ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : แม่เล่าให้ฟังว่า ยายชอบทำบุญทอดกฐินมาก และ งานบุญทอกกฐินปีนี้พี่น้องชาวจีเราได้ทำบุญร่วมกันครับ



(N)


ผมติดงานต้องมาทำงานที่เกาะสมุยพอดี
เลยไม่สามารถไปร่วมงานทอดกฐิน วันนี้ได้
งานกฐินวัดเกาะลอย ประแสร์ แกลง
ที่ผมมาบอกบุญ พ่อแม่พี่น้อง ในเวป G นี้
เงินจากซองกฐิน รวมๆกัน ได้ สี่หมื่นกว่า
เพื่อนรายงานว่า เงินกฐินปีนี้ได้ ล้านกว่า บาท
พวกเราถือว่าเป็นส่วนหนึ่งครับ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

โดยคุณ เดี่ยวไร่ส้ม (20.5K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:22 น.]



โดยคุณ เดี่ยวไร่ส้ม (20.5K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:23 น.] #3067437 (1/29)


(N)


ชมภาพกันต่อครับ

โดยคุณ Lerm_kawilo (619)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:24 น.] #3067439 (2/29)
อนุโมทนาบุญด้วยครับ

โดยคุณ เดี่ยวไร่ส้ม (20.5K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:24 น.] #3067440 (3/29)


(N)
ชมภาพกันต่อครับ

โดยคุณ ekamulet99 (379)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:24 น.] #3067441 (4/29)


(N)

โดยคุณ เดี่ยวไร่ส้ม (20.5K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:25 น.] #3067442 (5/29)


(N)


ชมภาพกันต่อครับ

โดยคุณ เดี่ยวไร่ส้ม (20.5K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:26 น.] #3067444 (6/29)


(N)


ชมภาพกันต่อครับ

โดยคุณ ekamulet99 (379)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:28 น.] #3067449 (7/29)
อนุโมทนาบุญด้วยครับ


โดยคุณ เดี่ยวไร่ส้ม (20.5K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:31 น.] #3067453 (8/29)
https://www.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talk&No=405137

โดยคุณ tanavan (3.5K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:32 น.] #3067456 (9/29)
อนุโมทนาบุญด้วยครับ

โดยคุณ Msa7984 (257)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:36 น.] #3067461 (10/29)
อนุโมทนาสาธุๆด้วย ครับ

โดยคุณ เดี่ยวไร่ส้ม (20.5K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:38 น.] #3067466 (11/29)


(N)
ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมบุญส่งมวลสารมามากมาย
ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมบุญซองกฐิน ใส่พุ่มกฐินร่วมกัน
ตอนแรกคิดว่าเราไม่ค่อยมีเวลา ช่วยๆพี่น้อยหนองกรับเขา
แม่ยายแกเป็นเจ้าภาพกฐิน ใหนๆช่วยแล้วเอาให้จบ
เดี๋ยววันจันทร์ต้องกลับไปทำงานสมุยเกือบ 2 อาทิตย์
กลับมาวันที่ 10 เดือนหน้า เพื่อรับพระหลวงพ่อสินส่งให้ลูกค้า
คงไม่ได้ไปงานกฐิน เงินร่วมบุญของเพื่อนสมาชิกเดี๋ยวรวบรวมให้พี่เขาไปครับ เขาจะจัดพุ่มกฐินชื่อ สมาชิกเวป G-PRA
ส่วนพระหลวงปู่ทวด ศรัทธาบารมี ตอนนี้แล้วเสร็จ ขาดแต่กล่องพระ
บางส่วนที่ระยอง ใส่ซองแก้วแจกไปก่อน ที่แจกที่วัดวันที่ 2 พ.ย.น่าจะทัน ไม่ทันก็ต้องใส่ซองแก้วแจกไปก่อน
สำหรับเพื่อนสมาชิกเวป ผมจะกลับมาส่งให้หลังวันที่ 10 พ.ย.พร้อมกล่องพระนะครับ
จำนวนพระที่สร้าง
โค๊ดทองคำ 99 องค์ แจกกรรมการ
โค๊ดเงิน 1,000 องค์ ผมแจกผู้บริจาคมวลสารและผู้ทำบุญกฐินและแล้วแต่พี่เขา
โค๊ดทองแดง 3,000 องค์ แจกซองกฐินและให้วัดไว้แจกแล้วแต่ทางวัด
ผมเองกับพี่ที่ช่วยก็เก็บไว้บ้างแน่นอนครับ พระมวลสารแบบนี้ไว้ใช้ได้เลย พ่อท่านผอม เมตตาอธิฐานจิต ผมจะเอาองค์ที่ท่านจารให้ขึ้นคอครับ
งานกฐินวันที่ 2 พ.ย.ยังพอมีเวลาสำหรับท่านที่ต้องการร่วมบุญซองกฐินขอแค่วันที่ 30 ต.ค.ติดต่อผมได้ทางเมลบ็อกนะครับ

