ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ๒๓ กุมภาพันธ์ รำลึกถึง "หลวงปู่สี ฉฺนทสิริ"



(N)
รำลึกถึง "วันครบรอบแห่งกาลมรณภาพ" หลวงปู่สี ฉฺนทสิริ

อมตะเถระ ผู้มีอายุยืนถึง ๑๒๘ ปี พระอรหัน ๗ แผ่นดิน ผู้เรืองในวิชา แก่กล้าด้วยญาณรู้

เวลาประมาณ ๑๖.๕๕ น. ของวันพุธ ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง

หลวงปู่สี มรณภาพลงด้วยอาการสงบ สิริรวมอายุของหลวงปู่ได้ ๑๒๘ ปี

โดยคุณ onepiece19 (425)  [พ. 24 ก.พ. 2559 - 13:10 น.]



โดยคุณ onepiece19 (425)  [พ. 24 ก.พ. 2559 - 13:12 น.] #3722442 (1/8)


(N)
พระอรหันต์ ๗ แผ่นดิน อมตเถระ ผู้มีอายุยืนนานถึง ๑๒๘ ปี
ณ วัดเขาถ้ำบุญนาค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

เรื่องหลวงปู่สี กับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ลพ.ฤาลิงดำ)

รู้กาลมรณะ

ต้นปีเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๐ หลวงปู่สีท่านมีอาการอ่อนเพลีย อาพาธด้วยโรคชรา และต่อมลูกหมากโต
ได้รับการดูแลรักษา ญาครูจันทร์ (พระอาจารย์จันทร์ หลานหลวงปู่คนสุรินทร์) ก็อยู่ดูแล ตอนที่หลวงปู่อาพาธที่วัดเขาถ้ำฯ
ก็มีพระอาจารย์สมบูรณ์ ปริสมปุณโณ เจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค พระอาจารย์รักษ์ เตธธัมโม พระอาจารย์ประเทือง พุ่ทธธมโม พระอาจารย์สุพจน์ ฉนทชาโต
ส่วนหมอที่ดูแลอาการป่วยของหลวงปู่ คุณหมอโอ๊ด หมอโอ๊ด จะหนักใจเพราะหลวงปู่ไม่ยอมให้ฉีดยา ถ้าท่านไม่ยอมก็จะฉีดไม่เข้า เข็มจะหักหมด
นอกจากท่านอนุญาต จึงจะฉีดยารักษาไข้ได้ ลูกศิษย์ที่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ ก็จะได้ยินหลวงปู่พูดว่า "รักษาอย่างไร เดือน ๔ ข้าก็จะไปแล้ว"

ด้วยคุณวิเศษนานับประการของหลวงปู่สี จึงมีพระอาจารย์ดัง ๆ มากมายแห่งยุคให้การยอมรับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระราชพรหมยาน
ผู้เด่นดังมีลูกศิษย์มากมายเกือบทั้งประเทศ ให้การเคารพยอมรับหลวงปู่สี ฉันทสิริ ว่าเป็นครูบาอาจารย์ที่สุดยอดแห่งยุคองค์หนึ่ง

หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้ไปมาหาสู่หลวงปู่สีอยู่เป็นนิจ
เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๐ หลวงปู่สีท่านอาพาธมีอาการหนักมาก
พระอาจารย์สมบูรณ์ เจ้าอายวาสวัดเขาถ้ำฯก็คลานเข้าไปถามหลวงปู่ว่า...

"หลวงปู่ครับ ถ้าหลวงปู่จะจากไป จะให้ทางวัดจัดพิธีศพหลวงปู่อย่างไร"

หลวงปู่สีถึงท่านจะอาพาธหนักปานใด แต่ท่านก็ควบคุมสติได้อย่างมั่นคง
ท่านจึงตอบให้ทุกคนในที่นั้นได้ยินกันอย่างทั่วถึงว่า

"หากข้ามรณภาพเมื่อใด ท่านฤาษีลิงดำจะมาเป็นผู้จัดการศพของข้าเอง ขอทุกคนอย่าได้เป็นห่วง"

และแล้วต่อมาเวลาประมาณ ตี ๓.๔๕ นาที ของวันพุธที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๐ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง
หลวงปู่ก็มรณภาพลงด้วยอากาสงบ สิริรวมอายุของหลวงปู่สี ได้ ๑๒๘ ปี

ท่ามกลางสายลมพัดผ่านที่เย็นยะเยียบ แต่ความเย็นของอากาศยังไม่ยะเยียบเท่ากับเหล่าลูกศิษย์ได้ทราบข่าวการจากไปของหลวงปู่อย่างไม่มีวันที่จะกลับคืนมาอีกได้
ทุกคนเงียบน้ำตาล้วนไหลพรากต่างสะอื้นไห้ด้วยความอาลัยหลวงปู่ ท่านจากมวลลูกศิษย์ไปท่ามกลางลมหนาวแล้ว

อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดประมาณตี ๕ กว่าของคืนวันนั้น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ก็ปรากฏกายขึ้น โดยไม่ได้รับการติดต่อแจ้งข่าวจากผู้ใดในวัดเขาถ้ำบุญนาค
แต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้มาถึงอย่างมหัศจรรย์ตรงตามคำพูดของหลวงปู่สี ที่ท่านกล่าวไว้ ท่ามกลางลูกศิษย์ก่อนที่จะถึงกาลมรณะ

เมื่อหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาถึงวัดเขาถ้ำบุญนาค ก็ได้ขอให้เก็บศพของหลวงปู่ไว้ เสมือนหลวงปู่สีท่านนอนจำวัด
และท่านจำวัดหลับสนิทด้วยอาการปกติสงบเรียบร้อยมาตราบเท่าทุกวันนี้

ที่น่าอัศจรรย์คือร่างกายของหลวงปู่สีไม่มีน้ำเหลือง ไม่เน่าไม่เหม็น ไม่เปื่อยอยางเช่นซากศพทั่วไป
จนันนั้นถึงวันนี้กลิ่นซากศพของท่านไม่มีเลย แต่กลิ่นกายท่านกลับเสมือนหนึ่งกลิ่นธูปหรือกลิ่นกำยาน...

คัดลอกบางตอนจากหนังสือวัตถุมงคล หลวงปู่สี ฉันทสิริหน้า ๖๖-๖๘ (คัดลอกเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวหัวข้อ)

โดยคุณ onepiece19 (425)  [พ. 24 ก.พ. 2559 - 13:16 น.] #3722443 (2/8)


(N)
ขออนุญาตและขอบพระคุณเรื่องราวจากเว็บไซด์และเครดิตผู้ถ่ายทอดเรื่องราว

https://sites.google.com/site/sphrathewtheph/-10


หลวงพ่อฤาษีลิงดำ นัดพบหลวงปู่สีทางจิต

เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๔ ในวันหนึ่งหลวงพ่อได้มาแสดงธรรมะออกอากาศที่สถานที่วิทยุกระจายเสียง ๐๔ ตาคลี จ.นครสวรรค์เหมือนเช่นเคย
และหลังจากที่หลวงพ่อได้แสดงธรรมะออกอากาศเสร็จก็ได้มานั่งพักผ่อนสนทนากับข้าพเจ้าและ พ.อ.อ.กริช บำรุงพงษ์ ที่ห้องรับแขก
ข้าพเจ้าจึงได้ฉวยโอกาสเล่าถึงอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่สีให้หลวงพ่อฟัง พอสรุปใจความสั้นๆ ได้ดังนี้

"มีพ่อค้าชาวตาคลี กลุ่มหนึ่งไปกราบนมัสการหลวงปู่แหวนที่วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ และเมื่อหลวงปู่แหวนทราบว่าเป็นพ่อค้ามาจากตาคลี ก็หัวเราะพูดว่า
"ท่านมีอาจารย์อยู่องค์หนึ่งอายุมากแล้วชื่อหลวงปู่สี ขณะนี้อยู่ที่ตาคลีให้ค้นหาให้ดี เพราะท่านเก่งมาก"
ดังนั้นเมื่อผู้คนกลุ่มนั้นกลับมา ก็พยายามติดตามค้นหาในที่สุดก็ได้พบว่าหลวงปู่สี พำนักอยู่วัดเขาบุญนาค มีอายุชราภาพมากแล้วถึง ๑๒๑ ปี
อภินิหาริย์ของหลวงพ่อสีในขณะนั้นที่ร่ำลืมกันมากคือ ไม่มีใครถ่ายรูปหลวงปูสีติด หากไม่ขออนุญาตท่านเสียก่อน และ ชานหมาก ของหลวงปู่สี
หากผู้ใดได้ไว้แล้วพกพาติดตัวไปก็จะเป็นสิริมงคล และป้องกันภยันตรายต่างๆ ได้"

