ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : => รวบรวมรายนามพระสงฆ์ที่มรณภาพแล้วสังขารไม่เน่าเปื่อย และวัดหรือสถานที่เก็บพระศพ....



(N)


นำมาฝากกันครับ บางทีในจังหวัดเราๆอาจยังไม่ทราบ หรือเดินทางไปจังหวัดไหน ถ้าได้แวะไปกราบสังขารของท่านสังครั้งจะเป็นศิริมงคลเป็นอย่างยิ่งครับ

พระสงฆ์เหล่านี้ผมถือว่าเป็นพระอภิญญาโดยแท้ครับ เป็นสิ่งมหัศจรรย์แม้ทางวิทยาศาตร์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้

ลองดูกันครับ หากมีนอกเหนือจากนี้รบกวนลงเพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ เพราะผมเองก็หาข้อมูลจากในเว๊ปไซท์แล้วนำมารวบรวมอีกครั้งครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.apinya.com ด้วยครับ


โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:24 น.]



โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:26 น.] #3084924 (1/79)


(N)


เริ่มกันที่ภาคกลางกันก่อนครับ


โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:26 น.] #3084925 (2/79)


(N)


รายละเอียดตามภาพครับ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:27 น.] #3084926 (3/79)


(N)


รายละเอียดตามภาพครับ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:27 น.] #3084928 (4/79)


(N)


รายละเอียดตามภาพครับ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:28 น.] #3084930 (5/79)


(N)
ภาคเหนือครับ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:28 น.] #3084932 (6/79)


(N)


ภาคเหนือต่อครับ

โดยคุณ lew-lew (518)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:30 น.] #3084933 (7/79)
หลวงพ่อครึ้ม วัดคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:30 น.] #3084934 (8/79)


(N)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

โดยคุณ aeed19 (253)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:30 น.] #3084935 (9/79)
ศักดิ์สิทธิ์โดยแท้

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:31 น.] #3084937 (10/79)


(N)


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:31 น.] #3084939 (11/79)


(N)


ภาคตะวันออก

โดยคุณ KABUTO (2K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:32 น.] #3084941 (12/79)
หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม
วัดป่าวิทยาลัย ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบ ฯ
พ่อกลั่น วัดพระญาติ เป็นอุปัชณาย์

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:32 น.] #3084942 (13/79)


(N)
ภาคใต้

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:33 น.] #3084944 (14/79)


(N)


ภาคใต้ ต่อ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:35 น.] #3084948 (15/79)


(N)
ภาคใต้ ต่อ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:36 น.] #3084950 (16/79)


(N)
พระอรหันต์เจ้าทั้งหลายที่นิพพานไปแล้ว แต่สรีระร่างยังไม่เน่าเปื่อยมีอยู่ ๔ องค์คือ 


โดยคุณ boyoboyo (2.3K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:38 น.] #3084953 (17/79)
จังหวัดกาญจนบุรี เพิ่มเติม ครับ
หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม
หลวงพ่อเพชร วัดบ้านกรับ

โดยคุณ พรโกสีย์ (8.2K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:38 น.] #3084955 (18/79)
กราบนมัสการพระอริยเจ้าทุกๆพระองค์ครับ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:41 น.] #3084957 (19/79)


(N)
หรือท่านใดมีภาพนำมาให้ชมกันนะครับ

หลวงปู่หมุน พระอริยสงฆ์ 5 แผ่นดิน ภาพนี้ขอขอบคุณและขออนุญาตท่านชมรมมหาอุตต์ด้วยครับ

ขอบคุณครับ...

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:45 น.] #3084960 (20/79)
อภิญญา หรือ พระอภิญญา คืออะไร ???

อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน

อภิญญาในคำวัดหมายถึงคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ มี 6 อย่าง คือ
1. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้
2. ทิพพโสต มีหูทิพย์
3. เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้
4. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
5. ทิพพจักขุ มีตาทิพย์
6. อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป

อภิญญา 5 ข้อแรกเป็นของสาธารณะ (โลกียญาณ) ข้อ 6 มีเฉพาะในพระอริยบุคคลถ้าพบผู้แสดงฤทธิ์ได้ อย่าพึ่งหมายว่าผู้นั้นจะเป็นอริยบุคคล

อ้างอิง[แก้]

พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2


โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:51 น.] #3084967 (21/79)
เพิ่มเติมจากเพื่อนสมาชิกครับ

1. หลวงพ่อครึ้ม วัดคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
2. หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม วัดป่าวิทยาลัย ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เป็นอุปัชฌาย์
3. หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม จ.กาญจนบุรี
4. หลวงพ่อเพชร วัดบ้านกรับ จ.กาญจนบุรี

ขอบคุณข้อมูลจาก

ท่าน lew-lew
ท่าน KABUTO
ท่าน boyoboyo

ขอบคุณครับ..

โดยคุณ somyot1973 (1.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:56 น.] #3084971 (22/79)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ

สมยศ

โดยคุณ ช็อคโกแลค (491)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:56 น.] #3084973 (23/79)

โดยคุณ anandusit (1.4K)(4)   [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 10:58 น.] #3084978 (24/79)


(N)
ขอขอบพระคุณท่านพี่ สำหรับสุดยอดข้อมูลดีๆครับ

โดยคุณ warravut (2.8K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:00 น.] #3084980 (25/79)
เพิ่มเติมครับ
ฉะเชิงเทรามีหลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว

สมุทรปราการมีหลวงพ่อครึ้ม วัดคลองสวนหลานชายแท้ๆและศิษย์เอกองค์เดียวของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว

หลวงพ่อพุธ ฐานิโยเผาไปแล้วครับ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:06 น.] #3084993 (26/79)
พิ่มเติมจากเพื่อนสมาชิกครับ

1. หลวงพ่อครึ้ม วัดคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
2. หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม วัดป่าวิทยาลัย ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เป็นอุปัชฌาย์
3. หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม จ.กาญจนบุรี
4. หลวงพ่อเพชร วัดบ้านกรับ จ.กาญจนบุรี
5. หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา

หมายเหตุ ** หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสารวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา (ถวายพระเพลิงแล้ว)

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจากน้อง warravut ด้วยครับ

ขอบคุณครับ.

โดยคุณ Por07 (1.5K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:07 น.] #3084995 (27/79)
ยอดเยี่ยมมากครับ

โดยคุณ Lerm_kawilo (619)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:10 น.] #3084997 (28/79)
เยี่ยมมากครับพี่ใหม่

โดยคุณ อากู๋ (59)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:16 น.] #3085004 (29/79)
ขอบคุณที่นำมาให้ได้รับรู้ครับ

โดยคุณ ช็อคโกแลค (491)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:18 น.] #3085006 (30/79)
เพิ่อเติมอีกครับ พี่ใหม่
หลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฎร์บำรุง บางซื่อ กทม.
ยังมีอีกมากครับ วัดที่ไม่ดังครับ ช่วยกันหาข้อมูลครับ

โดยคุณ ปูพระแท้ (527)(1)   [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:21 น.] #3085014 (31/79)


(N)


หลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี
ประสบการณ์ตรงเมื่อถ่ายรูปหลวงปู่ครั้งแรกผมยืนพนมมือขอถ่ายรูปปรากฏว่ากล้องไม่สามารถกดชัตเตอร์ได้ครับ รวมทั้งไม่สามารถปิดเครื่องได้เลยทีแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไรก็เลยถอดถ่านออกใส่เข้าไปใหม่แต่ก็ยังถ่ายไม่ได้อีก.....ทีนี้รู้เลยครับลงกราบขออนุญาตหลวงปู่ ทีนี้กล้องก็สามารถถ่ายได้ปรกติเลยครับเอาผมขนลุกเลยครับ......

