ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ตำนานทหารผีที่โลกต้องจารึก



(N)
ใน สงครามเวียตนาม ผบ.ทหารเวียตนามเหนือได้ส่งใบปลิวนี้เพื่อเป็นคำเตือนต่อทหารเวียตนามเหนือ เองและฝ่ายพันธมิตรคือเวียตกงและเวียตมิน "ถ้าหากปะทะกับกองกำลังไม่ปรากฏฝ่ายให้พวกทหารพึงระลึกไว้ว่า
1.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วหยุดยิงเป็นระยะๆ และมีปืนใหญ่ยิงสนับสนุนมานั่นคือทหารอเมริกัน
2.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วหมอบหรือคลานต่ำนั่นคือทหารเวียตนามใต้
3.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวนั่นคือทหารลาว

4.ถ้า ปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วไม่มีปืนใหญ่หรือนกยักษ์(เครื่อง บิน)มาสนับสนุน ไม่รู้จักหยุดยิง ไม่รู้จักหมอบ ไม่รู้จักคลาน ไม่รู้จักถอย เอาแต่วิ่งเข้าใส่ บางรายยิงไม่ตาย บางรายยิงไม่เข้า จงระวังไว้นั่นคือ........ทหารไทย

ณ ฐานที่มั่นทหารเสือพรานของไทยแห่งหนึ่งที่เวียตนามใต้(จำชื่อฐานไม่ได้) ทหารเวียตนามเหนือพยายามตีฐานนี้หลายสิบครั้งแต่ก็ไม่แตก จึงส่งกองพันกล้าตายที่ 21 ให้มาตีซึ่งเป็นกองพันเดียวของทหารเวียตนามเหนือที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อกอง กำลังใดๆทั้ง อเมริกันและเวีตนามใต้ และกองพันนี้ขึ้นชื่อที่สุดด้านความโหดร้ายและการทารุณเชลยโดยวิธีลูเรต (ใส่กระสุนหนึ่งนัดในลูกโม่แล้วผลัดกันยิง) จนเป็นที่กล่าวขานกันทั่ว เช้าวันหนึ่งอากาศแจ่มใส ทหารเวียตานามเหนือกองพันกล้าตายที่ 21 จำนวน 600 นาย ได้เข้าตีฐานที่มั่นทหารไทยโดยทหารไทยมิได้ตั้งตัว ทหารไทยมีกำลังเพียง 150 นาย เห็นได้ชัดว่าถูกรุมแบบ 5 ต่อ 1 ปะทะกันนานกว่า 1 ชั่วโมงทหารเวียตนามเหนือแตกพ่ายไป ผลจากการสู้รบฝ่ายข้าศึกตาย 453 ศพและบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถหนีได้ 16 นาย ฝ่ายเราตายเพียง 1 ศพและบาดเจ็บเล็กน้อย 5 นาย การปะทะครั้งนี้เป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว จน ผบ.ทหารเวียตนามใต้และทหารอเมริกันประกาศทางวิทยุสดุดีวีรกรรมของทหารไทย ครั้งนี้ 1 อาทิตย์ต่อมาผู้บังคับกองพันกล้าตายที่ 21 ของเวียตนามยิงตัวตายในบังเกอร์เพื่อหนีความอับอาย ส่วนทางด้าน นายทหารเสือพรานไทยได้รับเหรียญกล้าหาญ 35 คน

เราคนรุ่นหลังขอน้อมคารวะทหารกล้าไทยที่ปกปัก รักษาแผ่นดินไทยให้เราอยู่ทุกวันนี้เรื่องราวเหล่าแด่ท่านผู้ชนะเหล่าชนเสือ พรานไทยนักรบชุดดำ

ทหารไทย ในยุคสงคราอินโดจีน ได้แสดงให้ทหารฝรั่งเห็นปาฏิหาริย์ ในหลายสมรภูมิ

ตัวอย่างหนึ่ง ผมขอคัดบทความจาก ... อ.วารุณี พิทักษ์สินากร หนังสือพิมพ์ เสรีชัย L.A. USA มาเล่าสู่กันฟัง นะครับ
อยู่ยง..คงกระพัน โดย อ.วารุณี พิทักษ์สินากร

เวทมนตร์..คาถา การปลุกเสก อยู่ยงคงกระพัน เครื่องลางของขลัง มีมานานพร้อมๆกับความเชื่อเก่าๆของผู้เฒ่าผู้แก่ สมัยนี้ยังมีอยู่มาก เรามาดูกันว่าเขาใช้วิธีใดที่ทำให้อำนาจพุทธคุณหรือเครื่องลางของขลังต่างๆ ทำงานได้ ใครที่ไม่เคยเชื่อเรื่องอย่างนี้ยอมรับได้แล้ว