ข้าพเจ้าได้เล่าให้หลวงพ่อฟังต่อไปว่า "กิตติศัพท์ของหลวงปู่สีดังกล่าว เมื่อได้รับฟังมาผมก็มิได้สนใจนัก จนกระทั่งวันหนึ่งผมได้ยินเสียงปืนดังขึ้นที่ในป่าหลังกองร้อยทหารสารวัตร
(ในขณะนั้นข้าพเจ้าเป็นผู้บังคับกองร้อยทหารสารวัตร และเป็นนายทหารรักษาความปลอดภัยกองบิน ๔ ด้วย) ผมจึงชวนเรืออากาศโทสังวร สมหวังรองผู้บังคับกองร้อยฯ
และเรืออากาศตรีครรชิต บัวอำไพ นายทหารสารวัตรซึ่งได้นั่งปรึกษางานอยู่กับผมลงไปดู ก็เห็นจ่าอากาศสารวัตร ๒ คน คนหนึ่งกำลังถือปืนตั้งท่าจะยิงไก่นัดต่อไป อีกคนหนึ่งยืนดู
จึงตะโกนสั่งให้หยุดยิงและสอบถามว่าทำไมจึงขัดคำสั่งผู้บังคับกองร้อยฯ (ข้าพเจ้าได้เคยสั่งให้ยิงปืนได้เฉพาะในสถานที่ที่จัดไว้ให้ยิงและยิงได้เฉพาะวัน,เวลาที่ท่างกองร้อยฯ กำหนด)
ซึ่งทั้ง ๒ คนก็ยอมรับผิดและอธิบายสาเหตุให้ฟังว่าจ่าประสิทธิ์ ไปได้ชานหมากจากหลวงปู่สีมาเล่าให้จ่าชิตฟังถึงอภินิหารต่างๆ จ่าชิตได้ฟังก็ไม่เชื่อก็เกิดพนันกันขึ้น
โดยจ่าประสิทธิ์ไปขอซื้อไก่ในกองบิน ๔ มา แล้วให้จ่าชิตยิง หากจ่าชิตยิงไก่ตาย จ่าชิตก็ได้ไก่ไปแต่ถ้าหากจ่าชิตยิงไก่ไม่ตายก็ต้องจ่ายเงินให้จ่าประสิทธิ์แล้วให้จ่าประสิทธิ์เอาไก่ไป
การยิงสัญญากันไว้ว่าจะยิง ๖ นัด ขณะนี้จ่าชิตยิงไปแล้ว ๓ นัด ยังไม่ถูกไก่ และยังมีสิทธิ์ยิงได้อีก ๓ นัด ผมจึงให้เรืออากาศโทสังวร และเรืออากาศตรีครรชิต ซึ่งเป็นมือปืน P.P.C.
เหรียญเงินทั้ง ๒ คน ยิงไก่คนละนัดก็ไม่ถูกอีก ผมจึงให้คนโทร ศัพท์ไปเรียก พ.อ.อ.ชลอ ผาสุก มือปืน P.P.C. เหรียญทองมายิงในนัดสุดท้ายซึ่งก็ไม่ถูกไก่อีก
(ในตอนนั้น พ.อ.อ.ผาสุข โมโหมากขอให้เอาเหรียญบาทไปตั้งที่ตอไม้ ๓ เหรียญ ก็ยิงถูกเหรียญกระเด็นไปทั้ง ๓ เหรียญแต่ยิงไก่ตัวใหญ่โต)ซึ่งมัดติดกับต้นไม้ไม่ถูก)
ผมจึงให้จ่าประสิทธิ์พาไปหาหลวงปู่สีในวันนั้น และพอไปกราบหลวงปู่ หลวงปู่ก็กล่าวตำหนิว่าพวกผมทำให้ปากท่านเจ็บไปหมด เพราะชานหมากไปผูกติดคอไก่ท่านก็จะต้องคุ้มครองให้ไก่
และเมื่อเอาปืนไปยิงไก่ ลูกปืนมันไม่ไปถูกไก่แต่มันมาถูกปากท่านทุกนัด ผมและพรรคพวกที่ไปจึงต้องกราบขอขมาหลวงปู่

ซึ่งหลวงปู่ก็ได้เมตตา มอบชานหมากมาให้แต่ขอสัจจะว่า อย่าได้นำชานหมกของท่านไปทดลองที่ไหนอีก"
หลวงพ่อได้นั่งฟังข้าพเจ้า เล่าถึงหลวงปู่สีด้วยความสงบ พอข้าพเจ้าเล่าจบหลวงพ่อก็พูดว่า
"คุณมนูญ ฉันบอกหลวงปู่สีเมื่อตะกี้นี้แล้วว่า ฉันจะไปหาหลวงปู่ดีใจมาก จะคอยต้อนรับอยู่ที่กุฏิ ไปเราไปกันได้เลย"
ข้าพเจ้าและ พ.อ.อ.กริช ได้ฟังก็งงมาก เพระหลวงพ่อก็นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ลุกไปโทรศัพท์ และโทรศัพท์ที่กุฏิหลวงปู่สีก็ไม่มี หลวงพ่อจะบอกกับหลวงปู่สีได้อย่างไร
แต่เมื่อเป็นเจตจำนงของหลวงพ่อเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็จำต้องขับรถพาหลวงพ่อไป
เมื่อไปถึงกุฏิหลวงปู่สี (ตั้งอยู่หน้าถ้ำวัดเขาบุญนาค) ข้าพเจ้าก็ยิ่งฉงนสนเท่ห์ใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลวงปู่สีซึ่งตามปกติท่านจะนุ่งสงบอยู่ตัวเดียว
บัดนี้ท่านแต่งชุดใหญ่ครบเครื่องเยี่ยงพระภิกษุสงฆ์ที่พร้อมจะเข้าพิธีในโบสถ์ มีเสื่ออย่างดีปูได้เรียบร้อยพร้อมด้วยชุดน้ำชา และหมากพลู
อีกทั้งมีพระภิกษุสงฆ์ในวัดอีก ๒-๓ รูป รวมทั้งเจ้าอาวาสมานั่งคอยรอรับหลวงพ่ออยู่พร้อมหน้า

