ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : *** พี่ๆ ทำบุญทำทานอย่างไรกันบ้าง .... ***

(D)
อยากรู้ว่า พี่ๆ ทำบุญทำทาน อย่างไรกันบ้าง เผื่อมีวิธีไหนที่โดนใจ จะได้นำไปใช้บ้าง ...

ปกติผมชอบไปตลาดสด แล้วซื้อปลาที่กำลังจะถูกฆ่าไปปล่อย ... รู้สึกดีเวลาเห็นปลาได้อิสระ ...

ช่วยๆ โพสส์กันเข้ามานะครับ ผมอยากรู้จริงๆ ...


โดยคุณ suankularb (315)  [พฤ. 06 ก.ย. 2550 - 21:54 น.]



โดยคุณ marthaifarm (283)  [พฤ. 06 ก.ย. 2550 - 22:22 น.] #147014 (1/15)
สวัสดีครับ
เริ่มเลยนะ...
1.สอนให้คนไม่แสดงความเห็นแก่ได้มากเกินไป(เช่น ขายอะไรก็ตามก็เอากำไรแต่พอเพียง)
2.พูดและแสดงความจริงเท่านั้น ไม่รู้ไม่พูด
3.ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของผู้รู้ โดยเฉพาะกระแสพระราชดำรัสอย่างเคร่งครัด
จบแล้ว
มากเกินไปเดี๋ยวเกินดี
นี่แหละทานของ คนเต็มใบ

โดยคุณ dam09 (1K)  [พฤ. 06 ก.ย. 2550 - 23:30 น.] #147044 (2/15)
พอใจและเต็มใจอยากจะให้...
ให้แล้วสบายใจ.....ไม่เกิดความทุกข์ใจ..
...ผมเคยเจอเด้กๆ คนหนึ่งแต่งตัวมอมแมมทกำลังหาเศษอาหารในถังขยะ...
แววตาเขาซื่อใสๆ ท่าทางหิวโหย...เห็นแล้วสงสาร..เลยให้นำดื่มไป 1 ขวด..กับมาม่า(ได้จากการเติมน้ำมัน)อีก3-4 ซอง.....เขารับด้วยความดีใจ..สังเกตุว่าเขาดีใจจนมีน้ำตาใสรินออกมา....ภาพนั้นยังอยู่ในใจผมเรื่อยมา...

โดยคุณ PROMLOK (6.1K)  [ศ. 07 ก.ย. 2550 - 00:49 น.] #147073 (3/15)
บริจาคเลือดทุกๆๆ 3 เดือนครับ ถ้าถึงกำหนดแล้วไม่ไปจะรู้สึกตะหงิดๆๆ พอไปบริจาคแล้วรู้สึกโล่งสบายใจดี ยิ้มได้ทั้งวันครับ

โดยคุณ leela (1.2K)  [ศ. 07 ก.ย. 2550 - 03:31 น.] #147092 (4/15)
ทำบุญวัตถุมงคลจตุคามดีกว่าครับ ขาดทุนยังตามทวงบุญคืนได้

โดยคุณ คนเมืองเพชร (1.9K)  [ศ. 07 ก.ย. 2550 - 08:22 น.] #147141 (5/15)
ผมทำอยู่หลายอย่างครับ

1. ตักบาตรพระตอนเช้าทุกครั้งที่มีโอกาส
2. โอนเงินเข้าบ/ช รพ.สงฆ์(เพื่อพระสงฆ์อาพาธ) และ วัดพระบาทน้ำพุ(เพื่อผู้ป่วยโรคเอดส์) ทุกเดือน
3. จุนเจือพี่ๆผู้มีพระคุณเลี้ยงดูผมมา(พอดีพระในบ้าน(พ่อ-แม่) ท่านไปสวรรค์หมดแล้วครับ)
4. ปล่อยปลา 19 ตัวทุกครั้งที่มีโอกาส(อันนี้หลวงพ่อวัดท่าไชยศิริ จ.เพชรบุรี บอกมาครับ) และจะทำตลอดไปตลอดชีวิตนี้ครับ
5. ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก(จริงๆ)

ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูกำลังตัวเองด้วยครับ ว่าไหวหรือไม่ เท่าที่ผ่านมาก็ไหวมาตลอด และไม่ค่อยติดขัดอะไร มีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ ใครชอบวิธีไหนก็ลองดูได้ครับ