โดยคุณ ลูกพระพรหม (2K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:28 น.] #3085023 (32/79)
ปัตตานี หลวงปู่ทวด ครับ

ส่วนหลวงปู่เมฆ ดังปลักขลิกไม้เขยตาย ท่านอยู่ที่ มีนบุรี เขตติดต่อปทุมธานี ทางจะออกคลอง 7 นะครับ ผมเคยไปกราบท่านบ่อยๆ รถวิ่งเข้าทางลูกรังตรงข้ามวัดแสนสุข มีนบุรี
อดีตตอนยังไม่บวชท่านเป็นทหารประจำการ แต่มีวิชา คงกระพัน โดนยิงด้วยปาซูก้า (รถถังยังกระเด็น) เข้าเต็มๆที่อก ไม่เป็นไร แต่ช้ำใน นอนรักษาตัวประมาณ 40 ปี พอร่างกายค่อยยังชั่ว ก็มาบวชสร้างวัดลำกระดานด้วยการออกปลักขลิกได้เงินมาสร้างเสนาสนะที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ โดยหลวงปู่ท่านไม่รับตำแหน่ง ให้หลานชายท่านรับแทนเป็นเจ้าอาวาส สร้างกุฎิทรงไทยราคาเป็นล้าน (ปี 2528-29) ท่านก็ไม่ไป่อยู่ กลับอยู่ที่กุฎิหลังโทรมๆมีลูกศิษย์ทำปลักขลิกด้วยเครื่องเจียรเท่านั้น ได้ตังมาจากโยมที่ไปหาทำบุญกับหลวงปู่ ท่านก็ก่อสร้างเสนาสนะหมดไม่เก็บสะสม ลูกพระพรหมเหมารถไปกราบท่านบ่อย บางครั้งหลวงปู่มานอนรักษาตัวที่ โรงพยาบาลอาภากรทางเข้าฐานทัพเรือสัตหีบ ลูกพรพพะพรหมรู้ก็จะพาคุณพ่อและน้องๆหลานๆไปกราบและเยื่ยมท่าน ปลักขลิกของท่าน ใช้ดีมากทั้งค้าขาย ป้องกันภัย คุณพ่อไม่เคยห่างจากเอวเลย ให้หลายตัวน้อนแขวนที่เอวตัวเล็กนิดเดียว เด็กน้อยอยู่ในวัยซน ผู้ใหญ่เผลอคลานไปทั่ว หน้าบ้านที่บ่อน้ำลึกประมาณอกคนโตวันนั้นหลายชายก็คลานไปตกน้ำพวกผู้ใหญ่ไม่เห็น นึกได้ว่าปล่อยหลานตัวน้อยเล่นตามลำพังก็หาดูไม่พบ ไม่เจออีกที่ลอยอยู่ในน้ำเหมือนนอนเล่นในน้ำพวกพ่อแม่เด้กตกใจว่าลูกชายตกน้ำคุณพ่อซึ่งตารีบกระโดดน้ำไปเอาตัวเข้ามาแต่หลายชายกลับไม่เป็นไร นี่คืออภินิหารจากปลักขลิกหลวงปู่เมฆที่ผูกติดกับเอวหลานชาย ซึ่งตอนไปขอจากท่านก็บอกว่าขอตัวน้อนสัด2-3ตัว(ทำบุญ)ให้ทีหลัง จะไปผูกกันเจ้าตัวเล็กตกน้ำ หลวงปู่ท่าน บอกว่า ไม่ต้องกลัวจม ลอยอย่างเดียว นี่คือความศักดิ์จากปลัดกลิกหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน โดยเฉพาะเรื่องงู ป้องกันซึ่งลูกพระพรหม ประสบด้วยตนเอง เล่าไปก็จบเพราะที่บ้านโดนกันแทบทุกคน ใครยังไม่มีหากันเมื่อก่อนทำบุญ 20-30 บาท หลวงปุ่จะแจก 1ถุง ประมาณ 20 กว่าตัว

โดยคุณ ลูกพระพรหม (2K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:35 น.] #3085028 (33/79)
http://www.youtube.com/watch?v=rUgr-VGBGVw

โดยคุณ รัตนะ (2K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:42 น.] #3085034 (34/79)
ข้อมูลดีๆ ขอบคุณมากครับ

โดยคุณ พรโกสีย์ (8.2K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:44 น.] #3085035 (35/79)
เพิ่มเติมครับ

หลวงปู่นาค วัดแหลมสน ต.ปากน้ำ อ.หลังสวน จ.ชุมพร

หลวงปู่ขำ วัดประสาทนิกร อ.หลังสวน จ.ชุมพร

ถ้าแวะมาอย่าลืมมากราบท่านนะครับ

โดยคุณ ohobangkok (1)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 11:44 น.] #3085036 (36/79)
พระราชพฤฒาจารย์ หลวงพ่อห้อม อมโร วัดคูหาสุวรรณ จ.สุโขทัย

โดยคุณ kcasanova (2.7K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 12:02 น.] #3085046 (37/79)

โดยคุณ รอดบางแค (5.8K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 12:15 น.] #3085059 (38/79)


(N)


สายนครสวรรค์ (หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้)
..................
หลวงพ่อฮวด ได้เริ่มศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมครั้งแรก จากหลวงพ่อคล้าย ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อ (หลวงพ่อคล้ายเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อเดิมไ ด้สร้างเหรียญทวิภาคีร่วมกัน เมื่อคราวหลวงพ่อเดิม-หลวงพ่อคล้าย ช่วยสร้างอุโบสถ วัดพนมรอก เมื่อปี พ.ศ. 2483 ) หลวงพ่อฮวดได้ศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมกับหลวงพ่อเดิม ซึ่งหลวงพ่อมีความใกล้ชิดกับหลวงพ่อเดิม เนื่องจากหลวงพ่อเดิมได้มาช่วยพัฒนาวัดในเขตท่าตะโก หลายวัด เช่น การพัฒนา วัดทำนบ,วัดหนองไผ่,วัดเขาล้อ,วัดดอนคา,วัดโคกมะขวิด,วัดพนมรอก,วัดหนองหลวง,วัดหัวถนนเหนือ (เหตุที่หลวงพ่อเดิมได้มาช่วยพัฒนาวัดในเขตอำเภอท่าตะโกมาก เนื่องจาก บ้านหนองโพ-หัวหวายเป็นเขตติดต่อกับบ้านหนองหลวง-หัวถนน) หลายๆครั้ง หลวงพ่อเดิมได้รับกิจนิมนต์ไปยังที่ใด มักจะชวนหลวงพ่อฮวดร่วมเดินทางไปด้วยเสมอ หลวงพ่อฮวดนับว่าเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ผู้สืบทอดสายพุทธาคมมาจากหลวงพ่อเดิม เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว หรือเมืองมังกร ในปัจจุบัน หลังจากนั้นหลวงพ่อฮวดได้เล่าเรียนวิทยาคมกับอีกหลายพระอาจารย์ตามความชำนาญของแต่ละท่าน เช่นการเรียนวิชาทำตะกรุด กับ หลวงพ่อพุฒอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง, การเรียนทำน้ำมนต์ กับ หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรืออยุธยา , การเรียนทำผงเมตตามหานิยมโชคลาภจากหลวงพ่อศักดิ์ วัดวังกระโดนใหญ่อำเภอไพศาลี นครสวรรค์
..............................................................
มรณภาพแล้วศพไม่เน่าเปื่อย
หลวงพ่อฮวดได้มรณภาพลงเมื่อ วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เวลา 08.47 น. ที่วัดหัวถนนใต้ สิริอายุ 88 ปี พรรษาที่ 68 คณะกรรมการวัดได้บรรจุร่างของท่านไว้ในโลงแก้ว เป็นที่น่าอัศจรรย์เพราะว่าศพไม่เน่าเปื่อย ทั้งที่เป็นโลงแก้วธรรมดาไม่ได้เป็นสูญญากาศ ทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการเปิดโลง เพื่อทำการเปลี่ยนผ้าสบง-จีวร ปัจจุบันศพตั้งไว้บนจตุรมุขวิหาร

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 12:20 น.] #3085061 (39/79)
เพิ่มเติมจากเพื่อนสมาชิกครับ

1. หลวงพ่อครึ้ม วัดคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
2. หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม วัดป่าวิทยาลัย ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เป็นอุปัชฌาย์
3. หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม จ.กาญจนบุรี
4. หลวงพ่อเพชร วัดบ้านกรับ จ.กาญจนบุรี
5. หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา
6. หลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฎร์บำรุง บางซื่อ กทม
7. หลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี
8. หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปัตตานี
9. หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน มีนบุรี กรุงเทพ
10.หลวงปู่นาค วัดแหลมสน ต.ปากน้ำ อ.หลังสวน จ.ชุมพร
11.หลวงปู่ขำ วัดประสาทนิกร อ.หลังสวน จ.ชุมพร
12.พระราชพฤฒาจารย์ หลวงพ่อห้อม อมโร วัดคูหาสุวรรณ จ.สุโขทัย

ขอบคุณมากครับ


โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 12:21 น.] #3085062 (40/79)
เพิ่มเติมจากเพื่อนสมาชิกครับ

1. หลวงพ่อครึ้ม วัดคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
2. หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม วัดป่าวิทยาลัย ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เป็นอุปัชฌาย์
3. หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม จ.กาญจนบุรี
4. หลวงพ่อเพชร วัดบ้านกรับ จ.กาญจนบุรี
5. หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา
6. หลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฎร์บำรุง บางซื่อ กทม
7. หลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี
8. หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปัตตานี
9. หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน มีนบุรี กรุงเทพ
10.หลวงปู่นาค วัดแหลมสน ต.ปากน้ำ อ.หลังสวน จ.ชุมพร
11.หลวงปู่ขำ วัดประสาทนิกร อ.หลังสวน จ.ชุมพร
12.พระราชพฤฒาจารย์ หลวงพ่อห้อม อมโร วัดคูหาสุวรรณ จ.สุโขทัย
13.หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้ นครสวรรค์

ขอบคุณมากครับ..