โดยคุณ เดี่ยวไร่ส้ม (20.5K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:43 น.] #3067478 (12/29)


(N)
มวลสารหลัก มรดกจากลุงวี หนองกรับ
พี่น้อย ( ลูกชายลุงวี ) นำมาเป็นมวลสาร
พระหลวงปู่ทวด ศรัทธาบารมี ครับ

สีผึ้งหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย
สีผึ้งหลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง
สีผึ้งหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
สีผึ้งหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง ( ชากกระโดน )
ผงหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง
หลวงพ่อสาครปี24
ผงจากวัดในจันทบุรี
ไม้มงคลว่านยา

โดยคุณ degdee (1.7K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:50 น.] #3067495 (13/29)

โดยคุณ uthai08 (2.5K)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 21:51 น.] #3067501 (14/29)
อนุโมทนาสาธุๆด้วย ครับ

โดยคุณ คำพันธ์ (1K)(1)   [อา. 03 พ.ย. 2556 - 22:54 น.] #3067600 (15/29)
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามะ

โดยคุณ นุซัง (696)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 23:18 น.] #3067634 (16/29)
อนุโมทนาบุญด้วยครับ

โดยคุณ conan25 (92)  [อา. 03 พ.ย. 2556 - 23:19 น.] #3067635 (17/29)
อนุโมทนาบุญ ด้วยครับสาธุ

โดยคุณ ตระกูลทอง (1.8K)  [จ. 04 พ.ย. 2556 - 06:05 น.] #3067715 (18/29)
อนุโมทนาบุญด้วยครับ

โดยคุณ JCainfo (6K)  [จ. 04 พ.ย. 2556 - 06:40 น.] #3067720 (19/29)
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับพี่เดี่ยว

โดยคุณ oncall (198)(2)   [จ. 04 พ.ย. 2556 - 07:44 น.] #3067764 (20/29)
อนุโมทนาบุญด้วยครับ

โดยคุณ บางระกำ (1.5K)  [จ. 04 พ.ย. 2556 - 08:23 น.] #3067799 (21/29)
อนุโมทนาสาธุครับ

โดยคุณ ลูกพระพรหม (2K)  [จ. 04 พ.ย. 2556 - 08:54 น.] #3067819 (22/29)
อนุโมทนาบุญด้วยครับ คุณเดี่ยว
และเพื่อนๆพี่ๆสมาชิกทุกๆท่านที่มีส่วนร่วมทอดกฐินครั้งนี้


กฐิน (บาลี: กฐิน) เป็นศัพท์ในพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นชื่อเรียกผ้าไตรจีวรที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว สามารถรับมานุ่งห่มได้ [1] โดยคำว่าการทอดกฐิน หรือการกรานกฐิน จัดเป็นสังฆกรรมประเภทหนึ่งตามพระวินัยบัญญัติเถรวาทที่มีกำหนดเวลา คือพระสงฆ์สามารถกระทำสังฆกรรมนี้ได้นับแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เท่านั้น โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ และอนุเคราะห์ภิกษุผู้ทรงคุณที่มีจีวรชำรุด1 ดังนั้นกฐินจึงจัดเป็นเรื่องเกี่ยวกับสังฆกรรมของพระสงฆ์โดยจำเพาะ ซึ่งนอกจากในพระวินัยฝ่ายเถรวาทแล้ว กฐินยังมีในฝ่ายมหายานบางนิกายอีกด้วย แต่จะมีข้อกำหนดแตกต่างจากพระวินัยเถรวาท[2]