โดยคุณ suankularb (315)  [ศ. 07 ก.ย. 2550 - 11:56 น.] #147208 (6/15)
ขอบคุณทุกๆคำแนะนำครับ

โดยคุณ ประชากรณ์ (0)  [ศ. 07 ก.ย. 2550 - 12:51 น.] #147238 (7/15)
ส่วนตัวน่ะครับ ชอบตุ๊โลงศพอ่ะ ส่วนตัวจริงๆ

โดยคุณ ขาจรประจำ (643)(1)   [ศ. 07 ก.ย. 2550 - 14:06 น.] #147267 (8/15)
๑. ชาวพุทธส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องหรือรู้จักบุญมานานแล้ว แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจเรื่องบุญยังไม่ชัดเจน คือเข้าใจว่าการทำบุญเป็นเรื่องของการใส่บาตร บริจาคสิ่งของเงินทองเป็นต้น ความจริง การทำบุญในพระพุทธศาสนา สามารถทำได้ถึง ๑๐ วิธี เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ หมายถึงสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า การกระทำที่เกิดเป็นบุญ เป็นกุศลแก่ผู้กระทำ คือ

๑) ทานมัย - บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน ได้แก่การเสียสละทรัพย์ สิ่งของ เงินทอง ตลอดจนกำลังกาย สติปัญญา ความรู้ความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยส่วนรวม จนถึงการสละชีวิตเพื่อรักษาไว้ซึ่งธรรม

๒) สีลมัย - บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล ได้แก่การตั้งใจรักษาศีล และการปฏิบัติตนไม่ให้ละเมิดศีล ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗ เพื่อรักษากาย วาจา และใจ ให้บริสุทธิ์สะอาดพ้นจากกายทุจริต ๔ ประการ คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ละเว้นจากการลักทรัพย์ ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม และเสพสิ่งเสพติดมึนเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท วจีทุจริต ๔ ประการ คือไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดปด ไม่พูดเพ้อเจ้อ และไม่พูดคำหยาบ มโนทุจริต ๓ ประการ คือ ไม่หลงงมงาย ไม่พยาบาท ไม่หลงผิดจากทำนองคลองธรรม

๓) ภาวนามัย - บุญสำเร็จด้วยการภาวนา ได้แก่การอบรมจิตใจในการละกิเลส ตั้งแต่ขั้นหยาบไป จนถึงกิเลสอย่างละเอียด ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นโดยใช้สมาธิปัญญา รู้ทางเจริญและทางเสื่อม จนเข้าใจอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เป็นทางไปสู่ความพ้นทุกข์ บรรลุมรรค ผล นิพพานได้ในที่สุด

๔. อปจายนมัย - บุญสำเร็จด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ได้แก่การให้ความเคารพ ผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ ๓ ประเภท คือ ผู้มี วัยวุฒิ ได้แก่พ่อแม่ ญาติพี่น้องและผู้สูงอายุ ผู้มี คุณวุฒิ หรือคุณสมบัติ ได้แก่ ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสงฆ์ และผู้มี ชาติวุฒิ ได้แก่พระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์

๕. เวยยาวัจจมัย - บุญสำเร็จด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ ได้แก่การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม โดยเฉพาะทางพระพุทธศาสนา เช่น การชักนำบุคคลให้มาประพฤติปฏิบัติธรรม มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น ในฝ่ายสัมมาทิฎฐิ

๖. ปัตติทานมัย - บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ ได้แก่การอุทิศส่วนบุญกุศลที่ได้กระทำไว้ ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง การบอกให้ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนาด้วย ทั้งมนุษย์และอมนุษย์ ได้ทราบข่าวการบุญการกุศลที่เราได้กระทำไป

๗. ปัตตานุโมทนามัย - บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนา ได้แก่การได้ร่วมอนุโมทนา เช่น กล่าวว่า “สาธุ” เพื่อเป็นการยินดี ยอมรับความดี และขอมีส่วนร่วมในความดีของบุคคลอื่น ถึงแม้ว่าเราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็ขอให้ได้มีโอกาสได้แสดงการรับรู้ด้วยใจปีติยินดีในบุญกุศลนั้นผลบุญก็จะเกิดแก่บุคคลที่ได้อนุโมทนาบุญนั้นเองด้วย

