ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : เหรียญหล่อพรหม สวยๆ พุทธคุณดี เจตนาการสร้างดีครับ



(N)


รายละเอียด**เผื่อใครชอบของแรงสและสวย..อนาคตอาจดัง**หล่อพระพรหม สร้างปี 52 ที่ระลึกสร้างพระปัจเจกะพุทธเจ้า **พระพรหมรุ่นนี้ ออกให้บูชาร่วมบุญเมื่อปี 2552****มีด้วยกัน 3 เนื้อ ได้แก่**เนื้อทองแดงผิวไฟโบราณ สร้าง 200 องค์ บูชา 400 บาท(แบบไม่มีห่วง ไม่เกิน 70 องค์)เนื้อทองเหลือง สร้าง 700 องค์ บูชา 300 บาท(แบบไม่มีห่วง ไม่เกิน 150 องค์)เนื้ออัลปาก้า สร้าง 108องค์ บูชา 800 บาท**ปลุกเสก ณ อุโบสถ วัดท่าสำเภาใต้ จังหวัดพัทลุง โดยเกจิสายใต้ เช่นพ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม พ่อท่านคล้อย วัดถ้ำภูเขาทอง พระมหาอุทัย ฯลฯ

โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 13:18 น.]



โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 13:19 น.] #2425501 (1/15)


(N)


อาจารย์สายใต้ร่วมปลุกเสกครับ

โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 13:20 น.] #2425504 (2/15)


(N)


ประวัติเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกบางส่วนครับ

โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 13:20 น.] #2425507 (3/15)
ประวัติพ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ วัดบางเนียน"1 ศตวรรษ 5 แผ่นดิน" พ่อท่านเอื้อม พระเกจิอาจารย์จอมขมังเวท ทองทั้งแท่ง เพชรแท้แห่งลุ่มน้ำปากพนัง เจ้าอาวาสวัดสุวรรณจัตตุพลปันนาราม (วัดบางเนียน)ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ถือกำเนิด ณ บ้านเลขที่ 68หมู่ที่12ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ปีระกา เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2449 นับถึงปัจจุบันสิริอายุ 101 ปี หลังจบการศึกษาเบื้องต้นที่โรงเรียนใกล้บ้านแล้ว ประกอบอาชีพทำนาช่วยเหลือครอบครัว พ่อท่านเอื้อม อุปสมบทเมื่ออายุ 65 ปี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2514 เวลา 13.45 น. ณ พัทธสีมา วัดปากเชียร อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีพระครูถาวรบุญรัต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมานิต มานิโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายา "กตปุญโญ"ตามประวัติพ่อท่านเอื้อม ก่อนอุปสมบทท่านเคยเป็นเสือเก่ามาก่อน และได้เคยปะทะกับท่านพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ต่างคนต่างมีวิชาสายสำนักเขาอ้อเหมือนกัน จนในที่สุดท่านทั้งสองคบหาเป็นสหายกัน ต่อมาท่าน พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้แนะนำให้ท่านไปบวชกับพ่อท่านคล้าย วัดจันดี แต่หลวงพ่อคล้ายท่านชราภาพมากแล้ว จึงแนะนำให้ไปบวชกับพระรูปอื่น ก่อนบวชท่านได้บอกว่าถ้าบวชกับพระรูปไหนจะไปสึกกับพระรูปนั้น ในที่สุดท่านก็ได้อุปสมบทกับพระครูถาวรบุญรัต ในเวลาต่อมาท่านพระครูถาวรบุญรัตได้มรณภาพลง พ่อท่านเอื้อมจึงลาสิกขาไม่ได้ตั้งแต่นั้นมาจวบจนปัจจุบันการศึกษาพุทธาคม หลังจากอุปสมบทแล้ว พ่อท่านเอื้อมอยู่จำพรรษาวัดปากเชียรศึกษาข้อวัตรปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จากนั้นได้จาริกธุดงค์ตามป่าเขา ขึ้นเหนือถึงประจวบคีรีขันธ์ ลงใต้สำนักอาจารย์เขาอ้อ ไปสุดชายแดนมาเลเซีย ระหว่างธุดงค์ได้สร้างวัดตามสถานที่ต่างๆ รวมได้ 7 วัด ได้แก่ วัดท้ายทะเล อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช, วัดเนินธัมมัง อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช, วัดไสไท อ.เมือง จ.กระบี่, สำนักสงฆ์สะเดา อ.เมือง จ.ชุมพร, สำนักสงฆ์เขาวงแหวน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง, สำนักสงฆ์ควรเขาดิน อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี และวัดบางเนียน อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช กิตติคุณเป็นที่กล่าวขานเรื่องเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย วัตถุมงคลเข้มพลังมากประสบการณ์ เช่น เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.2533 อายุ 82 ปี ตะกรุดผ้ายันต์ พระผง รูปหล่อบูชา เป็นต้นพ่อท่านเอื้อม ศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างมุ่งมั่นและจริงจัง ระหว่างธุดงค์ปักกลดตามป่า ถ้ำ และเดินข้ามภูเขาน้อยใหญ่รวม 69 ลูก การปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดของพ่อท่านเอื้อมจึงเชื่อกันว่าพ่อท่านได้ บรรลุธรรมขั้นสูง นอกจากศึกษาค้นคว้าและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดแล้ว พ่อท่านเอื้อมยังได้ศึกษาค้นคว้าทางไสยเวท และวิทยาคมทั้งศาสตร์อิสลาม พราหมณ์ ขอม และพุทธ มาตั้งแต่อายุ 16 ปีจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้พ่อท่านเอื้อมมีความรู้แตกฉาน ลึกซึ้งและแกร่งกล้าทางด้านไสยศาสตร์ เวทมนตร์ คาถา อาคม ในทุกด้าน "หลวงพ่อเอื้อม วัดบางเนียน"ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์เพชรน้ำหนึ่งของภาคใต้ ที่มีตบะบารมีอันสูงยิ่ง วัตถุมงคลที่พ่อท่านเอื้อมอธิษฐานจิตหรือปลุกเสกจะมีอิทธิปาฏิหาริย์และ ประสบการณ์ทางด้านคงกระพัน แคล้วคลาด คุ้มครอง โชคลาภ และเมตตามหานิยม ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ที่นำไปบูชาจนนับครั้งไม่ถ้วน ศิษยานุศิษย์ ผู้ศรัทธาและบุคคลทั่วไปจึงเคารพนับถือศรัทธา แสวงหาวัตถุมงคลของพ่อท่านเอื้อมไว้บูชา และไปคารวะกราบไหว้พ่อท่านเอื้อมกันมากมายตลอดเวลา ปัจจุบัน "หลวงพ่อเอื้อม วัดบางเนียน" ได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิเอกอุด้านจตุคามรามเทพรูปหนึ่งที่มาคอลัมน์ มงคลข่าวสด

โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 13:21 น.] #2425508 (4/15)
เดิมชื่อนายประ รักษายศ เกิดวันจันทร์ ปีมะเมีย พ.ศ. 2441 พื้นเพเดิมเป็นชาว ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชบิดาชื่อนายกล่อม รักษายศ มารดาชื่อนางท้าว รักษายศ เป็นบุตรคนสุดท้อง มีพี่สาว 2 คน หลวงปู่ประเป็นลูกชายคนเดียวเมื่ออายุได้ 16 ปี หลวงปู่ประได้เข้ารับการบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสวนขันและได้ศึกษาเล่าเรียน กับพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์เนื่องจากสามเณรประเป็นเด็กขยันหมั่นเพียร สมองดี และใฝ่รู้ในพระพุทธศาสนาจึงเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์จนพ่อท่านคล้ายถึงกับเอ่ยว่า “ให้อยู่ในร่มกาสาวพักตร์เถิด ต่อไปในภายหน้าเจ้าจะเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป” จนเมื่อครบอายุอุปสมบทสามเณรประจึงไม่รอช้าได้อุปสมบทบวชเป็นพระทันที ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดร่ำเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิชาอาคมกับพ่อท่านคล้ายมาโดยตลอด จนกระทั่งอายุ 30 ปี มารดาได้มาขอให้หลวงปู่ประลาสิกขาบทเนื่องด้วยทางบ้านลำบากไม่มีคนช่วยงาน ท่านจึงต้องลาสิกขาบทออกมาช่วยงานมารดา หลวงปู่ประได้เข้าไปกราบพ่อท่านคล้ายโดยพ่อท่านคล้ายเอ่ยว่า “ไปทำหน้าที่ของท่านเถิด เมื่อถึงเวลาท่านจะกลับเข้ามาอยู่ในร่มกาสาวพักตร์เอง”โดยที่หลวงปู่ประยังไม่ได้กล่าวอะไรทั้งสิ้น เมื่ออยู่ในฆราวาสหลวงปู่ประยังเล่าเรียนวิชาอาคมกับพ่อท่านคล้ายและไปมาหาสู่อยู่เป็นประจำและยังได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมสำนักเขาอ้อ จ.พัทลุงและยังเคยร่ำเรียนวิชาอาคมกับพ่อท่านเอียดดำ วัดอ้ายเขียว จ.นครศรีธรรมราช จนเป็นที่ยอมรับของชาวอ.ทุ่งใหญ่(หลวงปู่ประท่านบอกกับกระผมว่าสมัยนั้น อ.ทุ่งใหญ่ โจรป่าและโจรไม่รู้สัญชาติเยอะมากเข้ามาปล้น ฆ่า เรียกค่าไถ่หลวงปู่ประจึงขันอาสาเข้าไปปราบปราม โดยมีอาวุธเพียงมีด 1 เล่มเท่านั้นเพียงชั่วข้ามคืนโจรก็ได้ถอยล้าหนีหาย จนไม่มีโจรป่าหน้าไหนย่างกลายเข้ามาอีกเลย ชาวบ้านจึงยอมรับและแต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ใหญ่บ้าน และขนานนามว่าผู้ใหญ่ประจอมขมังเวทย์ หลวงปู่ประดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านจนกระทั่งเกษียณครั้นเมื่อเกษียณแล้วหลวงปู่ประจึงไม่รีรอที่จะกลับเข้ามาสู่ร่มกาสาวพักตร์ อีกครั้งก่อนที่จะอุปสมบทอีกครั้งหลวงปู่ประได้นั่งชาญวิปัสสนาและในชาญวิปัสสนานั้น หลวงปู่ประได้พบกับพระรูปหนึ่งซึ่งมีอายุมากหลวงปู่ประเข้าไปกราบนมัสการ แล้วถามว่าหลวงพ่อชื่ออะไรครับ พระรูปนั้นก็หันหน้ามามีเสียงดังก้องโดยที่ปากท่านไม่ได้ขยับมีเสียงเปล่ง ออกมาว่าฉันชื่อสามีราโม แต่ชาวบ้านเรียกเราว่าพ่อทวด แล้วพ่อรูปนั้นก็เอ่ยว่าเราขออนุโมทนาด้วยที่ท่านจะมาถะนุบำรุงพระพุทธศาสนา