การได้มาของผ้าไตรจีวรอันจะนำมากรานกฐินตามพระวินัยบัญญัติของเถรวาทนี้ พระพุทธองค์ไม่ทรงห้ามการรับผ้าจากผู้ศรัทธาเพื่อนำมากรานกฐิน[1] ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้เกิดทานพิธีการถวายผ้ากฐิน หรือการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนขึ้น และด้วยการที่การถวายผ้ากฐินนั้น จัดเป็นสังฆทาน คือถวายแก่คณะสงฆ์โดยไม่เจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เพื่อให้คณะสงฆ์นำผ้าไปอปโลกน์ ยกให้ แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งตามที่คณะสงฆ์ลงมติ (ญัตติทุติยกรรมวาจา) และกาลทาน ที่มีกำหนดเขตเวลาถวายแน่นอน คณะสงฆ์วัดหนึ่ง ๆ สามารถรับได้ครั้งเดียวในรอบปี จึงทำให้ประเพณีการทอดกฐินเป็นบุญประเพณีนิยมที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย

ประเพณีการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนไทยมีมาช้านาน โดยมีทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฎร์ โดยการถวายผ้าพระกฐินของพระมหากษัตริย์จัดเป็นพระราชพิธีที่สำคัญประจำปี ในปัจจุบันถวายผ้ากฐินในแง่การสนับสนุนผ้าไตรจีวรเพื่อใช้ในสังฆกรรมสำคัญของคณะสงฆ์ได้ถูกลดความสำคัญลงไป แต่กลับให้ความสำคัญกับบริวารของกฐินทานแทน เช่น เงิน หรือวัตถุสิ่งของ เพื่อนำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาถาวรวัตถุและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ซึ่งจัดเป็นสังฆทานอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน

กฐินมีกำหนดระยะเวลาถวาย จะถวายตลอดไปเหมือนผ้าชนิดอื่นมิได้ ระยะเวลานั้นมีเพียง 1 เดือน คือตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (วันเพ็ญเดือน 12) ระยะเวลานี้เรียกว่า กฐินกาล คือระยะเวลา ทอดกฐิน หรือ เทศกาลทอดกฐิน


• กฐินที่เป็นชื่อของสังฆกรรม คือกิจกรรมของสงฆ์ก็จะต้องมีการสวดประกาศขอรับความเห็นชอบจากที่ประชุมสงฆ์ ในการมอบผ้ากฐินให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เมื่อทำจีวรสำเร็จแล้วด้วยความร่วมมือของภิกษุทั้งหลายก็จะได้เป็นโอกาสให้ ได้ช่วยกันทำจีวรของภิกษุรูปอื่น ขยายเวลาทำจีวรได้อีก 4 เดือน ทั้งนี้เพราะในสมัยพุทธกาลการหาผ้า การทำจีวรทำได้โดยยาก ไม่ทรงอนุญาตให้เก็บสะสมผ้าไว้เกิน ๑๐ วัน แต่เมื่อได้ช่วยกันทำสังฆกรรมเรื่องกฐินแล้วอนุญาตให้แสวงหาผ้าและเก็บไว้ทำ เป็นจีวรได้จนตลอดฤดูหนาว คือจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4