๘. ธัมมัสสวนมัย - บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม ได้แก่การตั้งใจฟังธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน หรือที่เคยฟังแล้วก็รับฟังเพื่อได้รับความกระจ่างมากขึ้น บรรเทาความสงสัยและทำความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้น จนเกิดปัญญาหรือความรู้ก็พยายามนำเอาความรู้และธรรมะนั้นนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ สู่หนทางเจริญต่อไป

๙. ธัมมเทสนามัย - บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม ได้แก่การแสดงธรรมหรือถ่ายทอดวิชาความรู้แก่ผู้อื่น รวมทั้งประพฤติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่น หรือการนำธรรมไปขัดเกลากิเลสอุปนิสัยเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น ให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธามาประพฤติปฏิบัติธรรมต่อไป

๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ – บุญสำเร็จด้วยการทำความเห็นให้ตรง ได้แก่ความเข้าใจในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ สิ่งที่เป็นแก่นสารสาระหรือที่ไม่ใช่แก่นสารสาระ ทางเจริญทางเสื่อม สิ่งอันควรประพฤติสิ่งอันควรละเว้น ตลอดจนการกระทำความคิดความเห็นให้เป็นสัมมาทิฏฐิอยู่เสมอ

๒. บุญเป็นเครื่องฟอกจิตของมนุษย์ให้บริสุทธิ์สะอาด เป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งในชาตินี้และชาติหน้า หากผู้ใดได้ทำบุญครบทั้ง ๑๐ อย่าง หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ผลบุญย่อมเกิดแก่ผู้ได้กระทำมากตามบุญที่ได้กระทำไว้ เขาย่อมได้รับความสุขความเจริญ ความรุ่งเรืองในชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย

โดยคุณ ขาจรประจำ (643)(1)   [ศ. 07 ก.ย. 2550 - 14:17 น.] #147270 (9/15)
ก๊อปปี้/เรียบเรียงมาอีกทีครับ
(ไม่มีปัญญาถึงขนาดบัญญัติหลักธรรมขึ้นมาเองได้ครับ ได้แต่ศึกษา และนำมาเผยแพร่)

โดยคุณ LITTLEGIFT (1.5K)(1)   [ศ. 07 ก.ย. 2550 - 15:06 น.] #147295 (10/15)

โดยคุณ suankularb (315)  [ศ. 07 ก.ย. 2550 - 15:51 น.] #147316 (11/15)
ขอบคุณครับ ...

โดยคุณ พรวศิน (1.5K)  [ศ. 07 ก.ย. 2550 - 21:29 น.] #147474 (12/15)
การทำบุญที่ดีต้องครบองค์ 3 ครับ คือ 1 ผู้ให้บริสุทธ์ 2 ผู้รับบริสุทธ์ 3 วัตถุที่ให้ต้องบริสุทธิ์ ถ้าทำได้ทั้ง 3 อย่างบุญถึงจะถึงพร้อมแก่ผู้ทำครับ สาธุ

โดยคุณ ขาจรประจำ (643)(1)   [ส. 08 ก.ย. 2550 - 07:58 น.] #147592 (13/15)
เสริมอีกนิดนะครับ