ในขณะที่หลวงพ่อนั่งคุยอยู่กับหลวงปู่สี ข้าพเจ้าก็ได้แอบไปสอบถามท่านมหาองค์หนึ่ง ซึ่งใกล้ชิดกับหลวงปู่สีว่า
"หลวงปู่สีทราบได้อย่างไร ว่าหลวงพ่อจะมา"
ท่านมหาองค์นั้นก็ตอบว่า "อาตมาก็ไม่ทราบ เห็นหลวงปู่นอนจำวัดอยู่ตามปกติ จู่ๆ ก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาแล้วสั่งให้อาตมาคุมกวาดลานวัดและเช็ดกุฏิแล้วให้เตรียมน้ำชา หมากพลูโดยเร่งด่วน
ท่านบอกว่า "ประเดี๋ยวจะมีพระผู้ใหญ่ระดับสูงมากมาหา" พร้อมกันนั้นหลวงปู่ก็เข้าไปนุ่งห่มจีวรใหม่เอี่ยม รอหลวงพ่อดังที่โยมเห็นนี้แหล่ะ"
เรื่องที่ข้าพเจ้า และพรรคพวกได้ประสบในครั้งนี้ไม่มีผู้ใดจะพิสูจน์หรือหาเหตุผลใดๆ ได้เลย นอกจากจะคิดกันไปว่า
หลวงพ่อได้นัดพบกับหลวงปู่สีทางจิตเท่านั้น หรือท่านผู้อ่านจะเข้าใจว่าอย่างไร

(คัดลอกบางตอนจาก หนังสือ "อิทธิฤทธิ์ หรือความบังเอิญ ของ หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ" หน้า ๑๒๐-๑๒๓ โดย พล.อ.อ.มนูญ ชมพูทวีป)

โดยคุณ onepiece19 (425)  [พ. 24 ก.พ. 2559 - 13:20 น.] #3722448 (3/8)


(N)
เครดิตภาพและเรื่องราว เชิญแวะชมเว็บไซด์

http://xn--72c4btmkdhne1gta0c0nxb.com/home.php


หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค


อยู่ที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ท่านมีอายุยืนยาวถึง ๑๒๘ ปี พระซึ่งได้ฉายาว่า พระอรหันต์ ๗ แผ่นดิน
ท่านเป็นพระสายวิปัสสนาจารย์ผู้บรรลุระดับบปฏิสัมภิทาญาณ ๔ และเป็น พระผู้ทรงรัตตัญญู คือพระผู้ทรงอภิญญาจารย์
ผู้รู้กาลถึงฌานวิปัสสนาทุกแขนงอย่างแตกฉานอย่างสุงสุด แม้กระทั่ง ลพ.ฤาษีลิงดำ ยังแวะเวียนมากราบสักการะท่านและสนทนา ธรรมเป็นประจำ
ทั้งนี้ยังมี ลป.บุดดา ถาวโร , ลป. แหวน สุจิณโน ฯลฯ อีกทั้งยังเป็นพระสหายธรรมกับ ลพ ปาน วัดตลองด่าน
และ ลป. มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเคยร่วมธุดงค์และปฏิบัติธรรมด้วยกัน บัดนี้ .แม้นท่านมรณภาพแล้ว
ก็ยังละ สังขาร ( ร่างกายเป็นหิน ) ให้คนรุ่นหลังได้กราบไหว้บูชาสักการะ

ขอกราบนมัสการ หลวงปู่สี ฉันทสิริ พระอรหันต์ ๗ แผ่นดิน

โดยคุณ onepiece19 (425)  [พ. 24 ก.พ. 2559 - 13:24 น.] #3722451 (4/8)


(N)