เพราะในอดีต จากเวทมนตร์คาถา เครื่องรางของขลังเคยกู้ชาติปกป้องบ้านเมืองมาแล้วจากสงครามอินโดจีนที่ กล่าวไปแล้ว ขอให้เปิดใจรับอย่างมงายเหมือนกบในกะลาครอบ การรู้ไว้บางทีอาจป้องกันตัวเองได้บ้าง

พิธีปลุกเสกระดับเซียนจากสี่หลวงพ่อดัง ที่ทำให้ชนะศึกอินโดจีนนั้น เกิดอะไรขึ้นขณะทำพิธี...ฟังแล้วขนลุกไม่รู้ล้ม ทำให้เป็นที่กล่าวขานกันต่อมาอีกนาน

ในสมัยสงครามเกาหลี ทหารไทยที่พกพระพิมพ์ของหลวงพ่อแฉ่งไม่ว่าปางใด พิมพ์เล็กหรือใหญ่ ต่างอยู่ยงคงกระพันรอดตายกันมาทุกคน รวมทั้งบรรดาอัศวินแหวนเพชร หรือพวกนายตำรวจในยุคนั้นต่างก็มีพระนางพญาของหลวงพ่อแฉ่งกันถ้วนทั่ว

ยุคนั้นบรรดาอัศวินต่างมีชื่อเสียงมาก โจรผู้ร้าย ทั้งในเขตนครบาลหรือภูธรหัวหดเงียบกริบ กับถูกฆ่าตัดตอนเก็บกันระนาวจากบรรดาอัศวินแหวนเพชรทั้งหลาย เป็นยุคที่ตำรวจเฟื่องมากๆ

พิธีปลุกเสกระดับชาติได้ทำกันที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร โดยเริ่มพิธีตั้งแต่อาทิตย์เริ่มอัสดง จนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ เป็นพิธีที่ใหญ่โตมโหราฬยิ่งกว่าการปลุกเสกครั้งใดๆ ท่ามกลางเหล่าทหารหาญที่คอยป้องกันอยู่รอบนอก ไม่ให้ผู้ใดรบกวนสมาธิของเกจิอาจารย์ทั้งสี่ ภายในห้ามออกภายนอกห้ามเข้ากันทีเดียว

ภายในตัววัดเมื่อพลบค่ำจึงมีแต่ความวิเวกวังเวงของบรรยากาศ ทำให้ทหารทุกคนทั้งรอบนอกรอบในวัดตื่นตัวกลัวกันตลอดคืน ก็ใครเล่าจะกล้าหลับตานอนได้ในบรรยากาศเช่นนั้น
เหตุการณ์ปกติไปเรื่อยจนย่างเข้ารุ่งอรุณของวันใหม่ทุกคนที่อยู่ในพิธีต่าง สะดุ้งกันสุดตัวแล้วพยายามระงับความตื่นเต้น ประหลาดใจกับอะไรที่เกิดขึ้น กับเก็บสุ้มเสียงกันไว้อย่างมิดชิด

มีรายการขนลุกขนพองเห่อชาขึ้นมาตามแขนขาไปจรดต้นคอกันถ้วนทั่วอย่างช่วยไม่ ได้ระงับไม่อยู่ ที่ท่ามกลางความเงียบสงัดปราศจากแม้เสียงแมลงกลางคืนที่เงียบมาตลอดคืนแล้ว จู่ๆเกิด มีเสียงกรี๊ดร้องอย่างโหยหวลทำลายความวังเวง มาจากทุกสารทิศที่..ไม่ใช่เสียงเดียวเพศเดียวแต่หลายเสียง มันดังก้องเข้าไปในจิตวิญญานของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

จากนั้นยังปรากฏร่างของวิญญาณ ที่มาทั้งในรูปผู้คน เงา มากมายนับไม่ได้เป็นร้อยเป็นพันบ้างเดินบ้างวิ่งบ้าง มีมาไม่ขาดสาย..ในบริเวณวัดพร้อมทั้งเสียงกรีดร้องนั้นยังดังอยู่อย่างต่อ เนื่อง กับยังปรากฏหมอกควันพวยพุ่งออกมารอบๆพระอุโบสถ ชวนให้พยานสายตาในที่นั้นหนาวเย็นวูบวาบไปถึงตับไตใส้พุงแม้จะเป็นเหล่าทหาร กล้าก็เถอะ