โดยคุณ ohobangkok (1)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 12:42 น.] #3085086 (41/79)
หลวงพ่อภุชงค์ วัดวาลุการาม จ.สุโขทัย

โดยคุณ จตุรเทพพรชัย (3.6K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 12:51 น.] #3085100 (42/79)


(N)
หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส อ.ขลุง จ.จันทบุรี
http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-kong-wat-wang-sapparot/lp-kong-wat-wang-sapparot-hist-01.htm

โดยคุณ ohobangkok (1)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 12:52 น.] #3085101 (43/79)
สายสุโขทัย
1.หลวงพ่อห้อม อมโร
2.หลวงพ่อภุชงค์
3.หลวงปู่โถม
4.หลวงพ่อประเสริฐ

โดยคุณ kanan (12.8K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 13:01 น.] #3085108 (44/79)
อยุธยา หลวงพ่อเจริญ วัดตาลานใต้ อีก 1 องค์ จ้าา

โดยคุณ jorn1 (137)(3)   [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 13:02 น.] #3085109 (45/79)
สายอยุธยาครับ
หลวงปู่ทิม วัดพระขาว

โดยคุณ ohobangkok (1)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 13:30 น.] #3085119 (46/79)


(N)
หลวงพ่อห้อม สุโขทัย

โดยคุณ พัทยา (2.8K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 15:24 น.] #3085230 (47/79)
หลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์ ลาดใหญ่ จ สมุทรสงคราม

โดยคุณ elec_sichol (8.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 15:49 น.] #3085243 (48/79)
ขอบคุณข้อมูลดีๆ ครับ
สวัสดีครับพี่ใหม่

โดยคุณ Trawinkr (2.9K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 15:55 น.] #3085247 (49/79)


(N)
หลวงปู่ธรรมรังษี " ท่านเจ้าคุณสองแผ่นดิน "

วัดพระพุทธบาทพนมดิน อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
หลวงปู่ธรรมรังษี “ พระมงคงรังษี ” มีนามเดิมว่า นายสุวัฒน์ เซ็ง เกิดเมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๔๖๒ ณ ตำบลเกีย อำเภอโมงฤษี (อำเภอโมงรือแซ็ย ในปัจจุบัน) จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เมื่อปฐมวัยได้ศึกษาจนจบการศึกษาภาคบังคับ (เทียบเท่าชั้น ป.๔ ของไทย) เมื่ออายุได้ ๑๔ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ๑ พรรษา แล้วลาสิกขาออกมาช่วยบิดา-มารดา ทำงานจนอายุครบ ๒o ปี บริบูรณ์ จึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๘๑ ณ วัดเวฬุวนาราม ตำบลเกีย อำเภอโมงรือแซ็ย จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา โดยมีพระสุวัณณเถระเป็นพระอุปัชฌาย์ พระสุวัณณปัญโญเป็นพระกัมวาจาจารย์ พระจันทัตตเถระเป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาธรรมว่า “ ธรรมรังษี ” หลวง ปู่ธรรมรังษีเป็นพระที่มีใจใฝ่ปฏิบัติสมาธิภาวนา และกรรมฐาน ได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานควบคู่กับการศึกษาพระเวทวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ หลายรูปในประเทศกัมพูชาตลอด ๓๕ พรรษา จนมีวิชาแก่กล้าแตกฉานและเชี่ยวชาญหลายแขนงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน และจังหวัดใกล้เคียงในประเทศกัมพูชาในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ในขณะนั้นหลวงปู่ได้รับสมณศักดิ์ เป็น “ พระครูธรรมรังษี “ เป็นเจ้าคณะอำเภอโมงรือแซ็ย

เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘ ขณะที่สงครามกลางเมืองในประเทศกัมพูชาร้อนระอุถึงขั้นวิกฤตนั้น หลวงปู่ธรรมรังษีในฐานะทายาทผู้สืบต่ออายุพระพุทธศาสนาตกอยู่ในฝ่ายตรงข้าม เขมรแดง เนื่องจากวัดวาอารามในจังหวัดใกล้เคียงจังหวัดพระตะบอง ถูกทำลายเสียหายและถูกยึดเป็นค่ายทหาร พระสงฆ์องค์ใดไม่อ่อนน้อมยอมลาสิกขาเข้าเป็นพวกจะถูกทรมานถึงชีวิต ที่หนีรอดก็กระจัดกระจายไม่ทราบชะตากรรม

คืนวันหนึ่ง ในขณะที่หลวงปู่ท่านนั่งเจริญสมาธิภาวนาในกลางดึกสงัด เกิดนิมิตทางหู ได้ยินเสียงประกาศกึกก้องมาแต่ไกล และใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ท่านยังคงนั่งนิ่งดำรงสติมั่น และเกิดภาพนิมิตเบื้องหน้าปรากฏชัดเจน คือองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของชาวไทย เสด็จยืนอยู่ใต้ร่มโพธิ์ใหญ่ มีข้าราชบริพารนั่งคุกเข่าเฝ้าถวายความเคารพอยู่เนืองแน่น หลวงปู่ท่านเพ่งมองภาพนั้นอยู่นานจนกระทั่งเลือนหายไป ภาพดังกล่าวยังคงติดตาหลวงปู่ธรรมรังษีมาโดยตลอด วันรุ่งขึ้นหลวงปู่ท่านได้เล่ามงคลนิมิตให้บรรดาญาติโยมและพระลูกวัดฟัง และเอ่ยบอกว่าประเทศไทยนี้ปลอดภัยที่สุด เพราะอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารพระบารมีองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะพาญาติโยมและพระลูกวัดทั้งหลายอพยพหนีร้อนมาพึ่งเย็น ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วจากนั้นหลวงปู่จึงพาคณะและพระ ๔ รูป เดินทางเช้าตรู่ วันที่ ๑o เมษายน ๒๕๑๘ คล้อยหลังเพียงหนึ่งวันอำเภอโมงรือแซ็ย ได้ถูกเขมรแดงยึดไว้ได้ใน วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๑๘


หลวงปู่ธรรมรังษีและคณะใช้เวลาเดินทางธุดงค์มา ๕ วัน จนถึงด่านปอยเปต อยู่ติดกับชายแดน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เข้าพำนักที่วัดป่าเลไลย์เพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทย ในที่สุดก็ได้รับการอนุญาตจากทางการไทย หลวงปู่ท่านโดยสารรถไฟจากสถานีอรัญประเทศเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เมื่อเช้า วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๑๘ หลังจากกรุงพนมเปญถูกเขมรแดงยึดได้เพียง ๑ วัน ระหว่างอยู่บนรถไฟหลวงปู่นั่งภาวนาขอพระบารมีองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่พึ่งตลอดเวลาทุกลมหายใจเข้าออก

เมื่อถึงกรุงเทพมหานคร ได้เข้าพำนักอยู่กับพระอาจารย์วิโรจน์ เจ้าอาวาสวัดราชสิงขร ซึ่งเป็นสหธรรมิกกันมาก่อน และด้วยความที่หลวงปู่ธรรมรังษีมุ่งมั่นและใฝ่ในด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน พระอาจารย์วิโรจน์จึงได้พาหลวงปู่ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเพลงวิปัสนา กรุงเทพมหานคร หลวงปู่ท่านได้ศึกษาปฏิบัติธรรมเพิ่มเติมจากสำนักวัดเพลงวิปัสสนา และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ เพราะสมัยอยู่ที่ประเทศกัมพูชานั้น หลวงปู่ธรรมรังษีท่านมุ่งเน้นเรื่องด้านวิทยาคมเป็นหลัก ในพรรษาถัดมาหลวงปู่ธรรมรังษีท่านจึงได้ปรารภกับสหธรรมิกรูปหนึ่งที่วัดเพลงวิปัสสนา ว่าการปฏิบัติสมาธิวิปัสสนาอยู่ในเมืองหลวงนั้นก้าวหน้าไปได้ช้าเพราะยังไม่สงบสงัดเพียงพอ น่าจะมีสถานที่อื่นที่จะไปบำเพ็ญเพียรให้ประสบความสำเร็จได้ สหธรรมิกรูปนั้นจึงนำพาหลวงปู่ท่านจาริกสู่ชนบทบ้านเกิดที่ อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ได้พบกับ “ พระอาจารย์สิงห์ สุธัมโม ” (พระครูภาวนาประสุต) เจ้าอาวาสวัดบ้านขี้เหล็ก ตำบลหนองบัวทอง อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของสาธุชนทั่วไปในละแวกนั้น เมื่อท่านได้พบอาจารย์สิงห์ก็รู้สึกต้องในอัธยาศัยไมตรี จึงได้พำนักอยู่ ณ วัดบ้านหนองเหล็ก ตามคำชักชวน ช่วงเวลาแห่งการได้อยู่จำพรรษา ณ วัดบ้านหนองเหล็กนี้เอง ทำให้หลวงปู่ธรรมรังษีได้มีโอกาสพบกับพระอาจารย์สายวิปัสสนาจากสำนักต่างๆ มากขึ้นได้เปิดตัวให้เป็นที่รู้จักเลื่อมใสศรัทธาของสาธุชนและเป็นที่ยอมรับ ในหมู่พระสงฆ์ที่สนใจการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นอย่างมาก