ประวัติวัดเขาถ้ำบุญนาค

วัดเขาถ้ำบุญนาคเป็นวัดสังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่ที่บ้านเขาบุญนาค เลขที่ ๙ หมู่ที่ ๑๑ ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
บริเวณวัดมีเนื้อที่ ๙ ไร่ ๓ งาน ๖๕ ตารางวา เดิมเป็นสำนักสงฆ์มาก่อน ต่อมาได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดเมื่อเดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๔
และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ โดยมีพระครูนิวิฐปริยัติคุณ (หลวงพ่อสมบูรณ์ ปริสมปุณโณ) เป็นเจ้าอาวาสจนถึงปัจจุบัน


ประวัติหลวงปู่สี ฉันทสิริ

ชาติภูมิ หลวงปู่สี ท่านเป็นชาวอำเภอรัตนะ จังหวัดสุรินทร์ ท่านเกิดเมื่อปีจอ พ.ศ.๒๓๙๒ ตรงกับสมัยของรัชกาลที่๔
ส่วนเกิด วัน เดือน ใด ท่านไม่เคยบอก เมื่ออายุ ๒๑ ปี ท่านถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหาร เมื่อปลดจากการเป็นทหารแล้วท่านก็มายึดอาชีพค้าวัว ค้าควาย
และเป็นพรานอยู่แถว ช่องแค-ตาคลี ซึ่งแต่เดิมมีสภาพเป็นป่าดงดิบ และยังไม่ได้ตั้งเป็นอำเภอตาคลี เมื่อมีการใช้นามสกุลขึ้น
ตระกูลของท่านก็ใช้นามสกุลว่า “ดำริ” ชีวิตตอนเป็นหนุ่ม ท่านเป็นคนจริงไม่เคยเกรงกลัวใคร

ท่านใช้ชีวิตความเป็นหนุ่มอยู่นานหลายปี จนกระทั่งบังเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้อุปสมบท โดยท่านบอกว่า
ท่านบวชที่วัดบ้านเส้า อำเภอบ้านเส้า (อำเภอบ้านหมี่ ในปัจจุบัน) โดยมีพระครูธรรมขันธ์สุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วนคู่สวดท่านไม่ได้บอกว่ามีพระอาจารย์รูปใดบ้าง
เมื่อบวชได้ระยะหนึ่งท่านได้เดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่ ถ้ำเขาเสียบ เขตตำบลช่องแค อำเภอตาคลี เพราะว่าก่อนบวชท่านเคยอยู่ในเขตนี้มาก่อน

หลวงปู่ท่านถือปฏิบัติในการออกธุดงค์ ตลอดเวลาที่ท่านยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ท่านบอกว่าท่านธุดงค์ไปทั่วประเทศไทย จากเหนือถึงใต้ ตะวันออกถึงตะวันตก
ท่านไปมาทั้งหมดเคยธุดงค์ไปฝั่งประเทศลาว จำพรรษาอยู่ในประเทศลาวหลายปี ธุดงค์เข้าประเทศพม่าเลยไปประเทศอินเดีย ไปนมัสการสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
ท่านยังเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านธุดงค์ไปภาคเหนือ เพื่อจะไปนมัสการพระบาทสี่รอย เมืองเชียงตุง ประเทศพม่า ท่านเดินหลงป่าไม่ได้ฉันอะไรเลยเป็นเวลา ๗ วัน
จนรุ่งเช้าของวันที่ ๘ มีช้างป่านำหัวบัว และอ้อยมาถวายท่าน (ไม่ทราบว่าเป็นเทวดา หรือว่าเทวานุภาพดลใจให้ช้างนำมาถวาย ?) ท่านจึงนำหัวบัวต้มกับน้ำอ้อยฉัน
และช้างยังเดินนำทางท่านไปจนพบกับบ้านของชาวบ้านป่า ท่านเล่าว่า ท่านเดินธุดงค์อยู่ในป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ พบชายหญิงกำลังกินอะไรกันอยู่
ท่านจึงเดินไปถามว่า ทำอะไรกันอยู่หรือ ทั้งสองก็ตอบหลวงปู่ว่ากำลังกินยาอายุวัฒนะกันอยู่แต่หลวงพ่อมาช้าไป ยาหมดเสียแล้วจะมีเหลืออยู่ก็ตามใบไม้เท่านั้นเอง
และทั้งสองคนก็เก็บยาที่ติดอยู่ตามใบไม้ให้ท่านฉัน ซึ่งมีอยู่เล็กน้อยเท่านั้น ท่านบอกว่าที่ท่านมีอายุยืนก็เพราะยานี้แหละ และยานี้ยังทำให้ท่านมีร่างกายแข็งแรง ไม่หลงลืมเหมือนคนแก่ทั่วๆไป