เหตุการณ์ที่เกิดระหว่างการปลุกเสกนี้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคนที่อยู่ บริเวณนั้น ให้เป็นที่โจษขานกันมาหลายยุคหลายสมัย คงไม่มีครั้งใดจะแรงและทรงพลานุภาพเท่าจวบจนยุคปัจุจบัน ไร้เทียมทานจริงๆ

การปลุกเสกใช้เวลา 12 ชั่วโมง โดยพระทั้งสี่รูปจะนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนเป็นการรวมพลังจิต ให้มีอนุภาพที่แก่กล้าแล้วรวมเพ่งไปที่ผ้าประเจียดที่วางอยู่บนพานทอง เพื่อให้ได้ผลเต็มร้อย

หลังเสร็จพิธีหลวงพ่อทั้งสี่ จึงมอบผ้าประเจียดให้กับพลตรี หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต เพื่อนำไปใช้ปกป้องทหารในสงครามต่อไป ก่อนนำออกแจกจ่าย ยังมีการทดลอง ความอยู่ยงคงกระพัน โดยการนำผ้าประเจียดไปลองยิงดู ซึ่งถ้าไม่ได้ผลหลวงพ่อทั้งสี่องค์ ท่านจะทำพิธีให้ใหม่ แต่ปรากฏว่างานแรกครั้งเดียวขลังทันใด..ใช้ได้ทันที

เครื่องลางของขลังจากการปลุกเสก ทำให้ทหารไทยชนะสงครามอินโดจีนกับถูกตราหน้าว่าเป็นทหารผี...อันนี้พิสูจน์ กันชัดๆอีกอย่างของคลื่นพลังจิตที่รวมกันเข้าจากเกจิอาจารย์ทั้งสี่

การผสมธาตุซึ่งจะประกอบเป็นเครื่องลางของขลังนั้น ต้องผสมให้ถูกต้องจึงจะใช้เป็นสื่อเพื่อบรรจุพลังปราณ(พลังจิต)ของผู้ปลุก เสกได้เต็มที่ หากธาตุผสมผิดส่วนพลังปราณจะลดหย่อนลง พลังนี้ท่านเปรียบเหมือนพลังแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งมีอยู่แล้วในทุกตัวคน

เราขอแนะนำให้ตรวจหาพลังนี้ได้เองจากการทำสมาธิ เมื่อเข้าถึงขั้นหนึ่งแล้วจะมีความรู้สึกว่ามีพลังบางอย่างวิ่งไปตามหน้าขา ไหล่แขน บางที่มาในรูปของความร้อนวิ่งไปทั่วร่าง ทางฮินดูเรียกว่า พลัง “คุณดาลินี” หรือพลังปราณนั่นเอง

หลักการใช้คลื่นหรือพลังจิตนี้ ผู้ที่จะทำเครื่องลางของขลังได้ต้องฝึกจิตจนถึงองค์ญาณสมาบัติเสียก่อน จิตจึงจะมีพลังงานแล้วสามารถรวบรวมพลังนี้บรรจุลงในสิ่งใดได้ พลังที่บรรจุนี้จะต้องแบ่งสายปราณให้ถูกต้องด้วยการใช้วิชาลึกลับอันเป็นต้น สูตร โดยเฉพาะเป็นแหล่งกำเหนิดให้เกิดพลังขึ้นได้อย่างหนึ่งเช่น ของขลังที่จะใช้เกี่ยวกับการป้องกันอันตรายใช้วิชา “เรยูกูระบัด”ประกอบกับวิชา “อิลละมู” หรือใช้วิชา “สังกะลัม” ประกอบกันสองอัน หรือจะใช้เพียงวิชาอิลละมู ประกอบเวทมนตร์ก็ได้ (ชื่อวิชาเหล่านี้เป็นของพวกโยคีสมัยเก่า) แต่ถ้าใครเรียนถึงวิชา เรยูกูระบัด หรือสังกะลัม เครื่องรางของขลังจะให้พลังงานสูง
ในสมัยสงครามอินโดจีน ในช่วงที่กำลังร้อนระอุ ทหารไทยถูกประนามว่า เป็นทหารผี...เพราะเหตุใดเรามาดูกัน กับใครอยู่เบื้องหลัง บทต่อจากนี้ ที่เกี่ยวข้องกันอย่างช่วยไม่ได้ คืออยู่ยง...คงกระพัน

