ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ขอแจ้งข่าวการกุศลครับ

(N)
เนื่องจากทางวัดดอนยายหอมโดยท่านพระ ครูสมุห์อวยพรและหลวงพี่มหาใจท่านปรึกษาหารือกับผู้ใกล้ชิด โดยผู้ใจบุญท่านหนึ่งท่านได้เล็งเห็นว่าห้องน้ำของบริเวณด้านข้างของกุฏิท่านพระครูสมุห์อวยพรได้ชำรุดทรุดโทรมมากจึงได้ปรึกษากับท่านหลวงพี่มหาใจ และบรรดาผู้ใกล้ชิดที่รอบบริเวณวัดที่ได้ใช้ห้องสุขาร่วมกันว่าสมควรที่จะสร้างห้องน้ำขึ้นมาใหม่แทนหลังเก่า จึงร่วมกันหารายได้ โดยส่วนหนึ่งท่านได้ใช้งบประมาณส่วนตัวและชวนพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ศัรธาในหลวงพ่อเงิน-หลวงพ่อแช่มและพระครูสมุห์อวยพรมาช่วยกันสร้างห้องสุขาให้กับทางวัด จึงขออนุญาติ เรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธาที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อเงิน-หลวงพ่อแช่มและพระครูสมุห์อวยพร ร่วมกันบริจากได้ที่ พระมหาใจ กุฏิหลวงพ่อพระครูสมุห์อวยพร ได้ทุกวัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [พ. 16 ก.ค. 2557 - 21:00 น.]



โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [จ. 21 ก.ค. 2557 - 18:52 น.] #3407056 (1/1)


(N)
หลวงพ่ออวยพร เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เคารพครูบาอาจารย์อย่างสูงสุด ทุกครั้งที่จะอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล หรือประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เจิมป้ายร้านอาคาร เจิมรถ ท่านจะต้องระลึกถึง หลวงพ่อเงิน และ หลวงพ่อแช่ม และอาราธนาขอบารมีของท่านมาช่วยเพิ่มความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ อยู่เสมอ ความเคารพนับถือและความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ของ หลวงพ่ออวยพร ปรากฏชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ หลวงพ่อแช่ม มรณภาพละสังขารไป เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2536 รวมสิริอายุได้ 88 ปี

ซึ่งก่อนหน้าที่ หลวงพ่อแช่ม จะละสังขาร ท่านได้รับอุปถัมภ์สร้างหอประชุมอำเภอเมือง จังหวัด นครปฐม ซึ่งใช้งบการก่อสร้างประมาณ 30 ล้านบาทเศษ เมื่อวางศิลาฤกษ์ไปแล้ว หลวงพ่อแช่ม ได้ละสังขารไป จึงทำให้การก่อสร้างหยุดชะงัก? หลวงพ่ออวยพร ซึ่งเป็นทายาทธรรมและเป็นหลานแท้ๆ ของ หลวงพ่อแช่ม จึงได้รับเป็นผู้อุปถัมภ์ และดำเนินการหาทุนทรัพย์มาก่อสร้างหอประชุมต่อ

กล่าวถึงวันที่ หลวงพ่อแช่ม ละสังขารไป เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2536 ซึ่งในวันที่ หลวงพ่อแช่ม มรณภาพนั้น หลวงพ่ออวยพร ได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่จังหวัดเชียงราย เมื่อทราบข่าวท่านจึงรีบเดินทางกลับมา วัดดอนยายหอม หลวงพ่อแช่ม เพื่อมาเคารพศพ ผู้เป็นครูบาอาจารย์และเป็นหลวงอาของท่านด้วย

หลวงพ่ออวยพร ยึดถือหลัก 3 ประการ กับพระภิกษุสงฆ์ตามที่ หลวงพ่อเงิน ท่านได้สั่งสอนลูกศิษย์ไว้ให้ปฏิบัติตาม ได้แก่

1. ภิกษุต้องสำรวมอินทรีย์ มิให้ความยินดีครอบงำจิตใจจนเกินไป เช่น เมื่อมองเห็นรูป สมมุติว่าเหลือบไปเห็นสีกาสาวสวยเข้าคนหนึ่ง หรือไปได้ยินเสียงอันไพเราะจากการขับร้อง หรือเมื่อได้สูดกลิ่นอันเป็นที่สัพโผฏฐัพพะแห่งความปรารถนา

2. ภิกษุต้องนมัสการกรรมฐานอันเป็นปฏิปักษ์ต่อกามฉันทะ คือ อสุภะ และกายคตาสิ หรือสิ่งอันยังจิตให้สลด คือมรณสติ

3. ภิกษุต้องเจริญวิปัสสนา คือพิจารณาสังขาร แยกออกเป็นขันธ์ สันนิษฐานเห็นว่าเป็นสภาพไม่แน่นอน ไม่เที่ยงแท้ เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา กิเลสกามคือเจตสิกที่ทำให้เศร้าหมอง ชักไม่เกิดความรัก ความใคร่ และความอยากคือตัณหา ความทะยานออก ราคะความกำหนัด และอคติความขึ้งเคียด เป็นต้น จัดว่าเป็นมาร ทั้งนี้เพราะเป็นโทษล้างผลาญทำลายคุณงามความดีของมนุษย์เรา ทำให้มนุษย์เสียคน เรียกว่าชั่ว สิ่งที่เป็นปัจจัยคือวัตถุแห่งกาม มีรูป รส กลิ่น เสียง เป็นสื่อให้น่าชอบ เช่น รูปสวย รสอร่อย กลิ่นหอม และเสียงไพเราะ

ในปัจจุบัน หลวงพ่ออวยพร ยังได้อุปถัมภ์ก่อสร้าง วัดทองอินทร์อวยพร ตั้งอยู่ที่ตำบลไชยราช อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยได้เริ่มต้นสร้างเป็นสำนักสงฆ์ก่อน บนที่ดินเนื้อที่ 39 ไร่ เริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 เป็นต้นมา ซึ่งปัจจุบันได้ขอเป็นวัดเรียบร้อยแล้ว โดยได้ทำการสร้างกุฏิสงฆ์ 6 หลัง ศาลาเมรุฌาปนสถาน โรงครัว ห้องน้ำ สร้างโบสถ์ สร้างกำแพงแก้ว และหอระฆัง ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูง

และสิ้นงบประมาณไปหลายสิบล้านบาทแล้ว ซึ่ง หลวงพ่ออวยพร ได้รวบรวมเงินจากสายธารศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ตลอดมา เพื่อให้วัดทองอินทร์อวยพร เป็นศาสนสถานเพื่อการประกอบกิจทางศาสนา ของพุทธศาสนิกชนในท้องที่ตำบลไชยราชและพื้นที่ใกล้เคียง ปัจจุบัน หลวงพ่ออวยพร ท่านก็ยังก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ วัดทองอินทร์อวยพร เจริญและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดไป

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5