" จุดเปลี่ยน "
เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นตั้งแต่เช้าจัดการกับกิจวัตรของตัวเองเสร็จสรรพ ทั้งหมดก็ออกจากที่พักไปยังวัดบ้านตระกวน เช้าๆอากาศกำลังสบาย เราจึงขับไปเรื่อยๆโดยมิได้ใช้ความเร็วมากนัก เวลาประมาณ 9 โมงเช้าเราทั้งหมดก็ถึงวัดบ้านตะกวน โดยมุ่งหน้าไปที่กุฏิหลวงพ่อสำเริง เช้านี้มีสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจ คือเมื่อวานบริเวณนี้ที่เงียบสงบ แทบจะไม่มีคนอยู่ แต่วันนี้กลับตรงกันข้าม กลับคลาดคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งเด็ก วัยรุ่น จนถึงผู้เฒ่าผู้แก่ ไม่ต่ำกว่า 30-40 คน กำลังสาละวนทำโน่นทำนี้ในสิ่งที่ตนได้รับมอบหมาย หรือมีใจที่อยากจะทำ
กลุ่มชายวัยฉกรรจ์และผู้สูงวัย 5-6 คน กำลังขะมักเขม้นยกพื้นตั้งเป็นปรำพิธีเพื่อวางของบวงสรวงสังเวย ส่วนผู้หญิงบางส่วนก็นั่งจัดดอกไม้ที่จะใช้ในพิธีกรรม และบางส่วนก็ช่วยกันเตรียมข้าวปลาอาหารเพื่อถวายพระ ดูเป็นน้ำหนึ่งน้ำใจเดียวกันเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งใกล้เที่ยงชาวบ้านก็ทยอยเข้ามาเพิ่มเติมเรื่อยๆ บรรยากาศแทบจะดูเหมือนงานบวชงานหนึ่งทีเดียว หลวงพ่อบอกว่าช่วงเช้าจะต้องทำพิธีบวงสรวงเทวดา ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก่อน หลังจากนั้นช่วงบ่ายจึงค่อยทำพิธีปลุกเสก
ช่วงเช้าเมื่อทำพิธีบรวงสรวงเสร็จ รอเวลาที่หลวงพ่อจะปลุกเสกในช่วงบ่าย ผมก็ได้เลียบๆเคียง ๆ คุยกับชาวบ้านที่มาช่วยงานถึงเรื่องๆต่าง ๆ เกี่ยวกับหลวงพ่อสำเริง ทำให้ผมทราบในเบื้องต้นว่า หลวงพ่อเป็นคนพื้นเพแถวนี้ โดยได้บรรพชาเป็นสามเณรก่อนที่จะอุปสมบท และมีศักดิ์เป็นเหลนแท้ ๆ ของหลวงพ่อมุม วัดประสาทเยอร์ ผู้เป็นเกจิเลื่องชื่อของศรีษะเกษ หลวงพ่อสำเริงชอบธุดงค์รุกขมูลเป็นชีวิตจิตใจ ธุดงค์ไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เข้าไปลาว เขมร พม่า ทะลุถึงอินเดีย ส่วนประเทศไทยก็ธุดงค์มาแล้วทุกภาค ก่อนจะกลับมาสู่บ้านเกิด ชอบศึกษาวิชาอาคมทั้งสายเขมรและสายพุทธในประเทศไทย ชอบศึกษาว่านยาและตำรายาโบราณ โดยใช้ความรู้ในวิชาอาคมที่มีอยู่นั้นช่วยเหลือชาวบ้านและเป็นที่พึ่งของชาวบ้านแถวนั้น เมื่อถึงตอนนี้ทำให้ผมได้เข้าใจมากขึ้นถึงสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของผม ทั้งบรรดาผู้คนที่มาร่วมแรงร่วมใจเข้ามาช่วยงาน และความเคารพนับถือของชาวบ้านที่มีต่อหลวงพ่อรูปนี้ |
|