พ. ศ. ๒๕๒๑ หลวงปู่ธรรมรังษี ท่านได้รู้จักกับพระครูปลัดขาว ฐิตธมฺโม เจ้าอาวาสวัดบุญศรีมุนีกร กรุงเทพมหานคร พระครูปลัดขาวยอมรับและนับถือหลวงปู่ธรรมรังษีเป็นอย่างมาก หลวงปู่ธรรมรังษีเป็นพระนักปฏิบัติที่กอรปด้วยคุณธรรมเปลี่ยมล้น และมีอภิญญาญาณสูง จึงได้อารธนาให้หลวงปู่ธรรมรังษีร่วมเป็นพระวิปัสสนาจารย์ ในสำนักของท่านซึ่งรับฝึกปฏิบัติธรรมให้กับพระภิกษุ สามเณร และคฤหัสถ์ผู้สนใจทั่วประเทศหลวงปู่ธรรมรังษีเห็นเป็นโอกาสที่จะได้เผยแพร่ แนวทางปฏิบัติให้กว้างขวางได้มากยิ่งขึ้น จึงได้รับปากไปปฏิบัติภารกิจในช่วงที่มีการฝึกอบรมที่สำนักวัดบุญศรีมุนีกร เป็นเวลา ๒ ปี จึงกลับมาจำพรรษาอยู่กับพระครูภาวนาประสุต อีกครั้ง

พ.ศ. ๒๕๒๓ พระมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ ( พระครูภาวนาวิสุทธิญาณ ) เจ้าอาวาสวัดนิรมิตวิปัสสนา รองเจ้าคณะอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมบ้านเกิดที่อำเภอรัตนบุรี โดยการแนะนำของพระครูภาวนาประสุต หลวงปู่ธรรมรังษีจึงได้มีโอกาสธุดงค์กัมมัฏฐาน ในป่าเขาที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โดยลำพังสมดั่งที่ตั้งใจไว้ ได้มีโอกาสเพิ่มพูนบารมีให้แกร่งกล้ายิ่งขึ้นเป็นเวลาเกือบ ๓ ปี

พ.ศ. ๒๕๒๕ เจ้าคณะอำเภอคูเมือง ที่พยายามเสาะแสวงหาพระวิปัสสนาจารย์ที่มีอภิญญาญาณเพื่อไปอบรมเผยแผ่ธรรมให้กับคณะสงฆ์ในอำเภอคูเมือง จึงได้มาพบกับหลวงปู่ธรรมรังษี ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาจึงได้อาราธนาให้ท่านมาเป็นพระวิปัสสนาจารย์ดังกล่าว นับเป็นโอกาสดี และประจวบเหมาะอย่างยิ่งท่านพิจารณาเห็นว่าการปฏิบัติธรรมตามแนวทางวิปัสสนา กัมมัฏฐาน หากไม่มีการเผยแผ่ก็จะไม่สามารถสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนถาวรได้เลย เมื่อมีความคิดเห็นเช่นนี้หลวงปู่ธรรมรังษีท่านจึงรับคำอาราธนา ของท่านเจ้าคณะอำเภอคูเมือง โดยได้มาพำนักประจำที่สำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานของอำเภอคูเมือง ณ วัดบ้านปะเคียบ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ในเวลาต่อมาทั้งคณะสงฆ์ และชาวบ้านต่างได้สัมผัสและรับปฏิบัติตามแนวทางของหลวงปู่ธรรมรังษี เกิดความเลื่อมใสและศรัทธามาฝึกปฏิบัติกันไม่ขาดสาย

พ.ศ. ๒๕๒๖ ท่านพระครูประภัศร์คณารักษ์ (จันทร์ ปภัสสโร) เจ้าคณะอำเภอท่าตูมในสมัยนั้น ได้พบหลวงปู่ธรรมรังษี หลังจากรู้จักกันไม่นานท่านพระครูประภัศร์คณารักษ์จึง นิมนต์หลวงปู่ท่านไปดูสถานที่ป่าหนาทึบแห่งหนึ่งห่างจากอำเภอท่าตูมไม่ไกลนัก เมื่อหลวงปู่ธรรมรังษีได้เดินทางมาถึงดูสถานที่แห่งนี้ท่านเกิดความปิติ โสมนัสเป็นอย่างมาก หลวงปู่ได้เอ่ยว่า “ สถานที่แห่งนี้มีความคุ้นเคยกันมาก่อน “ แล้วท่านก็ยิ้มแล้วพูดอีกครั้งว่า “ ฤาษีธรรมรังษี อาตมาเป็นฤาษีพนมดิน “ หลวงปู่ธรรมรังษีจึงรับปากกับพระครูประภัศร์คณารักษ์ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะบุกเบิกสร้างป่าหนาผืนนี้ให้เป็น วัดพระพุทธบาทพนมดิน สถานที่ปฏิบัติธรรมให้รุ่งเรือง หลวงปู่ธรรมรังษีจึงได้อำลาญาติโยมชาวคูเมืองท่ามกลางความอาลัยของชาวบ้าน และจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก หลวงปู่ธรรมรังษีขอให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องชาวบ้านอำเภอคูเมืองกับพี่น้อง อำเภอท่าตูม จงอย่าได้ขาดจากกันหลวงปู่ท่านขอเป็นผู้เชื่อมโยงสายสัมพันธ์ของพี่น้องทั้งสองนี้ การจากมาของหลวงปู่ธรรมรังษีในครั้งนั้นมีภิกษุสามเณร แม่ชี พราหมณ์ และอุบาสกอุบาสิกาติดตามมาด้วยความผูกพันเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก แม้จะไม่มีกุฏิให้พักอาศัยเลยแม้สักหลัง จะมีก็เพียงผืนป่าที่มีงูและยุงมากมาย ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายเหล่านั้นเต็มใจอยู่ปรนนิบัติรับใช้ปฏิบัติธรรม ร่วมเป็นร่วมตายกันต่อไป แม้กุฏิหลวงปู่ธรรมรังษีเองท่านก็ไม่มี ในสมัยนั้นยามค่ำคืนวันหนึ่งมีสามีภรรยาวัยชราคู่หนึ่งอาศัยอยู่หมู่บ้านลุงปุง ได้เดินทางตามถนนหลัก ท่าตูม-สุรินทร์ สองข้างฝั่งเป็นป่าหนาทึบ ได้เกิดสีลำแสงสว่างจ้าสีฟ้าครามบนท้องฟ้าพุ่งลงมาสู่ป่าหนาทึบนั้น ทั้งสองจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูที่ลำแสงนั้นที่ส่องลงมา บริเวณตำแหน่งที่ลำแสงส่องลงมาจากท้องฟ้านั้นมีพระสงฆ์รูปหนึ่งนั่งสมาธิ อยู่บนแคร่ไม้ไผ่เล็กๆ อยู่ในท่ามกลางป่าหนาทึบ ไม่มีอะไรเลยนอกจากเครื่องอัฏฐะบริขารเพียงน้อยนิด จึงทราบภายหลังว่าพระสงฆ์รูปนั้นท่านมีชื่อว่า หลวงปู่ธรรมรังษี ด้วยบารมีธรรมอันแกร่งกล้า และด้วยเมตตาธรรมอันเปี่ยมล้นของหลวงปู่ธรรมรังษี สามารถทำให้วัดพระพุทธบาทพนมดินได้สำเร็จดังเจตนารมณ์ของคณะสงฆ์ ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนอำเภอท่าตูม ได้ดังที่หวังไว้หลวงปู่ธรรมรังษีท่านได้ตั้งใจอยู่พัฒนาบุกเบิกเป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐานสร้างศาลาการเปรียญ เสนาสนะและสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมจนเจริญรุ่งเรืองดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หลวงปู่ท่านได้ปรับปรุงก่อสร้างกุฏิสงฆ์ โดยมีกุฏิสงฆ์และผู้มาปฏิบัติธรรมไม่น้อยกว่า ๕o หลัง หอสวดมนต์ พระอุโบสถ รั้วคอนกรีตรอบวัด ประตูวัด บูรณปฏิสังขรณ์อาคารต่างๆ ทั้งของวัดและของส่วนราชการอีกมากมาย บริเวณวัดสะอาดเป็นระเบียบและดูร่มรื่นและสวยงาม

เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปในคนชาวสุรินทร์และจังหวัดใกล้เคียง เมื่อสงครามสงบทางการประเทศกัมพูชา ได้นิมนต์ขอให้หลวงปู่ธรรมรังษี กลับไปเป็นพระสังฆราช ประเทศกัมพูชา แต่ท่านได้ปฏิเสธไป เพราะหลวงปู่ท่านต้องการอยู่ที่ประเทศไทย และหลวงปู่ธรรมรังษีเป็นที่เลื่อมใสและศรัทธาของชาวอีสานใต้และภาคใกล้เคียง เป็นอย่างมาก หลวงปู่ธรรมรังษีท่านจึงขอรับสมณศักดิ์ทางการประเทศกัมพูชา ในพระยศสมณะศักดิ์ชั้นธรรมเพียงเท่านั้น

วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๕ หลวงปู่ธรรมรังษี เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช พระสมเด็จพระมหาสุเมธาธิบดี ที่ประเทศกัมพูชา รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นธรรม ที่ “ พระธรรมวิริยาจารย์ กัมพูชา ”

คณะสงฆ์จังหวัดสุรินทร์ โดยพระเดชพระคุณพระเทพปัญญาเมธี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ได้เกื้อกูลหลวงปู่ธรรมรังษีอันเป็นเนื้อนาบุญของจังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดใกล้เคียง จึงได้มอบความไว้วางใจให้กับหลวงปู่ธรรมรังษีเป็นพระฐานานุกรรมเจ้าคณะจังหวัด “ พระครูสังฆรักษ์ สุวัฒน์ จันทสุวัณโณ ”

วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕ เนื่องในวโรกาสอันเป็นวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดชมหาราช ด้วยความเมตตาของพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ หลวงปู่ธรรมรังษีได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตร ที่ “ พระครูมงคลธรรมวุฒิ ” โดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโน

วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๔๗ สถาบันราชภัฏสุรินทร์ ขอพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ครุศาสตร์บัณฑิต โปรแกรมวิชาจิตวิทยาและการแนะแนว ถวายแด่ พระครูมงคลธรรมวุฒิ ในปีการศึกษา ๒๕๔๖

วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๗ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ “ พระมงคลรังษี ” สร้างความปลาบปลื้มใจให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก

วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ เวลา ๒๒.๔๘ น เป็นวันที่ทุกคนต้องเศร้าสลดในการจากไปของท่านก็มาถึง หลวงปู่ท่านละสังขารด้วยโรคชรา ที่ รพ.วิชัยยุทธ ขณะเข้ามารักษาอาการอาพาธ สิริอายุ ๘๗ ปี ๖๘ พรรษา สังขารของหลวงปู่ธรรมรังษี บรรจุโลงแก้ว ในปราสาทศิลปะเขมร ณ วัดพระพุทธบาทพนมดิน อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ สังขารหลวงปู่ท่านไม่เน่าเปื่อย แม้สังขารของท่านจะดับขันธ์ไปแล้วก็ตามแต่ “ พระมงคลรังษี ” ยังคงส่องแสงรังสีธรรมแห่งมงคลอยู่ในใจของญาติโยมศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศตลอดไป

จริยาวัตร หลวงปู่ธรรมรังษีเป็นผู้มีจิตใจดี ใฝ่ร่ำเรียนอยากที่จะศึกษาเรียนรู้เรื่องการปฏิบัติจิตอยู่เสมอ นอนน้อย ฉันน้อย เคร่งครัดในการปฏิบัติ ศึกษาพระธรรมวินัยสิกขาบทเจริญกรรมฐานอย่างสม่ำเสมอ หลวงปู่ท่านจึงมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนาเป็นอย่างมาก หลวงปู่ธรรมรังษีท่านเป็นพระที่เปรียบได้ว่ามีเมตตาธรรมชั้นสูง ไม่เลือกชั้นวรรณะ คนรวย คนจน ต่ำหรือสูงศักดิ์ ให้ความเมตตาเท่าเทียมกัน หลวงปู่ธรรมรังษีท่านฉันเจ มาตลอดทั้งชีวิตของท่าน มีจริยาวัตรอันงดงาม ตลอดชีวิตหลวงปู่ท่านไม่เคยดุว่ากล่าวผู้ใดแม้ต่อหน้าหรือลับหลัง ไม่รับเงินไม่ถือเป็นของท่าน ปฏิบัติดั่งสายวัดป่าอย่างเคร่งครัด ชาวบ้านและเหล่าศิษยานุศิษย์ต่างทราบกันดี รวมถึง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโน ท่านมีความเคารพและศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปู่ธรรมรังษีเป็นอย่างสูง เป็นพระสุปฏิปัณโณอย่างแท้จริง

โดยคุณ kao999 (588)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 16:01 น.] #3085249 (50/79)
หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม ด้วยไหมครับ จำได้ว่าเคยไปไหว้สังขารท่านครับ

โดยคุณ gotton (1.1K)(1)   [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 16:20 น.] #3085262 (51/79)

โดยคุณ จตุรเทพพรชัย (3.6K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 16:43 น.] #3085279 (52/79)
ยังมีเพิ่มเติมครับ หลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เคยไปกราบสรีระท่านมาแล้วครับ
อีกองค์จำชื่อหลวงพ่อไม่ได้แล้วใครทราบ บอกหน่อยครับผมไปเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วครับ วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูนครับ

โดยคุณ Boonjan (1K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 17:14 น.] #3085292 (53/79)
ลป.กาหลง เขาแหลม

โดยคุณ BankHiWay (7.7K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 17:42 น.] #3085313 (54/79)


(N)
เยี่ยมมากครับ^^

ขอบคุณมากครับพี่ใหม่สำหรับข้อมูลดีดี

โดยคุณ olympia (4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 18:07 น.] #3085322 (55/79)


(N)


หลวงพ่อชด วัดซับข่อย ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์

มากราบสังขารหลวงพ่อทบ ที่วัดช้างเผือก แล้วเลยมากราบสังขารหลวงพ่อชด วัดซับข่อย อีกท่านนะครับ วัดห่างกัน 2 โล เอง

โดยคุณ มงคลรัชดา (4.3K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 18:25 น.] #3085339 (56/79)
หลวงปู่จันทร์ วัดทุ้งเฟือ นครศรีธรรมราช อาจารยและเพือนขุนพัน ร่างในโลงแก้ว

โดยคุณ ตนสีลม (899)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 18:26 น.] #3085342 (57/79)


(N)


ขออนุญาติ พี่ผู้จัดการครับ ขอลงด้วยครับ


ประวัติตำบลพนมเศษ
เมื่อประมาณ 1,500 ปีผ่านมา มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ท้าวโคบุตรเจ้าเมืองเกาะแก้วพิสดาร(ภูเก็ต) ได้แผ่อาณาเขตมาทางทิศเหนือจนถึงเมืองปากน้ำโผล่หรือปากน้ำโพในปัจจุบัน เห็นทำเลทางด้านทิศตะวันออกของเมือง มีภูเขาลูกหนึ่งตั้งอยู่กลางป่าทึบเพียงลูกเดียวโดดเดี่ยวตระหง่านจึงดั้นด้นเดินทางมาพัก
ที่เขาลูกนั้นทันทีที่พบเห็นบริเวณทั่วไปของภูเขาจึงพบว่ารอบ ๆ ภูเขามีหนองน้ำเป็นบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลล้อมรอบภูเขามีพืชพันธุ์ธัญญาหาร ต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมอย่างหนาแน่น มีบรรดาสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้าง,เสือ,เก้ง,ชะนี,กวาง,ลิงและป่า อาศัยอยู่มากมาย อุดมไปด้วยสัตว์นานาชนิดจึงตัดสินใจนอนพักค้างคืนที่บนยอดเขาที่มีลานหินราบใหญ่น้อยเรียงรายอยู่ ตกดึกจึงนิมิตไปว่ามีเทวดาองค์หนึ่งมาบอกให้ดูแลรักษารอยพระพุทธบาทที่บรรจุไว้ในถ้ำตรงบริเวณหน้าเขาในถ้ำนั้นจะพบงูใหญ่คอยดูแลอยู่ก่อนแล้ว ท้าวโคบุตรตกใจตื่น รีบปรึกษากับบริวารที่ติดตามมาและพบว่าในรุ่งสางของช่วงพระอาทิตย์ขึ้นขอบฟ้าช่างมองดูงดงามยิ่งนัก
หลังจากนั้นก็พาบริวารทั้งหลายออกสำรวจการทั้งวันทั้งคืน ทั้งในถ้ำและนอกถ้ำ บริเวณในถ้ำท้าวโคบุตรได้พบงูจงอาง งูหลาม งูเหลือม และงูอื่น ๆ อีกมากมายนอกเรียงรายอยู่ล้อมรอบรอยพระพุทธบาท ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ แก้วแหวนเงินทองมากมาย พอตกกลางคืนท้าวโคบุตรจึงนิมิตทุกครั้ง เหมือนเทวดาจะบอกให้ท้าวโคบุตรรับรู้ความเป็นไปทั้งหมดในภูเขาลูกนั้น ในคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เวลาประมาณเที่ยงคืนจะได้ยินเสียงมโหรีขับกล่อมอย่างไพเราะตลอดคืนและท้าวโคบุตรได้นิมิตไปว่า ท้าวสัมปอกงและเหล่าบริวารแห่งเมืองจีนได้ล่องเรือมาและเสี่ยงสัตย์อธิฐานว่า ถ้าเรือไปเกยที่เกาะใดก็จะอยู่ที่นั่นตลอดไป บังเอิญเรือได้มาเกยตื้นที่ภูเขาลูกนี้ท้าวสัมปอกงจึงตั้งหลักปักฐานอยู่ที่ภูเขาลูกนี้และได้พัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เป็นอนุสรณ์สถานสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป โดยตั้งชื่อตัวเองว่า”ท้าวกฤษดา”และตั้งชื่อภูเขาลูกนั้นว่า”เขาพนมสัตย์” ตั้งแต่นั้นมา