ที่มาของประเพณีทอดกฐิน

ในสมัยพุทธกาล ภิกษุชาวเมืองปาไฐยรัฐจำนวน ๓๐ รูป เดินทางมาเฝ้าพระศาสดา แต่ไม่ทันวันเข้าพรรษา จึงจำพรรษา ณ เมืองสาเกตุในระหว่างทาง พอออกพรรษาฝนยังตกชุกอยู่ ภิกษุเหล่านั้นก็เดินทางมาเข้าเฝ้าพระศาสดาด้วยความลำบาก ระยะนั้นมีฝนตกชุก หนทางที่เดินชุ่มไปด้วยน้ำ เป็นโคลนเป็นตม ต้องบุกต้องลุยมาจนกระทั่งถึงกรุงสาวัตถี พระศาสดาตรัสถามถึงความเป็นอยู่และการเดินทาง ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลให้ทรงทราบ จากนั้นพระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาต ให้มีการถวายผ้ากฐินแก่ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาครบถ้วนไตรมาส โดยกำหนดระยะเวลา คือ นับจากวันออกพรรษาตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นระยะเวลา 1 ดือน กฐิน จึงได้ชื่อว่าเป็นกาลทาน

ความพิเศษของกฐินทาน

ในปีหนึ่ง แต่ละวัดสามารถรับกฐินได้เพียงครั้งเดียว นอกจานั้นแล้วกฐินทานก็มีความพิเศษแตกต่างจากทานอย่างอื่น ได้แก่
1. จำกัดประเภททาน คือ ต้องถวายเป็นสังฆทานเท่านั้น จะถวายเฉพาะเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเหมือนทานอย่างอื่นไม่ได้
2. จำกัดเวลา คือ ต้องถวายภายในระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันออกพรรษาเป็นต้นไป
3. จำกัดงาน คือ พระภิกษุที่กรานกฐินต้องตัด เย็บ ย้อม และครองให้เสร็จภายในวันที่กรานกฐิน
4. จำกัดไทยธรรม คือ ผ้าที่ถวายต้องถูกต้องตามลักษณะที่สงฆ์กำหนดไว้
5. จำกัดผู้รับ คือ พระภิกษุผู้รับกฐิน ต้องเป็นผู้ที่จำพรรษาในวัดนั้นโดยไม่ขาดพรรษา และมีจำนวนไม่น้อยกว่า 5 รูป
6. จำกัดคราว คือ วัดๆ หนึ่งรับกฐินได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
7. เป็นพระบรมพุทธานุญาต ทานอย่างอื่นทายกทูลขอให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาต เช่นมหาอุบาสิกาวิสาขาทูลขออนุญาตถวายผ้าอาบน้ำฝน แต่ผ้ากฐินนี้พระองค์ทรงอนุญาตเอง นับเป็นพระพุทธประสงค์โดยตรง

ประเพณีทอดกฐินในปัจจุบัน

ช่วง เช้าเหล่าอุบาสก อุบาสิกา จะเริ่มต้นเช้าอันเป็นวันมงคลด้วยการทำบุญตักบาตรพระภิกษุสามเณรที่จำพรรษา ณ อาวาสดังกล่าว ภาพพระภิกษุและสามเณรเดินเรียงรายเป็นทิวแถวด้วยอาการสงบ สีเหลืองทองของผ้ากาสาวพัสต์ต้องแสงตะวันยามเช้า สร้างเลื่อมใสศรัทธาให้เอิบอาบในใจจิตพุทธศาสนิกชนทุกคนที่ได้พบเห็นอย่าง ไม่เสื่อมคลาย

อานิสงส์จากการทำบุญทอดกฐิน

1. ทำให้เกิดมาในตระกูลที่ดี มีสัมมาทิฐิ
2. ทำให้ได้ลักษณะที่งดงามสมส่วน
3. ทำให้มีผิวพรรณงดงาม
4. ทำให้มีทรัพย์สมบัติมาก ไม่ลำบากในการแสวงหาทรัพย์
5. เมื่อละโลกแล้วย่อมไปบังเกิดในสวรรค์

ยังมีอีกมากสำหรับข้อความเกี่ยวกับกฐิน ต้องขออภัยด้วยถ้าลงรบกวนสายตาของท่านทั้งหลาย