ตอนนั้นทหารไทยมีหน้าที่ต้องบุกเข้ายึดเมืองศรีโสภณให้ได้ แต่ไม่ใช่ของง่ายเลยเพราะฝ่ายตรงข้าม คือทหารญวนกับทหารมอร็อคโคมีมากกว่า อุปกรณ์การฆ่าทันสมัยกว่าแน่นอนกำลังใจย่อมดีกว่า รวมถึงความจัดเจนในการเชือดการปาดคล่องตัวกว่าเรียกว่าเขี้ยวลากดินกันทุกคน เพราะเหตุนี้ ท.ทหารไทยจึงมองหาทางออก มองหาสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ คือความ..เหนียวแบบไร้เทียมทาน...หรืออยู่ยงคงกระพัน ดังนั้นวันบุกเข้าจู่โจมจึงเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น คือ

เมื่อวันที่ทหารไทยบุกเข้าศรีโสภนนั้น ทหารญวนกับมอร็อคโคต่างสาดกระสุนมาดุจห่าฝน แต่หาได้ระคายเคืองผิวทหารไทยอย่างไรไม่ ไม่ว่าจะยิง จะแทงฟันเชือด ปาด เด็ด ดึง..ทหารไทยอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดเลือดตกออกมาสักหยด ทหารต่างชาติเหล่านั้นไม่เคยเชื่อหรือรับรู้ในเรื่องวิชาอาคมเวทมนตร์คาถา ตอนนั้นรู้อย่างเดียวว่า ทหารไทยฆ่าไม่ตาย กับที่เหลือตัวใครตัวมัน หมดกำลังใจที่จะต่อสู้ยึดพื้นที่เอาไว้ได้ เพราะถูกฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว เห็นไพร่พลล้มตายเกลื่อน จึงพากันทิ้งเมืองเอาตัวรอด งานนี้ทหารญวนกับมอร็อคโคถูกจับได้อย่างมากมายพร้อมทั้งอาวุธปืนเป็นจำนวน มาก

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากอนุภาพ ของผ้าประเจียด ที่สี่หลวงพ่อทำการปลุกให้ไปแจกทหารที่ออกรบ ข่าวการชนะศึก ของทหารไทย ข่าวการยิงไม่เข้าแทงไม่เข้าไม่ระคายเคืองผิว กับการอยู่ยงคงกระพันของเหล่าทหารกล้า ทำให้สี่เซียนดังไปเจ๊ดย่านน้ำ หลวงพ่อทั้งสี่ได้แก่

หลวงพ่อ ชวน (โอภาสี)
หลวงพ่อแฉ่ง แห่งวัดบางพังจ
หลวงพ่อจาด
และหลวงพ่อจง

ขอเชิดชูเหล่าทหารหาร ที่เสียสละเพื่อผืนแผ่นดินไทย ที่ทำให้เราได้มีที่อยู่จนถึงทุกวัน

โดยคุณ RONADO (10.2K)  [พ. 23 เม.ย. 2557 - 21:31 น.]



โดยคุณ looknam1 (2.6K)  [พ. 23 เม.ย. 2557 - 21:48 น.] #3304316 (1/24)
ขอบคุณครับ

โดยคุณ พรชมพู (18.1K)  [พ. 23 เม.ย. 2557 - 22:09 น.] #3304359 (2/24)

โดยคุณ ZICOZICO (1.1K)  [พ. 23 เม.ย. 2557 - 22:18 น.] #3304377 (3/24)

โดยคุณ thanaanan (7K)  [พ. 23 เม.ย. 2557 - 22:23 น.] #3304392 (4/24)

โดยคุณ uthai08 (2.5K)  [พ. 23 เม.ย. 2557 - 22:36 น.] #3304417 (5/24)

..ขอบคุณมากๆๆๆๆ..เลยครับพี่..

โดยคุณ kittaphat (34)(3)   [พ. 23 เม.ย. 2557 - 22:50 น.] #3304440 (6/24)
ขอบคุณครับ อ่านแล้วเพลิน ได้ความรู้

โดยคุณ เจ๋งจริง (10.2K)  [พ. 23 เม.ย. 2557 - 22:53 น.] #3304447 (7/24)
พระเก่าสุดเข้มขลัง.....ของดี ของจริง


โดยคุณ Dekbannoks (398)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 00:09 น.] #3304515 (8/24)
ขอบคุณครับอาจารย์ RONADO ที่นำเรื่องราวดีๆๆ มาเล่าสู่กันฟัง

โดยคุณ master_t (801)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 01:12 น.] #3304531 (9/24)

โดยคุณ ตระกูลทอง (1.8K)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 05:26 น.] #3304551 (10/24)

โดยคุณ superpood (3.7K)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 07:06 น.] #3304570 (11/24)
สาธุครับ

โดยคุณ เล็กซอย5 (1.7K)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 07:15 น.] #3304574 (12/24)