ในการออกธุดงค์ของหลวงปู่นั้น หลานชายของท่านคนหนึ่งเคยติดตามไปด้วย ได้เล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นยังเป็นสามเณรได้ติดตามหลวงปู่ไปนมัสการพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี
ค้างคืนที่พระพุทธบาท รุ่งเช้าพอฉันอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ก็พาออกเดินทางกลับตาคลีทันที โดยหลวงปู่บังคับให้ผู้เล่าเดินออกหน้าตลอดเวลา
หลวงปู่จะเป็นคนเดินท้ายปรากฏว่ามาถึงตาคลีเป็นเวลาฉันอาหารเพลพอดี ซึ่งระยะทางจากพระพุทธบาทมาถึงตาคลีให้เดินเก่งอย่างไร
ก็ไม่สามารถที่จะเดินถึงได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน แต่หลวงปู่พาเดินได้

ในระหว่างที่เดินธุดงค์อยู่ทางภาคเหนือภาคอีสานนั้น หลวงปู่ท่านได้รู้จักกับพระเกจิอาจารย์ดังมากมาย อาทิเช่น หลวงปู่แหวน แห่งดอยแม่ปั๋ง เพราะมีคนจากตาคลีขึ้นไปกราบหลวงปู่แหวน
แล้วหลวงปู่แหวนพูดถึงหลวงปู่สีให้เขาเหล่านั้นฟัง พ่อค้าในตลาดตาคลีชวนพวกรวม ๔ คนขึ้นไปกราบหลวงปู่แหวน เพื่อขอวัตถุมงคล แต่หลวงปู่แหวนไม่ยอมให้
โดยหลวงปู่แหวนบอกกับคนทั้งสี่ว่า ที่มากันนั้นดีๆ ไม่เอากัน มาเอากันถึงที่นี่ ทั้งหมดจึงถามหลวงปู่แหวนว่า ที่หลวงปู่พูดถึงน่ะหลวงพ่ออะไรครับ
หลวงปู่แหวนจึงตอบว่าในคอพวกเอ็งก็ยังคล้องกันมาเลย ปรากฏว่าทั้ง ๔ คนที่ไปมีคล้องพระไปเพียงคนเดียว และพระที่คล้องไปคือเหรียญหลวงปู่สี
เมื่อทั้งหมดกลับมาถึงตาคลีก็รีบพากันมาที่วัด เช่าเหรียญหลวงปู่สีกันเป็นการใหญ่ ทั้ง ๔ คนนี้ข้าพเจ้ารู้จักดี จะเขียนชื่อ นามสกุลลง แต่ก็ได้รับการขอร้องไว้

ก่อนที่จะมาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค อำเภอตาคลีนั้น หลวงปู่สีท่านอยู่ที่วัดหนองลมพุก อำเภอโนนสังข์ จังหวัดอุดรธานี ในปีพ.ศ.๒๕๑๒ พระครูนิวิฐปริยัติคุณ
พร้อมด้วยชาวบ้าน ได้พากันไปนิมนต์หลวงปู่ให้มาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค เพื่อช่วยสร้างวัดให้เจริญ ซึ่งขณะนั้นมีเพียงกุฏิเก่าๆเพียงสองสามหลังเท่านั้น
หลวงปู่สีท่านก็เต็มใจมา เนื่องด้วยเพราะท่านเคยอยู่ในแถบนี้มาก่อน ในวันที่คณะผู้จะไปนิมนต์หลวงปู่จะไปถึงนั้น หลวงปู่ท่านทราบล่วงหน้าแล้วว่าจะมีคนไปนิมนต์ท่าน
ท่านเก็บของเครื่องใช้จำเป็นรอเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และสั่งที่วัดหนองลมพุกว่า วันนี้จะมีคนมารับให้ไปอยู่ที่ตาคลีเพื่อช่วยสร้างวัด ซึ่งก็เป็นไปตามที่ท่านบอกไว้ทุกประการ

ในระยะแรกที่หลวงปู่มาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาคนั้น ท่านจำพรรษาอยู่ที่กุฏิไม้ หลังเล็กๆหน้าปากทางขึ้นถ้ำ (ปัจจุบันรื้อไปแล้ว) ในขณะนั้นคนในตลาดตาคลียังไม่ค่อยมีใครรู้จักหลวงปู่
และท่านก็ไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์อันใดให้ใครรู้ วันหนึ่งๆท่านจะนั่งตะบันหมากฉัน การฉันหมากของท่านก็ไม่เหมือนใคร เพราะท่านไม่ได้ฉันเปลือกไม้ที่มีขายตามท้องตลาดเหมือนที่คนกินหมากทั่วไปซื้อมากิน
หลวงปู่ท่านจะฉันแก่นไม้คูนแดงซึ่งจะมีคนตัดมาถวายตลอด ท่านจะนำมาฟันเป็นชิ้นๆ แล้วนำลงตำให้ละเอียดแล้วจึงฉันกับหมากแทนเปลือกไม้