โดยคุณ ลูกพระพรหม (2K)  [จ. 04 พ.ย. 2556 - 08:57 น.] #3067821 (23/29)
อานิสงส์ของผู้ถวายกฐินเอง
ในชาดก ซึ่งเป็นเรื่องเล่าถึงการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าในอดีตชาติ ทำให้เราเห็นภาพความสำคัญของบุญกฐินอย่างน่าอัศจรรย์ โดยกล่าวว่า อำนาจบุญกุศลที่ได้ถวายผ้ากฐิน เป็นกุศลผลบุญที่ใหญ่หลวง ผู้ถวายจะปรารถนาความสำเร็จใด ๆ ในภพชาติใหม่ ก็จะให้สำเร็จได้ดังมโนรถความปรารถนา หรือถ้าจะปรารถนาพุทธภูมิก็ดี ปัจเจกภูมิก็ดี สาวกภูมิก็ดี สาวิกาภูมิก็ดี เมื่อมีวาสนาบารมีแก่กล้าแล้วก็จะได้สำเร็จดังมโนปณิธาน หรือความปรารถนาที่ตั้งไว้
ในอติเทวราชชาดก[7] ได้เล่าเรื่องพระเจ้าจิตรราชบรมโพธิสัตว์เจ้า ทรงถวายคู่แห่งผ้าเพื่อกฐินแก่พระภิกษุสงฆ์ มีองค์พระโกณฑัญญพุทธเจ้าเป็นประธาน แล้วทรงเปล่งพระดำรัสว่า “ข้าพเจ้าขอถวายผ้ากฐินแด่พระภิกษุสงฆ์” ดังนี้ เมื่อเสร็จจากพิธีถวายผ้ากฐินแล้ว ก็ทรงประทับอยู่ ณ บนราชอาสน์อันสมควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วจึงทรงประเคนอาหารถวายพระภิกษุสงฆ์ มีองค์พระโกณฑัญญพุทธเจ้าเป็นประธาน ด้วยภัตตาหารมีรสเลิศต่าง ๆ มีข้าวยาคู เป็นต้น ในลำดับนั้น สมเด็จพระโกณฑัญญสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เสด็จประทับ ณ ท่ามกลางแห่งพระภิกษุสงฆ์ ฝ่ายพระเถรเจ้าผู้เป็นธรรมเสนาบดีชื่อว่า พระภัททานิกรรมก็ได้กรานกฐินนั้น ครั้นเสร็จจากการกรานกฐินแล้ว พระโกณฑัญญพุทธเจ้าก็เสด็จประทับในท่ามกลางพุทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
ส่วนสมเด็จพระเจ้าจิตรราชบรมจักรพรรดินั้น ก็ได้เสด็จเข้าไปสู่ที่ใกล้พระโกณฑัญญพุทธเจ้า ถวายบังคมด้วยพระเบญจางคประดิษฐ์แล้ว ได้ทรงตั้งพระราชปณิธานความปรารถนาขึ้นว่า
อิมินา กฐินทาเนน พุทฺโธ โหมิ อนาคเต
ยทา สพฺพญฺญุตปตฺโต ตารยิสฺสามิ ปาณินํ
แปลว่า “ด้วยอำนาจกฐินทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ในอนาคตกาลโน้นเถิด ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูญุตญาณเจ้าแล้วในกาลใด ก็จะรื้อขนสัตว์ให้พ้นจากสังสารวัฏฎ์ในกาลนั้น”
ครั้นจบคำอธิษฐานลง พระโกณฑัญญพุทธเจ้า จึงทรงพิจารณาดูไปในอนาคตกาล ก็ได้ทรงทราบด้วยพุทธจักษุญาณว่า ความปรารถนาของบรมกษัตริย์องค์นี้จักสำเร็จสมพระประสงค์ จึงได้ทรงพยากรณ์ว่า ในที่สุดแห่ง ๓ อสงไขยแสนกัลป์ นับแต่กัลป์นั้น พระเจ้าจิตรราชบรมจักรพรรดินี้ จักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า “โคดม” ได้แก่ พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายในบัดนี้
ขณะเดียวกัน ผู้ที่ถวายผ้ากฐินแล้วบังเกิดความปีติ ความสุขใจ แม้มิได้อธิษฐานคุมวงบุญไว้ ก็ได้รับอานิสงส์ไปเกิดเป็นเทวดาและอานิสงส์ที่จะต่อเนื่องไปในภพหน้า ดังคำประกาศบุพพกุศลของท้าวสักกเทวราช ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ว่า
“คราวหนึ่งเราเกิดเป็นกุฎุมพีผู้มีทรัพย์อยู่ ณ เมืองพาราณสี ได้ถวายผ้าพระกฐินจีวร (แก่พระปทุมุตรสัมพุทธเจ้า) เราจุติจากอัตตภาพเป็นมนุษย์แล้ว ได้เกิดเป็นภูมิเทวดามีศักดาเดชอยู่ ณ ภูเขาคันธมาทน์ เสวยทิพยสมบัติอยู่นาน ครั้นจุติจากอัตตภาพเป็นภูมิเทวดาแล้ว ได้เกิดเป็นสักกเทวราชผู้มเหศราธิบดีแห่งเทวดาทั้งหลาย ครั้นจุติจากอัตตภาพแห่งสักกเทวราชแล้ว จักเกิดเป็นจักรพรรดิมีกำลังเดชานุภาพมากในทวีปทั้งสี่ และจักเสวยมนุษย์และเทวสมบัติสิ้นแสนกัลป ด้วยอำนาจผลแห่งกฐินทาน ด้วยประการฉะนี้”[8]