เรื่องเล่าต่าง ๆ นี้ ได้สืบทอดกันมาเป็นพันปีสภาพต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงกันไปตามกาลเวลาหลายชั่วอายุคน จากสภาพก่อนเคยมีการก่อสร้างพระเจดีย์โดยเทพธิดาเงิน และเทพธิดาทอง ซึ่งเป็นพระธิดาของเจ้าแม่สไบแพรทั้งสองพระองค์ได้ทรงสร้างพระเจดีย์ไว้เป็นที่สักการะองค์พระเจดีย์มีความสวยงามมากแต่ก็ทรุดโทรมในเวลาต่อมา หลังจากนั้นการปกครองก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สมัยพระเจ้าแพร หรือแพรดำ เจ้าแม่หมอนทองแห่เกาะขี้เหล็กซึ่งอยู่บริเวณใกล้กับภูเขาลูกนี้ ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ บนภูเขาลูกนี้ก็มรการแย่งชิงกันเป็นเจ้าของแต่ทุกคนก็ไม่สามารถนำติดตัวออกไปได้ โดยที่ทรัพย์สมบิติเหล่านั้นมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีโจรนำเรือที่บรรทุกสมบัติที่ปล้นได้มาเกยที่เขาพนมสัตย์และได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่ถ้ำแห่งนี้จำนวนมากมาย

ปัจจุบันถ้ำในภูเขาลูกนี้ได้ถูกคำสาบปิดอย่างถาวรไม่เคยมีใครได้พบเห็นอีกต่อไป เมื่อสมัยก่อนจะมีทางขึ้นไปบนเขาเพื่อเข้าถ้ำแห่งนี้ซึ่งเรียกว่า “บันไดหิน” (หรือบริเวณหมู่บ้านหนองกระไดหินแถว ๆ วัดพนมเศษในปัจจุบัน) เคยมีคนหลงเดินตามบันไดขึ้นไป ข้าง ๆ จะมีต้นกระชายดำเมื่อขุดหัวขึ้นมาต้นกระชายดำจะเปลี่ยนเป็นทองทันที แต่ก็ไม่สามารถนำติดตัวมาได้เพราะเป็นของวิเศษที่ต้องคำสาบไว้

หลายร้อยปีผ่านมาเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ได้เลือนหายไปนานจนมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งรักกันมากอยู่ในเขตปากน้ำโผล่หรือปากน้ำโพในปัจจุบันซึ่งเป็นบุตรและธิดาของเจ้าเมืองในละแวกนั้น จึงคิดพิธีการแต่งงานเพื่อให้ชาวเมืองได้เลื่องลือกันไปทั่ว ในงานแต่งงานครั้งนั้นได้จัดทำอาหารเลี้ยงชาวบ้านมากมายที่ เขาโรงครัว (ปัจจุบันคือเขาโรงครัว ริมสะพานเดชา) แต่ก่อนที่จะมีการทำอาหารได้มีการขูดมะพร้าวที่ เขากะลา จากนั้นจึงมาแต่งงานกันที่ เขาพนมสัตย์ ซึ่งหลังแต่งงานได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น เขาอภิเษก และต่อมาได้เรียกเพี้ยนกันไปเป็น เขาพนมเศษ จนถึงปัจจุบัน

โดยคุณ ตนสีลม (899)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 18:27 น.] #3085343 (58/79)
(ประวัติหลวงปู่สำเภา สุชาโตภิกขุ)
ตามคำบอกเล่าชองลูกศิษย์หลวงปู่สำเภา สุชาโต เมื่อปี 2509 หลวงปู่ได้ธุดงค์มาตามหาเขาที่ท่านได้เห็นในนิมิต จนมาเจอเขาพนมเศษที่ถูกต้องตามนิมิต ท่านได้ขึ้นมาปฏิบัติกรรมฐานอยู่บนยอดเขา เป็นเวลา 2 ปี จนถึงปี 2511 ท่านก็ได้เริ่มพัฒนาปรับภูมิทัศน์ ญาติโยมได้ทำกระต๊อบหญ้าแฝก ถวายให้เป็นเสนาสนะแก่หลวงปู่ ในสมัยนั้นญาติโยมได้หาบน้ำมาถวายหลวงปู่ไว้ใช้ เพราะบนเขาไม่มีตาน้ำ ส่วนสาเหตุที่หลวงปู่มาตามหาเขาในนิมิตก็เพราะท่านได้พระธาตุมาจำนวนหนึ่งท่านมีความประสงค์จะบรรจุในเจดีย์ เมื่อมาถึงภูเขาแห่งนี้ท่านก็ได้พบเจดีย์โบราณ รูปทรงดอกบัวบานเป็นที่น่าประหลาดใจ แล้วท่านก็พบรอยพระพุทธบาท ท่านจึงมีดำริจะสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ครอบเพื่อที่จะนำพระธาตุบรรจุไว้เจดีย์ด้วย การก่อสร้างพระธาตุเจดีย์ท่านใช้เวลาถึง 8 ปี เนื่องจากเป็นการทำงานที่ลำบากมาก วัสดุทุกอย่างต้องใช้คนแบกหามขึ้นภูเขา ดิน หิน ปูน ทราย เหล็ก แม้แต่น้ำผสมปูนก็ต้องหาบระยะทางจากตีนเขาถึงยอดเขา 1,580 เมตร แต่ด้วยความศรัทธาที่ญาติโยมมีต่อหลวงปู่ ทุกคนต่างก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค์ ในการทำงาน หลวงปู่ได้เริ่มสร้างโรงครัว และแท้งน้ำก่อน เพื่อสะสมน้ำฝนไว้เพื่อผสมปูนสร้างเจดีย์ งานบางอย่างท่านก็ลงมือทำด้วยตัวท่านเอง กว่าจะปรับหินให้เรียบได้แล้วนำมาเรียงเป็นฐานก็ร่วม 4 ปี เป็นการทำงานที่ลำบากและต้องใช้ความอดทนค่อนข้างสูง และแล้วในปี 2518 ทุกอย่างที่ผ่านมาในการพิสูจน์ความอดทน และความลำบาก ด้วยความสามัคคีของญาติโยม และแล้วแรงศรัทธาต่อหลวงปู่ ทุกอย่างก็สำเร็จเจดีย์องค์ใหม่ก็ได้สำเร็จในปีที่ 8 นั่นเอง ในสมัยนั้นญาติโยมจากทุกสารทิศได้หลั่งไหลขึ้นมาหลวงปู่ไม่ขาดสายด้วยท่านได้ช่วยเหลือญาติโยมในหลายๆด้านท่านจะต้มยาไว้เสมอเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บแม้แต่กระดูกหักท่านก็ต่อให้ ส่วนในด้านวัตถุมงคลนั้นบุคคลในพื้นที่ทราบกันดีท่านไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพระเกจิรูปอื่นๆในยุคสมัยนั้นได้เข้าร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่ตลอด สมัยนั้น พ.ศ 2512 ตะกรุดท่านราคาทำบุญ 100บาท ถือว่าสูงมากในสมัยนั้นแต่ก็ไม่เคยพอต่อความต้องการของญาติโยมประสบการณ์แคล้วคลาดค้าขายเมตตาล้วนเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้ที่ได้บูชา หลวงปู่ท่านรักลิงท่านได้หุงหาอาหารเลี้ยงทุกวันอย่างไม่ขาด จนมาถึงปั้นปลายชีวิตหลวงปู่ได้อาพาธด้วยโรคเบาหวานประกอบกับที่ท่านทำงานหนักด้วยปณิธานที่ท่านทำต่อสาธารณะประโยชน์ อาทิเช่น สร้างเจดีย์ สร้างกุฏิ สร้างแท้งน้ำไว้ให้กับพระรุ่นหลัง ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2525หลวงปู่สำเภาสุชาโต ท่านได้ละสังขารไปอย่างสงบ ท่านได้กระทำกิจอันสมควรในวิถีของพระอริยะแล้วตลอดเวลาท่านได้สั่งสอนให้ทุกคนเป็นคนดียึดมั่นในองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสรณะหลังจากนั้นญาติโยมได้นำสรีระสังขารหลวงปู่ขึ้นมาไว้บนเขาพนมเศษ ญาติโยมได้หลั่งไหลมาอย่างมืดฟ้ามัวดินได้นำสรีระสังขารหลวงปู่มาก่อปูนโบกปิดไว้ 3 ปี พอปีที่ 3 วิหารที่สร้างไว้เตรียมบรรจุสรีระหลวงปู่ก็เสร็จ กรรมการจึงได้มาปรึกษากันว่าจะนำสรีระท่านประดิษฐานไว้ที่วิหารแล้วเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ก็เกิดอีกครั้งหลังจากที่ทุบปูนเพื่อจะนำสรีระหลวงปู่ใส่โรงแก้วร่างกายของหลวงปู่ยังเป็นปกติมีเนื้อหนังเหมือนปกติเส้นผมยาวเล็บงอกเหมือนเพียงแค่ท่านหลับตามือแขนอ่อนจับวางได้เหมือนว่าท่านยังมีชีวิต เป็นที่กล่าวขานมาร่วม 30 ปี ที่สังขารท่านไม่เน่าไม่เปื่อยแต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าเห็นได้ชัดเจนคือคุณงามความดีที่ท่านทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังดูว่าท่านมาอยู่บนเขานี้เพื่ออะไรท่านเหนื่อยกับการสร้างเพื่อใคร ท่านใดได้เคยมาลองสังเกตทางเดินที่ท่านเดินทุกย่างก้าวหินทุกก้อนล้วนมีอดีตที่สร้างจากมอของมนุษย์จากความศรัทธา “””สิ่งนี้แหละที่ท่านทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์เป็นคำสอนให้เรามองเวลาท้อว่าไม่มีอะไรที่จะได้มาง่ายๆอิฐทุกก้อนมีคำสอนและความศรัทธาของญาติโยมที่พร้อมใจกันศรัทธาของญาติโยมที่พร้อมใจกันสร้างถวายเพื่อเป็นพุทธบูชา หลวงปู่สำเภาสุชาโตได้ละสังขารเมื่อสิริอายุ 84 ในวันที่ 16 พฤศจิกายน2525

