู่เพื่อนฝูง

เถียงกัน ไม่สะเด็ดน้ำซะที

เอาละผมขออนุญาตกอปข้อความนี้ ส่งเมล์ไปให้พวก มันนนนน

เถียงไม่ขึ้นแน่

โดยคุณ PROMLOK (6.1K)  [จ. 08 ต.ค. 2550 - 17:43 น.] #162201 (22/22)
-ขอบคุณครับ ได้ข้อคิดเยอะเลยครับ ถูกใจมากๆๆเลย

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5