 (N)
อภินิหาร อ.ฟ้อน ดีสว่าง
เล่าโดยหลวงพ่อสง่า วัดเทวารุทธาราม
ตอนนั้นหลวงพ่อสง่ายังเป็นเณร ได้อยู่เรือกับอาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง อาหารบนเรือหมด หิวข้าก็พายเรือไปตามคลองเรื่อย ๆ ก็เหนื่อย หลวงพ่อถาม อ.ฟ้อน ว่าเมื่อไหร่จะได้กินข้าวครับ หิวจะแย่แล้ว องฟ้อนบอกว่า พายเรือไปอีกหน่อยก็จะเจอบ้านหลังใหญ่หลัวคาสีแดง ให้เอาเรือเทียบท่าเข้าไป หลวงพ่องง เพราะว่า องฟ้อนจะรู้ได้ยังไง ว่ามีบ้านใหญ่หลังคาสีแดง ทั้ง ๆ ที่ยังมองไม่เห็นบ้านเลย แต่แล้วหลวงพ่อต้องตะลึง เจอบ้านหลังใหญ่หลังคาสีแดงจริง ๆ เลยได้นำเรือเทียบหัวสะพาน
อ.ฟ้อนได้เดินขึ้นไปบนบ้าน แล้วตะโกนถามผู้หญิงเจ้าของบ้านว่า อีหนู มีข้าวสารอาหารแห้งไหม ผู้หญิงคนนี้นบอกว่า มี อ.ฟ้อน บอกว่า แบ่งมาให้บนเรือครึ่งหนึ่งสิ ผู้หญิงคนนั้นบอก ได้ค่ะ และสั่งคนงานบนบ้านช่วยกันขนข้าวสารอาหารแห้วไว้บนเรือ จากนั้น อ.ฟ้อน ถามอีกว่า อีหนู มีเงินบ้างไหม ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบว่า มีค่ะ 800 บาท อ.ฟ้อนบอกว่า แบ่งฉันครึ่งหนึ่งสิ ผู้หญิงหยิบเงินให้อาจารย์ 400 บาท อ.ฟ้อนก็ขอบใจ แล้วเดินขึ้นเรือ
หลวงพ่อสง่า งงมาก คนไม่เคยรู้จักกัน ทำไมให้ของกันง่าย ๆ ทั้งที่ข้าวสารอาหารแห้งก็เยอะ เงินจำนวน 400 บาท ถ้าเป็นสมัยก่อนก็ถือว่า เยอะมากทีเดียว แต่หลวงพ่อก็เฉยไม่พูดอะไร และได้นำเรือจอดอยู่กลางคลองบริเวณนั้น เพื่อทำกับข้าวกิน
สักพักใหญ่ได้ สามีของเจ้าของบ้านว่าเมียของเขาเสียงดังลั่นว่า เอาเงินและของให้เขาทำไม เมียตอบว่า หนูไม่รู้ ตัวสามีเจ้าของบ้านคิดว่า อ.ฟ้อนปล้นบ้านเขาแน่เลย ก็ได้นำปืนลูกซองแฝดแล้วพายเรือมาหา อ.ฟ้อน เพื่อจะยิง หลวงพ่อสง่ายังเล็กด้วยความกลัวกระโดดไปอยู่ด้านหลัง อ.ฟ้อน อ.ฟ้อนบอกหลวงพ่อสง่าว่าไม่ต้องกลัว คนเขาจะเอาปืนมาให้เรา และแล้วสามีเจ้าของบ้านก็ถือปืนขึ้นมาบนเรือ อ.ฟ้อน และได้นำปืนมาให้ อ.ฟ้อนจริง ๆ เป็นเรื่องที่แปลกว่า อ.ฟ้อนทำได้ยังไง (หลวงพ่อสง่าเล่าให้ฟัง)
อภินิหาร หลวงพ่อสง่า ที่ผมเห็นกับตา