โดยคุณ what-is-it (1.3K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 18:33 น.] #3085347 (59/79)
เยี่ยมครับ ..

โดยคุณ khaiegg (2.7K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 19:39 น.] #3085388 (60/79)
ยอดเยี่ยมครับ

โดยคุณ somkit (515)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 19:49 น.] #3085402 (61/79)
ขอบพระคุณท่านมากครับเป็นประโยนณ์มากๆเลยครับ

โดยคุณ ohobangkok (1)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 19:51 น.] #3085403 (62/79)


(N)


หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ กราบนมัสการหลวงพ่อห้อม วัดคูหาสุวรรณ จ.สุโขทัย และในภาพที่ใส่แว่นคือหลวงปู่โถม วัดธรรมปัญญาราม จ.สุโขทัย

โดยคุณ พรวีชอ (2.6K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 19:53 น.] #3085407 (63/79)
ข้อมูลยอดเยี่ยมมาก ๆ ครับ

โดยคุณ ขวัญแก้ว (566)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 19:55 น.] #3085410 (64/79)


(N)
ยอดเยี่ยมมากมากครับ

โดยคุณ promnt (375)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 20:00 น.] #3085414 (65/79)

โดยคุณ master_t (797)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 20:02 น.] #3085417 (66/79)
สุดยอดครับ

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 20:09 น.] #3085430 (67/79)
up date เพิ่มเติมจากเพื่อนสมาชิกครับ

1. หลวงพ่อครึ้ม วัดคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
2. หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม วัดป่าวิทยาลัย ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เป็นอุปัชฌาย์
3. หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม จ.กาญจนบุรี
4. หลวงพ่อเพชร วัดบ้านกรับ จ.กาญจนบุรี
5. หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา
6. หลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฎร์บำรุง บางซื่อ กทม
7. หลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี
8. หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปัตตานี
9. หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน มีนบุรี กรุงเทพ
10.หลวงปู่นาค วัดแหลมสน ต.ปากน้ำ อ.หลังสวน จ.ชุมพร
11.หลวงปู่ขำ วัดประสาทนิกร อ.หลังสวน จ.ชุมพร
12.พระราชพฤฒาจารย์ หลวงพ่อห้อม อมโร วัดคูหาสุวรรณ จ.สุโขทัย
13.หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้ นครสวรรค์
14.หลวงพ่อภุชงค์ วัดวาลุการาม จ.สุโขทัย
15.หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส อ.ขลุง จ.จันทบุรี
16.หลวงพ่อห้อม อมโร จ.สุโขทัย
17.หลวงพ่อภุชงค์ จ.สุโขทัย
18.หลวงปู่โถม จ.สุโขทัย
19.หลวงพ่อประเสริฐ จ.สุโขทัย
20.หลวงพ่อเจริญ วัดตาลานใต้ อยุธยา
21.หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา
22.หลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์ ลาดใหญ่ จ สมุทรสงคราม
23.หลวงปู่ธรรมรังษี " ท่านเจ้าคุณสองแผ่นดิน " วัดพระพุทธบาทพนมดิน อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
24.หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม
25.หลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
26.ลป.กาหลง วัดเขาแหลม จ.สระแก้ว
27.หลวงพ่อชด วัดซับข่อย ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
28.หลวงปู่จันทร์ วัดทุ้งเฟือ นครศรีธรรมราช
29.หลวงพ่อสำเภา (สุชาโตภิกขุ) เขาพนมเศษ จ.นครสวรรค์

ยอดเยี่ยมครับ ขอบคุณมากๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อ่านแล้วเพลินเลยครับ ผมว่ายังมีมากกว่านี้อีกเยอะครับ พระเกจิเก่งๆในส่วนภูมิภาค แต่ขาดการประชาสัมพันธ์ในส่วนกลาง ถ้ามีเพิ่มเติมนำมาลงให้เพื่อนๆสมาชิกได้รับทราบกันครับ

ขอบคุณมากครับ....

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 20:11 น.] #3085434 (68/79)
ภาพบางภาพหาชมได้ยากจริงๆครับ ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่นำมาแบ่งปันกันครับ


โดยคุณ nimrod (1.8K)(1)   [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 20:16 น.] #3085440 (69/79)


(N)
หลวงพ่อสมภพ เตชปุญโญ (หลวงพ่อสาลีโข) พุทธอุทยานธรรมโกศล
ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้วจ.ปทุมธานี ด้วยครับ

โดยคุณ boonbank (1.5K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 21:24 น.] #3085525 (70/79)
สายภาคกลาง
หลวงปู่ธูป วัดแค นางเลิ้ง ครับ ไม่เน่าแน่นอน

โดยคุณ Nicha-Malee (1.3K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 22:05 น.] #3085587 (71/79)


(N)
ผมพึ่งไปกราบ หลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ศิษผู้สืบสายวิชาจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อีกองค์ครับ กราบหลวงปู่อีกครั้งครับ

โดยคุณ แมนพระเครื่อง (1.4K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 22:25 น.] #3085630 (72/79)
ปัตตานี อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย

โดยคุณ ตระกูลทอง (1.8K)  [ศ. 15 พ.ย. 2556 - 22:26 น.] #3085636 (73/79)


(N)
พระครูภัทรกิจวิบูล ( หลวงพ่อก้าน ) วัดห้วยใหญ่ อ. บางละมุง ชลบุรี

พระครูเมตตาธิการี ( หลวงพ่อนิยม กนฺตจาโร ) วัดนาลิกวนาราม ( ตะเคียนเตี้ย ) อ. บางละมุง ชลบุรี สหธรรมิกกับหลวงพ่อสาครที่มีความสนิทสนมชิดเชี้อกันเป็นอย่างมาก

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ส. 16 พ.ย. 2556 - 09:04 น.] #3086025 (74/79)
up date เพิ่มเติมจากเพื่อนสมาชิกครับ