ที่ว่าต้องครบองค์ 3 นั้น คงหมายเอาเฉพาะการทำบุญประเภทแรกครับ คือ ทานมัย (เช่น การถวายอาหาร/อื่นๆ แก่พระสงฆ์เป็นต้น) อธิบายย่อๆ ดังนี้.- ตัวเราเองในฐานะผู้ให้ ก็ต้องเป็นผู้มีศีลมีธรรม, ตัวผู้รับคือผู้ที่เราให้ของ ก็ต้องเป็นคนมีศีลมีธรรมเหมือนกัน ถ้าให้คนไม่มีศีลไม่มีความดีเช่นให้โจรผู้ร้ายฯลฯ ก็ได้ผลน้อย, และสิ่งของที่เราจะให้ก็ต้องเป็นของบริสุทธิ์ คือของนั้นต้องได้มาด้วยความสุจริต ไม่ใช่ได้มาโดยทุจริต เช่นลักขโมยปล้นเขามา, หรือเป็นสิ่งของไม่ดี เช่นของบูดของเสีย, ของเก่าชำรุดเสียหาย, หรือเป็นของที่ทำเป็นทานไม่ได้ เช่นพวกซีดีหนังโป๊ (อย่างกรณีมีข่าวมาเมื่อปีก่อน เอาหนังสือโป๊ยัดใส่ในถังสังฆทานถวายพระ บาปที่สุดครับ), วัตถุระเบิด ยาพิษฯลฯ นี่ก็เป็นของที่ไม่บริสุทธิ์เหมือนกัน เป็นการให้ของที่เลวไม่ดี ครับ
และเมื่อครบองค์ 3 พร้อม (บริสุทธิ์ทุกอย่าง) ดังกล่าว ตัวของผู้ให้เองก็ต้องมีเจตนาที่บริสุทธิ์ในกาลทั้ง 3 ด้วย คือ ปุพพเจตนา - ก่อนให้ก็ต้องมีศรัทธา, มุญจนเจตนา - ขณะให้ก็มีใจยินดี และอปราปรเจตนา - หลังจากให้ไปแล้ว ก็ไม่นึกเสียดายสิ่งของที่ให้ไป

ทำได้ครบทั้ง 3 อย่างสมบูรณ์แบบดังกล่าว ท่านว่าจะได้อานิสงส์(ผลบุญ) แรงครับ ถ้าทำบุญ (ทานมัย) เพื่อหวังเอาหน้าเป็นต้น แม้จะบริจาคไปสัก 10 ล้าน ท่านก็ว่าอานิสงส์ไม่มากเหมือนกัน

ส่วนการทำบุญอื่นๆ อีก 9 อย่าง ตั้งศีลมัย ภาวนามัย ก็ไม่เกี่ยวกับสิ่งของแล้วครับ จึงไม่เกี่ยวกับองค์ 3 ครับ

ขอทำความเข้าใจอย่างนี้ครับ
สาธุ...

โดยคุณ ขาจรประจำ (643)(1)   [ส. 08 ก.ย. 2550 - 08:08 น.] #147595 (14/15)
อนึ่ง ท่าน (ตำรา) ว่าเอาไว้

1. คนบางคนทำบุญ (ทาน) ด้วยตนเอง แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นให้ทำ เขา (เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว เกิดใหม่) ย่อมเพียบพร้อมด้วยโภคสมบัติ (ทรัพย์สมบัติ) แต่ไม่มีบริวารสมบัติ (ไม่ค่อยมีเพื่อน หรือญาติพี่น้อง)

2.คนบางคนทำบุญ (ทาน) ด้วยตนเองด้วย ทั้งชักชวนผู้อื่นให้ทำด้วย เขา (เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว เกิดใหม่) ย่อมเป็นเพียบพร้อมด้วยโภคสมบัติ และบริวารสมบัติ

3.คนบางคนไม่ทำบุญ (ทาน) ด้วยตนเอง แต่ชักชวนผู้อื่นให้ทำ เขา (เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว เกิดใหม่) ย่อมไม่ค่อยมีโภคสมบัติ แต่มีบริวารสมบัติ (เป็นคนขัดสนเงินทอง แต่มีเพื่อน/ญาติคอยให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ)

4.คนบางคนไม่ทำบุญ (ทาน) ด้วยตนเองด้วย ทั้งไม่ชักชวนผู้อื่นให้ทำด้วย เขา (เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว เกิดใหม่) ย่อมไม่เพียบพร้อมด้วยโภคสมบัติและบริวารสมบัติ (ขัดสนทั้งทรัพย์สมบัติและญาติพี่น้อง - เป็นคนอนาถา)

ก็เลือกพิจารณาเองครับ จะทำแบบไหน

ก็ดีครับกระทู้นี้ ชมรมคนเล่นพระอย่างพวกเรา มาพูดมาคุยเรื่องบุญเรื่องกุศลกัน นับเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ (ถ้าไปพูดถึงเรื่องบาปเรื่องอกุศล หรือนอกเรื่องบุญกุศล ก็ยังไงๆ อยู่คับ)

ขอบคุณอีกครั้ง

โดยคุณ gunss (1.5K)  [อา. 09 ก.ย. 2550 - 17:51 น.] #148105 (15/15)
https://www.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talktalk&No=51656

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5