ผู้มีส่วนร่วมในกฐินย่อมได้อานิสงส์
ในสมัยพระศาสนาของพระกัสสปสัมพุทธเจ้า บุรุษชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งเป็นคนเข็ญใจไร้ที่พึ่ง ไปอาศัยเศรษฐีสิริธรรมผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์ โดยยอมตนเป็นคนรับใช้ มีหน้าที่ดูแลรักษาหญ้า จึงได้ชื่อว่า ติณบาล แปลว่า ผู้ดูแลรักษาหญ้า ตั้งแต่บัดนั้น
วันหนึ่งเขาคิดว่า “ตัวเรานี้เป็นคนยากจนเช่นนี้เพราะไม่เคยทำบุญอันใดไว้ในชาติก่อนเลย มาชาตินี้จึงตกอยู่ในฐานะผู้รับใช้คนอื่น ไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีสมบัติติดตัวแม้แต่น้อย” เมื่อคิดดังนี้แล้วเขาได้แบ่งอาหารที่ท่านเศรษฐีให้ ออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งถวายแก่พระสงฆ์ที่มาบิณฑบาต อีกส่วนหนึ่งเอาไว้สำหรับตนเองรับประทาน ด้วยเดชกุศลผลบุญอันนั้น ทำให้ท่านเศรษฐีเกิดสงสารเขา แล้วให้อาหารเพิ่มอีกเป็น ๒ ส่วน เขาได้แบ่งอาหารเป็น ๓ ส่วน ถวายแก่พระสงฆ์ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งให้แก่คนจนทั้งหลาย ส่วนที่สามเอาไว้บริโภคสำหรับตนเอง เขาทำอยู่อย่างนี้เป็นเวลาช้านาน
ต่อมาเป็นวันออกพรรษา เหล่าชนผู้มีศรัทธาต่างพากันทำบุญกฐินเป็นการใหญ่ แม้ท่านเศรษฐีสิริธรรมก็เตรียมจะถวายกฐิน จึงประกาศให้ประชาชนทั้งหลายทราบโดยทั่วกัน เมื่อนายติณบาลได้ยินก็เกิดความเลื่อมใสขึ้นในใจทันที จึงเข้าไปหาท่านเศรษฐีถามอานิสงส์ของกฐิน เศรษฐีตอบว่า “มีอานิสงส์มากมายหนักหนา สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสยกย่องสรรเสริญว่าเป็นทานอันประเสริฐ”
เมื่อเขาได้ทราบดังนี้แล้ว ก็มีความโสมนัสปลาบปลื้มเป็นอันมาก แสดงความประสงค์ที่จะร่วมอนุโมทนาในการบำเพ็ญทานครั้งนี้ด้วย จึงได้กลับไปที่อยู่ของตน แล้วเกิคความคิดขึ้นว่า “เราไม่มีอะไรเลย แม้แต่ผ้าดีๆ สักผืน เราจะทำบุญร่วมกับท่านเศรษฐีได้อย่างไร” เขาครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน หาสิ่งที่จะร่วมอนุโมทนากฐินกับท่านเศรษฐีไม่ได้ ในที่สุดเขาได้เปลื้องผ้านุ่งของตนออกพับให้ดี แล้วเย็บใบไม้นุ่งแทน เอาผ้านั้นไปเร่ขายในตลาด
ชาวตลาดทั้งหลายเห็นอาการเช่นนั้น ก็พากันหัวเราะกันลั่น เขาชูมือขึ้นแถลงว่า "ท่านทั้งหลายหยุดก่อน อย่าหัวเราะข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้ายากจนไม่มีผ้าจะนุ่ง จะขอนุ่งใบไม้แต่ในชาตินี้เท่านั้น ชาติหน้าจะนุ่งผ้าทิพย์"
ครั้นพูดชี้แจงแก่ประชาชนชาวตลาดดังนี้แล้ว เขาได้ออกเดินเร่ขายเรื่อยไป ในที่สุด เขาได้ขายผ้านั้นในราคา ๕ มาสก (๑ บาท) แล้วนำไปมอบให้ท่านเศรษฐี เศรษฐีได้ใช้เงินนั้นซื้อด้ายสำหรับเย็บไตรจีวร ในกาลครั้งนั้นได้เกิดโกลาหลทั่วไปในหมู่ชน ตลอดถึงเทวดาในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นฟ้า และล่วงรู้ไปถึงพระกรรณของพระเจ้าพาราณสี จึงรับสั่งให้นำนายติณบาลเข้าเฝ้า แต่เขาไม่ยอมเข้าเฝ้าเพราะละอาย จึงได้ตรัสถามความเป็นไปของเขาโดยตลอดแล้ว ทรงให้ราชบุรุษนำผ้าสาฎกราคาแสนตำลึงไปพระราชทานแก่เขา นอกจากนั้นได้พระราชทานบ้านเรือนและทรัพย์สมบัติ เป็นอันมาก แล้วโปรดให้ดำรงตำแหน่งเศรษฐีในเมืองพาราณสี มีชื่อว่า ท่านติณบาลเศรษฐี เมื่อเขาดำรงชีวิตอยู่พอสมควรแก่อายุขัยแล้ว ก็ตายไปเกิดเป็นเทพบุตรในดาวดึงส์พิภพ เสวยสมบัติทิพย์อยู่ในวิมานแก้ว สูงได้ ๕ โยชน์ มีนางเทพอัปสรหนึ่งหมื่นเป็นบริวาร ส่วนเศรษฐีสิริธรรม ครั้นตายจากโลกมนุษย์แล้วได้ไปเกิดในดาวดึงส์สวรรค์ มีนางฟ้าเป็นบริวาร เช่นเดียวกันกับท่านติณบาลเศรษฐี