โดยคุณ รักเบ๊นซ์ (738)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 07:53 น.] #3304600 (13/24)


(N)


บรรตูเปิดสว่างแล้วล่ะท่าน
--------------------------

ล้มแล้วก็ลุกใหม่.....เน๊าะพี่เน๊าะ ยิงมันอีก จะทุบก็ทุบไม่ได้มองไม่เห็นตามันพร่ามัว

โสตประสาทตกอยู่ในพวัง.....กาขาอยู่เป็นเนือง......กับการห่วงชีวิตตน...............ดวงตาเบิกโพลงงงงงงงงงงงงงงงง

ฆ๋ามัน...........แผ่นกูเป็นของลูกหลานกู กูไม่เสียดายชีวิตกู

//////////////////////////////////////////////////////////// หน้าต่างนอกก็เปิดนะจะว่าไป.....อิ อิ .......พี่ ๆ....มียอดเหลือป๊่ะ

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 555555555555555555

ขอนมัสการขอรับ ท่านเจ้าประคุณทั้งสี่.......

จงสำเร็จ



/

โดยคุณ xekamai (827)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 08:16 น.] #3304616 (14/24)

โดยคุณ kkk707 (1.2K)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 09:22 น.] #3304675 (15/24)

โดยคุณ pigcity (2.5K)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 10:01 น.] #3304718 (16/24)

โดยคุณ japao (1.2K)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 10:07 น.] #3304731 (17/24)

โดยคุณ lordcoffee (3.3K)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 10:09 น.] #3304742 (18/24)
ขอบคุณเรื่องราว ดีๆ ครับผม

โดยคุณ คุณอั้ม (745)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 10:31 น.] #3304770 (19/24)

โดยคุณ พรชมพู (18.1K)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 10:44 น.] #3304786 (20/24)

โดยคุณ panyasuparat (396)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 11:21 น.] #3304821 (21/24)
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ในอดีตที่หลายคนไม่รู้
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับพี่ ผมว่าเกจิในอดีตนั้นญาณสูงมากครับแต่ละองค์
ใครที่ได้รับวัตถุมงคลของเกจิอาจารย์ในอดีตนับว่ามีมงคลสูงสุด

แต่ในปัจจุบัน เกจิใหนออกวัตถุมงคลแล้วขายดีที่สุด นั่นคือความสำเร็จ

งง

โดยคุณ worawitk (588)  [พฤ. 24 เม.ย. 2557 - 16:07 น.] #3305050 (22/24)
เยี่ยมคับ อ่านเพลินเลย

โดยคุณ papatsene (1.1K)  [ศ. 25 เม.ย. 2557 - 10:00 น.] #3306128 (23/24)


(N)
รู้สึกว่าจะมีการทำวัตถุมงคลเป็นพระอู่ทองออกศึก รุ่นจงอางศึก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี ปี 2510 ออกแจกให้ทหารด้วย มีประสบการณ์มากมาย
สมทบกับกองกำลังสหประชาชาติ ในสงครามเวียดนาม ในการนี้ หลวงปู่โพธิ์ เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ได้จัดสร้าง พระอู่ทองออกศึก แจกแก่ทหารรุ่นจงอางศึกนี้โดยเฉพาะ โดยนำเนื้อดินพระชำรุดแตกหักจากกรุต่างๆมาเป็นส่วนผสมหลัก เช่น
-พระผงสุพรรณ กรุวัดพระธาตุ,
-พระกรุวัดพระรูป,
-พระกรุวัดลำปะซิว, -พระกรุวัดบ้านกร่าง,
-พระกรุถ้ำเสือ, -พระกรุวัดบางยี่หน
-และพระเนื้อดินชำรุดแตกหักของพระเกจิอาจารย์ต่างๆอีกจำนวนมาก
พุทธลักษณะ ใช้พิมพ์พระผงสุพรรณ ด้านหลังเป็นรูปองค์พระปรางค์ อันเป็นสัญลักษณ์ประจำวัด และเป็นสถานที่พบพระผงสุพรรณ และพระเนื้อชินพิมพ์ต่างๆ พิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2510 โดยมีพระคณาจารย์ชื่อดังเมืองสุพรรณนั่งปรกปลุกเสกจำนวน 69 รูป
พิธีใหญ่ เกจิร่วมปลุกเสกมากมาย เช่น หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง และเกจิอีกหลายท่าน แจกให้ทหารไปสงครามเวียดนาม

โดยคุณ Nicha-Malee (1.3K)  [ส. 26 เม.ย. 2557 - 18:43 น.] #3307433 (24/24)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5