เรื่องที่ 1 ตอนที่หลวงพ่อสง่าได้สร้างศาลาวัดขึ้น ในกองไม้ที่คนงานกำลังปลูกสร้างอยู่นั้นมีงูเห่าขนาดใหญ่ชูหัวขู่ฟ่อฟ่อ คนงานใช้ไม้กำลังจะตี หลวงพ่อท่านเห็นเข้าพอดี หลวงพ่อบอกว่า อย่าตีเขาเลย จับเขาไปปล่อยที่อื่นเหอะ คนงานบอกว่า ถ้าจับมันก็กัดนะซิ หลวงพ่อบอกว่า จับเหอะ มันไม่กัดหรอก คนงานได้จับขึ้นมา แล้วมองไปที่หัวงู งูมันก็แผ่แม่เบี้ย แต่ปากของมันอ้าไม่ออก จึงกัดไม่ได้ คนงานนำงูไปปล่อย แล้วกลับมาถามหลวงพ่อว่า ทำไมงูมันอ้าปากไม่ออก หลวงพ่อก็บอกว่า ก็ใช้คาถาผูกปากมันไว้ซิ มันจึงกัดไม่ได้ ผมงงหลวงพ่อใช้คาถาตอนไหน ทั้งที่คนงานเห็นงูกับหลวงพ่อยืนอยู่ห่างกันตั้งไกล
เรื่องที่ 2 ตอนนั้นผมและพระที่วัดบุญรอด ได้เดินทางไปที่วัดของหลวงพ่อเพื่อฝังเข็ม ซึ่งฝังกันจนเกือบครบทุกคนแล้ว จะเหลือก็อยู่หลวงอาอ๊อดองค์เดียว เข็มก็เหลือเล่มเดียวพอดี ตอนกำลังฝังเข็ม พอดีได้มีหญิงชราเดินกะโผลกกะเผลกผ่านหน้ากุฏิพอดี หลวงพ่อหยุดฝังเข็มเล่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ให้หลวงอาอ๊อด แล้วบอกหลวงอาอ๊อดว่า อาตมาติดเข็มท่านไว้หนึ่งเล่มนะ หลวงอาอ๊อดบอกว่า ไมเป็นไรครับ
ดังนั้นหลวงพ่อเรียกหญิงชราผู้นั้นเข้ามาในกุฏิ แล้วหลวงพ่อบอกว่า ยื่นขาที่เจ็บออกมา หลวงพ่อได้ใช้คีมจับเข็มที่กำลังฝัง แล้วใช้เข็มแทงเข้าไปที่ขาของหญิงชราผู้นั้นจนเกือบมิดเล่ม แล้วดึงออก หลวงพ่อทำแบบนี้อยู่ 2 ครั้ง พอแทงครั้งที่ 3 หลวงพ่อไม่ดึงออกแล้ว หลวงพ่อฝังเข้าไปเลย พักเดียวเท่านั้น หญิงชราผู้นั้นก็ลุกขึ้นเดินได้อย่างปรกติ แล้วบอกว่าเขาเดินกระเผลกอย่างนี้มาตั้งสิบกว่าปีแล้ว หลวงพ่อบอกว่า หายแล้ว หญิงชราผู้นั้นก็กราบลาหลวงพ่อด้วยความดีใจ พวกผมก็งง ถามหลวงพ่อว่าเขาเป็นอะไร หลวงพ่อบอกว่า เขาโดนคุณไสย อาตมาจึงถอนของออกแล้วฝังเข็มให้เขาสำหรับป้องกันตัวอีกทีหนึ่ง
เรื่องที่ 3 หลวงพ่อสะกดป่า ตอนนั้นผมถามหลวงพ่อสง่าว่า วิชาผูกปากงูนี้ มันเหมือนวิชาสะกดใช่ไหม หลวงพ่อบอกว่า ใช่ ผมถามหลวงพ่อว่า สะกดงูได้อย่างเดียวหรือครับ หลวงพ่อสง่าบอกว่า สะกดได้หมดทั้งนั้น ตอนนั้นผมเดินบนถนนหน้าวัดฝั่งตรงข้ามก็เป็นนาข้าวปนกับป่า หลวงพ่อบอกให้ผมมองไปในนาข้าวกับป่า สายตาของหลวงพ่อจ้องไปในนั้น สักพักเดียวที่อยู่ในนั้นก็แตกตื่นส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น ผมถามว่า พวกนั้นมันเป็นอะไร หลวงพ่อบอกว่า นี่คือวิธีสะกดป่า ไว้ใช้สำหรับเดินป่า หรือธุดงค์ จะได้ไม่มีอันตรายและจะไม่หลงทางระหว่างการเดินทาง |