ผู้ชักชวนให้ทอดกฐินก็ได้อานิสงส์
กฐินมิได้มีอานิสงส์เฉพาะเจ้าของกฐินเท่านั้น แม้ผู้ชักชวนให้ผู้อื่นทอดกฐิน ถ้ารู้จักวิธีในการอธิษฐานบุญก็ย่อมได้รับอานิสงส์เหมือนกัน ดังในนรชีวกฐินทานชาดก[9] ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญญาสชาดก ได้เล่าเรื่องที่พระพุทธองค์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเกิดเป็นนายนรชีวะ อยู่ในครอบครัวยากจน แต่เป็นลูกกตัญญูเลี้ยงดูมารดา ได้ชักชวนเศรษฐีที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตร ชวนให้เศรษฐีมีศรัทธาถวายผ้ากฐินแก่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เศรษฐีมีความยินดีได้จัดกฐินไปถวายพระภิกษุสงฆ์ จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้าถึงผลหรืออานิสงส์แห่งการถวายผ้ากฐิน พระปทุมุตตรสัมพุทธเจ้าได้ตรัสว่า
เย ชนา สุขมิจฺฉนฺตา ทตฺวาน กฐินจีวรํ
เตปิ ทุกฺขา ปมุญฺจเร เทวมนุสฺเสสุ ปตฺวา
นรกาทิมฺหิ น ชายนฺติ กฐินทานสฺสิทํ ผลํ
แปลว่า “บุคคลเหล่าใดปรารถนาหาความสุขนั้น ได้ถวายผ้ากฐินจีวรไว้ บุคคลเหล่านั้นจะพ้นจากความทุกข์ เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว ก็ย่อมจะถึงความสุขในหมู่เทวดาและมนุษย์ และจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิมีนรกเป็นต้น นี้เป็นผลแห่งกฐินทาน”
เมื่อเศรษฐีได้ฟังอานิสงส์กฐินทานเช่นนั้น ก็มีใจชื่นบานยิ่งนัก ส่วนนายนรชีวะผู้เป็นพระโพธิสัตว์ได้หมอบกราบแทบพระบาทของพระพุทธเจ้า ได้กราบทูลถึงเหตุที่ตนเป็นผู้ชักชวนให้เศรษฐีมาทำบุญสำเร็จด้วยกายวาจาใจ จึงขอตั้งวาจาธิษฐานว่า
อิมินา ภนฺเต ปุญฺเญน ปโพธิโต กฐินํ เทมิ
อนาคเต พุทฺโธ โหมิ ยาว พุทฺธตํ นานุปตฺโต
มา ทลิทฺโท ภวามหํ
แปลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าพระองค์ได้ชักนำกุฎุมพี(เศรษฐี)ให้ถวายผ้ากฐินนี้ ขอให้ข้าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในกาลภายหน้า แม้ข้าพระองค์ยังไม่ไปถึงความเป็นพระพุทธเจ้าตราบใด ชื่อว่าความเข็ญใจอย่าได้มีแก่ข้าพระองค์เลย พระเจ้าข้า”
พระปทุมุตตรสัมพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์ว่า ด้วยผลแห่งกฐินทานนั้น นายนรชีวะจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าศากยมุนีในอนาคตกาล ก็คือพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายในบัดนี้