ในราวปลายปี พ.ศ.๒๕๑๓ ข้าพเจ้าได้ทราบจากเพื่อนว่า มีพระเป็นหลวงปู่แก่ๆ มาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค ข้าพเจ้าจึงชวนเพื่อนๆมาหา
จุดประสงค์ที่มาหามิใช่ที่จะต้องการเครื่องรางของขลังแต่ประการใด แต่เพราะต้องการจะมาหาเลขเด็ด

เพราะเพื่อนบอกว่าท่านบอกหวยได้แม่นยำมาก ในวันแรกที่มาหาท่านก็ไม่ได้แจกอะไรให้ แต่บอกใบ้หวยให้ ซึ่งหวยก็ออกตามที่ท่านบอก
นับตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็จะไปหาหลวงปู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งข้าพเจ้าเห็นหลวงปู่มีอารมณ์ดี ข้าพเจ้าจึงถามหลวงปู่ว่ามีของดีอะไรบ้าง
ผมอยากจะได้เอาไว้ป้องกันตัว หลวงปู่ท่านขณะนั้นกำลังกินหมากอยู่ ก็คายชานหมากออกมาใส่ผ้าเหลืองที่ท่านใช้ทำเป็นผ้าขี้ริ้ว
แล้วผูกส่งให้ข้าพเจ้าพร้อมทั้งบอกว่า”ห้ามแก้ออกนะ” ท่านยังบอกอีกว่าหากใครเขาอยากยิงมึง มึงก็ถ่างก้นให้มันยิงเลย สามวันสามคืนก็ไม่ถูกมึง
ข้าพเจ้ารับมาแบบไม่ค่อยเชื่อถือเมื่อกลับถึงบ้านแล้วก็นั่งคุยกับเพื่อนๆถึงเรื่องนี้ ขณะนั้นมีพ่อค้าวัว-ควาย เป็นชาวปาทานอยู่ในตาคลีนั่งฟังอยู่ด้วย
ซึ่งเขาบอกว่าเขาอยากลองยิงดู ข้าพเจ้ามอบชานหมากของหลวงปู่ให้เขาไป เขานำไปคล้องคอไก่แล้วยิงปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .๓๘ ระยะห่างประมาณ ๑ วาเศษเท่านั้น
เขายิงหมดไป ๖ นัดไม่เคยถูกไก่เลย สักนัดเดียว ทั้งๆที่เขาเป็นคนที่ยิงปืนได้แม่นยำมากคนหนึ่ง นับแต่นั้นมาข้าพเจ้าจึงเชื่อถือในชานหมากหลวงปู่

หลังจากที่ชาวปาทานยิงไก่ได้ประมาณสัก ๑ อาทิตย์ ได้มีนายทหารอากาศกองบิน ๔ ชื่อ เรืออากาศโทครรชิต บัวอำไพ
(ปัจจุบันยศนาวาอากาศเอก ข้าพเจ้าขอกราบประทานอภัยที่ต้องเอ่ยนามของท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย) ได้มาคุยกับข้าพเจ้าเรื่องชานหมากของหลวงปู่
ในลักษณะที่ท่านไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ที่จะยิงไม่ถูก ข้าพเจ้าจึงมอบชานหมากที่มีอยู่ให้ไป ๑ ก้อนเพื่อให้ไปทดลอง เที่ยงวันรุ่งขึ้น เรืออากาศโทครรชิตฯ
ได้มาหาข้าพเจ้าที่บ้านพร้อมกับเพื่อนนายทหารอากาศอีก ๕-๖ คนโดยขอให้ข้าพเจ้าช่วยพาไปวัดหน่อย ต้องการจะได้ชานหมากอีก พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่า

เมื่อได้รับชานหมากไปจากข้าพเจ้าแล้วจึงได้นำไปทดลอง โดยนำไปคล้องคอเป็ดแล้วยิง แต่ยิงเท่าไรก็ไม่ถูก ใช้ปืนถึง ๔ กระบอก และคนยิงก็เป็นมือปืนของกองบินทั้งนั้น
ครั้นนำเป็ดออกเอาก้อนหินไปวางแทน ยิงก้อนหินกระเด็นเลย แต่ยิงเป็ดยิงเท่าไรก็ไม่ถูกเป็นที่มหัศจรรย์ใจมาก จึงพาเพื่อนทหารที่อยู่ในเหตุการณ์มาหาข้าพเจ้า
เพื่อให้ช่วยพาไปพบหลวงปู่ซึ่งข้าพเจ้าก็พาไปพบ และก็ได้ชานหมากกันมาทุกคน ส่วนก้อนที่นำไปทดลองยิงเป็ดนั้น เรืออากาศโทครรชิตได้นำไปเลี่ยมทองคล้องอยู่จนทุกวันนี้