1. หลวงพ่อครึ้ม วัดคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
2. หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม วัดป่าวิทยาลัย ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เป็นอุปัชฌาย์
3. หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม จ.กาญจนบุรี
4. หลวงพ่อเพชร วัดบ้านกรับ จ.กาญจนบุรี
5. หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา
6. หลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฎร์บำรุง บางซื่อ กทม
7. หลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี
8. หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปัตตานี
9. หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน มีนบุรี กรุงเทพ
10.หลวงปู่นาค วัดแหลมสน ต.ปากน้ำ อ.หลังสวน จ.ชุมพร
11.หลวงปู่ขำ วัดประสาทนิกร อ.หลังสวน จ.ชุมพร
12.พระราชพฤฒาจารย์ หลวงพ่อห้อม อมโร วัดคูหาสุวรรณ จ.สุโขทัย
13.หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้ นครสวรรค์
14.หลวงพ่อภุชงค์ วัดวาลุการาม จ.สุโขทัย
15.หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส อ.ขลุง จ.จันทบุรี
16.หลวงพ่อห้อม อมโร จ.สุโขทัย
17.หลวงพ่อภุชงค์ จ.สุโขทัย
18.หลวงปู่โถม จ.สุโขทัย
19.หลวงพ่อประเสริฐ จ.สุโขทัย
20.หลวงพ่อเจริญ วัดตาลานใต้ อยุธยา
21.หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา
22.หลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์ ลาดใหญ่ จ สมุทรสงคราม
23.หลวงปู่ธรรมรังษี " ท่านเจ้าคุณสองแผ่นดิน " วัดพระพุทธบาทพนมดิน อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
24.หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม
25.หลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
26.ลป.กาหลง วัดเขาแหลม จ.สระแก้ว
27.หลวงพ่อชด วัดซับข่อย ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
28.หลวงปู่จันทร์ วัดทุ้งเฟือ นครศรีธรรมราช
29.หลวงพ่อสำเภา (สุชาโตภิกขุ) เขาพนมเศษ จ.นครสวรรค์
30.หลวงพ่อสมภพ เตชปุญโญ (หลวงพ่อสาลีโข) พุทธอุทยานธรรมโกศล ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้วจ.ปทุมธานี
31.หลวงปู่ธูป วัดแค นางเลิ้ง
32.หลวงปู่สาย วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
33.อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ปัตตานี
34.พระครูภัทรกิจวิบูล (หลวงพ่อก้าน) วัดห้วยใหญ่ อ. บางละมุง ชลบุรี
35.พระครูเมตตาธิการี (หลวงพ่อนิยม กนฺตจาโร) วัดนาลิกวนาราม (ตะเคียนเตี้ย) อ. บางละมุง ชลบุรี

ขอบคุณมากครับ..


โดยคุณ katai (0)  [ส. 16 พ.ย. 2556 - 11:41 น.] #3086157 (75/79)


(N)


หลวงพ่อพยุง วัดบัลลังก์ อ.หนองหญ้าไซร์ จ.สุพรรณบุรี

โดยคุณ vodovodo (470)  [ส. 16 พ.ย. 2556 - 17:46 น.] #3086420 (76/79)
หลวงปู่รอด วัดสันติกาวาส จ.พิษณุโลก ลูกศิษย์องค์ท้ายๆ ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์

ผมไม่แน่ใจว่าเก็บสรีระในโรงแก้ว หรือ พระราชทานเพลิง ต้องรอผู้รู้มาตอบ

โดยคุณ Treasure (288)  [ส. 16 พ.ย. 2556 - 18:10 น.] #3086433 (77/79)
ไม่แน่ใจ. ลพ เนื่อง วัดจุฬามณี กับ ลพ สุด วัดกาหลง ด้วยมั้ยครับ

โดยคุณ nsamrong (69)  [ส. 16 พ.ย. 2556 - 19:00 น.] #3086479 (78/79)


(N)
ขออนุญาติ>>>>เพิ่มเติม กรุงเทพฯ อีกหนึ่งองค์ครับ
>>>หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด<<<

โดยคุณ exodus (266)(3)   [ส. 28 มิ.ย. 2557 - 21:45 น.] #3380325 (79/79)


(N)


เพิ่มเติมพระอริยสงฆ์ จังหวัดพิจิตรครับ

หลวงปู่ทวี วัดโรงช้างครับ
หลวงพ่อทวี นามสกุลเดิมว่า ส่งศรี ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ ตรงกับวันอังคาร แรม ฅ คา เดือน ๑๑ ปีกุน ณ บ้านโรงช้าง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร บิดาชื่อหมื่นคชคามสถิต มารดาซื่อ นางทองเพียะ หลวงพ่อมีพี่น้องร่วมสายโลหิตด้วยกันทั้งหมด ๑๐ คนเป็นชายทั้งสิ้น หลวงพ่อเป็นบุตรคนที่ ๕

เมื่อวัยเด็กได้บวชเป็นสามเณรได้ศึกษาภาษาขอมจนอ่านออกเขียนได้ ต่อมาหลวงพ่อได้อุปสมบทเมื่ออายุ ครบ ๒๑ ปี ตรงกับวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๔๗๔ เวลา ๑๐.๑๘ น.ณ วัดโรงช้าง โดยมีพระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิจิตรคิลคุณเป็นกรรมวาจาจารย์และพระธรรมธรพุกเป็นอนุสาวนาจารย์
เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงพ่อได้ไปศึกษาเล่าเรียนที่วัดเซตุพนฯ กรุงเทพ ฯ ได้ไปอยู่กับสมเด็จพระพุฒาจารย์(เย้ม) เมื่อได้ศึกษาเล่าเรียนจนมีความรู้แตกฉานแล้วก็ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นพระพิธีธรรมประจำวัดเซตุพนฯ (วัดโพธิ์)ตำแหน่งนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างมาก หลวงพ่อจะต้องทำงานเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมต่าง ๆ ทั้งในวัดและ นอกวัด ด้วยการทำงานที่คลุกคลีนี่เองทำให้หลวงพ่อทวีมีความรู้และประสบการณ์เป็นอย่างดี นอกจากนี้หลวงพ่อยัง ได้เป็นศิษย์ร่วมกับเจ้าคุณพระมงคลทิพย์มุนี (เมี้ยน)
เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงพ่อก็ได้ศึกษาเล่าเรียนด้วยความวิริยะ อุตสาหะ(จากหนังสือสุทธิ หน้า ๒๐-๒๒) ได้ลงหลักฐานไว้ดังนี้
พ.ศ. ๒๔๗๘ สอบได้นักธรรมตรี ได้ในสนามหลวงวัดพระเซตุพน ฯ อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร
พ.ศ. ๒๔๗๙ ลอบได้นักธรรมชั้นโท ได้ในสนามหลวงวัดพระเซตุพน ฯ สำนักเรียนวัดพระเซตุพน ฯ อำเภอ พระนคร จังหวัดพระนคร
พ.ศ. ๒๔๘๗ สอบได้นักธรรมชั้นเอก ได้ในสนามหลวง คณะจังหวัดพิจิตร สำนักเรียน วัดโรงช้าง อำ๓อ เมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร
พ.ศ. ๒๔๘๕ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ตราตั้งที่ ๕๖/๒๔๘๕ ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๔๘๕
พ.ศ. ๒๔๘๗ เป็นกรรมการตรวจประโยคธรรมสนามหลวง ชั้นตรี ตราตั้งที่ ฅ๖๔/๒๔๘๗ ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๔๘๗
พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็นเจ้าอาวาสวัดโรงช้าง เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๘ และในปีนี่กใต้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะตำบลเมืองเก่า ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๘ อีกตำแหน่งหนึ่ง
พ.ค. ๒๔๘๙ เป็นพระอุปัชฌายะ ตราตั้งที่ ๑๐๑/๒๔๘๙ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๔๘๙
พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นศึกษาธิการอำเภอเมืองพิจิตรตราตั้งที่ ถ/๒๔๙ฅ ลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙ฅ
พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูพิลาศธรรมกิตต์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๕
พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นกรรมการตรวจสนามหลวง รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๔๙๘
พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้รับแต่งตั้ง ตำแหน่งพระครู เทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระรามหลวงชั้นเอก เป็นชั้นพิเศษ นอกจากนี้ท่านยังได้ดำเนินงานด้านสาธารณูปการอีกมากได้แก่
๑. ได้ทำการสอนนักธรรม ประจำสำนักเรียนวัดโรงช้าง ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๕ มืนักเรียนสอบนักธรรมตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอก ได้ในสำนักเรียนตลอดมา
๒. เมื่อหลวงพ่อได้รับการแต่งตงเป็นเจ้าอาวาสแล้ว หลวงพ่อได้เริ่มก่อลร้างและซ่อมแขมวัดโรงช้าง ดังนี่ ๒.๑ ได้ทำการก่อสร้างและต่อเติมศาลาที่สร้างด้างไว้จนเป็นที่สำเร็จเรียบร้อย เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๘เสร็จเมื่อ ๒๔๙ฅ
๒.๒ ได้จัดย้ายกุฏิและจัดสร้างกุฏิ ให้เป็นแผนผังและเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมาะสมตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๔- ๒๔๙๕ ๒๒๕

ขอกราบนมัสการหลวงปู่ครับ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5