โดยคุณ เดี่ยวไร่ส้ม (20.5K)  [จ. 04 พ.ย. 2556 - 10:21 น.] #3067889 (24/29)
ขอบคุณท่านลูกพระพรหมครับ
พี่น้อยฝากขอบพระคุณทุกๆท่านด้วยครับ
ขอบคุณครับ

โดยคุณ vivicurl (374)  [จ. 04 พ.ย. 2556 - 10:31 น.] #3067901 (25/29)
อนุโมทนาบุญด้วยครับ...........

โดยคุณ pacifist2000 (1.6K)(1)   [จ. 04 พ.ย. 2556 - 13:06 น.] #3068113 (26/29)
สาธุโมทนาครับพี่

โดยคุณ tachin8 (1.2K)(1)   [จ. 04 พ.ย. 2556 - 14:32 น.] #3068227 (27/29)
อนุโมทนาสาธุครับ

โดยคุณ ขวัญแก้ว (566)  [จ. 04 พ.ย. 2556 - 19:42 น.] #3068569 (28/29)


(N)
อนุโมทนาบุญด้วยครับ...........

โดยคุณ เอกร้านบ้านยีนส์ (2.1K)(1)   [พ. 06 พ.ย. 2556 - 23:25 น.] #3072118 (29/29)
อนุโมทนาบุญด้วยครับ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5