เครดิตภาพและข้อมูล

http://xn--72c4btmkdhne1gta0c0nxb.com/history-wat.php

โดยคุณ onepiece19 (425)  [พ. 24 ก.พ. 2559 - 13:34 น.] #3722454 (5/8)


(N)


๒๓ ก.พ.บุญคล้ายวันมรณภาพหลวงปู่สี

หลวงปู่สี ฉันทสิริ แห่งวัดเขาถ้ำบุญนาค ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ พระเถราจารย์ที่อายุยืนที่สุดองค์หนึ่งคือ ๑๒๘ ปี
ถือได้ว่าท่านเป็นพระเถราจารย์ ๗ แผ่นดิน ท่านเป็นชาว อ.รัตนะ จ.สุรินทร์ เกิดปีจอ พ.ศ.๒๓๙๒ ตรงกับสมัยของรัชกาลที่ ๔
ตามหนังสือประวัติการจัดสร้างเหรียญอายุยืนเป็นเหรียญที่สร้าง พ.ศ.๒๕๑๗ ขณะนั้นท่านมีอายุ ๑๒๕ ปี
แสดงว่าท่านเกิดก่อนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ๘ ปี เพราะหลวงพ่อเดิมเกิด พ.ศ.๒๔๐๓

ในระหว่างที่หลวงปู่สียังมีชีวิตอยู่มีพระเกจิชื่อดังหลายรูปมาขอเป็นศิษย์ อาทิ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญ จ.ชัยนาท หลวงพ่อทบ วัดชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หลวงปู่แหวนวัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท หลวงพ่อจ้อย วัดแหลมบน จ.ฉะเชิงเทรา และพระครูวิศิษฐสมโพธิ วัดโพธิ์ ท่าเตียน กทม.
มาทุกครั้งเป็นต้องเอาชานหมากหลวงปู่กลับไป จึงยืนยันได้ชัดเจนว่าหลวงปู่สีเป็นพระเกจิผู้มีอาคมขลังเมตตาแคล้วคลาดและคงกระพัน

นายวิเชียร อินทะพันธ์ นักธุรกิจหนุ่มทำธุรกิจเหล็ก ผู้สะสมพระหลวงปู่สีไว้ทุกรุ่น บอกว่า เหตุที่คนเล่นหาและสะสมพระเครื่องและเหรียญหลวงปู่สี ฉันทสิริ
แน่นอนที่สุดว่าต้องเกิดจากประสบการณ์ที่โดดเด่นทางแคล้วคลาด มีเมตตามหานิยมสูง เช่นเดียวกับเหรียญของพระเกจิอาจารย์รูปอื่นๆ
ที่ว่า “ค่านิยมของพระที่สูงนั้นต้องมากด้วยประสบการณ์” เหรียญที่นิยม เช่น เหรียญอายุยืนเต็มองค์ เหรียญมหาลาภ เหรียญหน้าอรหันต์ เป็นต้น
ทั้งนี้ หากศึกษาประวัติการสร้างพระหลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค ทั้งที่วัดสร้างเอง และบุคคลภายนอกสร้างถวายนั้น
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ พระเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสก เช่น เหรียญจตุพิธพรชัย สร้าง พ.ศ.๒๕๑๘ มีพระเกจิที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นร่วมปลุกเสก
เช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม. หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร กทม. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท
หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี เท่าที่มีการบันทึกในการปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้ หลวงพ่อกวยท้าให้มีการทดสอบพุทธคุณด้วยการลองยิงด้วย

อย่างไรก็ตามในวันพุธที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ นี้ คณะศิษย์และผู้มีจิตรศรัทธาได้รวมกันทำบุญคลบ้ายวันมรณภาพของท่านปีที่ ๒๔
(ท่านมรณภาพวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ เวลา ๓ โมงเย็น ตรงกับวันขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔) ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ ปี โดยคณะศิษย์ได้ช่วยกันรวบรวมปัจจัย
เพื่อบุรณะศาสนาภายในวัดพื่อเป็นการบูชาหลวงปู่สี จึงขอเชิญร่วมบุญอย่างพร้อมเพรียงกันที่วัดเขาถ้ำบุญนาค

เครดิตจาก www.komchadluek.net

โดยคุณ คำพันธ์ (1K)(1)   [พ. 24 ก.พ. 2559 - 14:05 น.] #3722465 (6/8)
ขอบคุณครับที่แจ้งข่าว

โดยคุณ uthai08 (2.5K)  [ศ. 26 ก.พ. 2559 - 19:20 น.] #3723062 (7/8)
ขอบคุณครับ

โดยคุณ Nut20 (973)  [อา. 28 ก.พ. 2559 - 14:04 น.] #3723513 (8/8)
สาธุพึ่งไปไหว้ท่านมาและลอดโลงท่านด้วยครับ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5