หลวงปู่ประจึงก้มกราบเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพระรูปนั้นได้หายไปแล้วหลวงปู่ประจึงออกจากสมาธิแล้วก้มกราบไปทางทิศวัดช้างไห้ เช้าวันรุ่งขึ้นหลวงปู่จึงไม่รอช้ารีบไปหาพ่อท่านคล้ายเมื่อเจอพ่อท่านคล้ายหลวงปู่ประก้มกราบพ่อท่านคล้ายยังไม่ทันจะเอ่ยอะไร พ่อท่านคล้ายก็เอ่ยขึ้นมาว่า เมื่อคืนพ่อทวดมาหาใช่มั้ยเราก็ขออนุโมทนาบุญเช่นกัน แต่โยมประต้องไปบวชที่ทุ่งใหญ่ วัดคู่บุญรอโยมประอยู่ หลวงปู่ประจึงถามว่าวัดไหนครับหลวงพ่อพ่อท่านคล้ายบอกว่าไปเถอะแล้วโยมจะรู้เอง หลวงปู่ประจึงได้กราบลาพ่อท่านคล้ายกลับไปที่ อ.ทุ่งใหญ่พอถึงหน้าวัดภูเขาหลัก พ่อท่านแดงเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลักยืนรออยู่แล้ว พ่อท่านแดงได้เอ่ยว่าโยมประเราเตรียมเครื่องไตรจีวรไว้ให้โยมเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ประถึงกับงงแต่ก็รับไตรจีวรจากพ่อท่านแดงโดยไม่รอช้าเข้ารับการ อุปสมบททันที ซึ่งมีพระอุปัชฌาย์ พระคู่สวดและพระนั่งลำดับรออยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง พระอุปัชฌาย์คือ หลวงพ่อแดงวัดภูเขาหลักพระกรรมวาจาจารย์คือ หลวงพ่อนาถวัดควนสระบัว เมื่อหลวงปู่ประอุปสมบทได้ 7 วันก็ได้นิมิตเห็นภูเขาลูกหนึ่งทั้ง 7 วันจึงได้ไปกราบพ่อท่านแดง พ่อท่านแดงจึงบอกว่าเรารู้แล้วว่าท่านต้องไปอยู่วัดนั้นไปเถิดที่นั่นเป็น วัดคู่บุญของท่านหลวงปู่ประจึงได้กราบลาพ่อท่านแดงไปจำพรรษาที่วัดภูเขาดินตั้งแต่นั้นเป็น ต้นมา ด้านการปฏิบัติธรรมท่านปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดทำวัตรเช้าวัตรเย็นไม่เคยขาดถึงแม้ท่านจะอายุมากแล้วก็ตาม ด้านสุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่มีโรคภัยแม้แต่น้อย(เคยมีชาวบ้านไปกราบพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ พ่อท่านคล้ายบอกว่าเธออยู่ทุ่งใหญ่ทำไมมากราบเราถึงที่นี้ ที่ทุ่งใหญ่ก็มีพระดี มีวิชาวาจาสิทธิ์อยู่ที่นั้นทำไมไม่ไปกราบ ชาวบ้านจึงถามว่าใครหรือครับ พ่อท่านคล้ายบอกว่าหลวง

โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 13:23 น.] #2425511 (5/15)
ประวัติพ่อท่านคล้อย

ประวัติหลวงพ่อคล้อย อโนโม วัดภูเขาทองพระครูพิพิธวรกิจ (คล้อย อโนโม) เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2472 ปัจจุบันอายุ 76 ปี เดิมชื่อ คล้อย ทองโอ่ บิดาชื่อ นายแสง ทองโอ่ มารดาชื่อ นางเอียด ทองโอ่ เกิดที่ ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2491 ณ วัดดอนศาลา ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พระอุปัชฌาย์ คือ พระครูสิทธิยารัตน์ (พระอาจารย์เอียด) และ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อขึ้นปีขาล วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2493 ณ วัดควนปันตาราม ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง โดยมีพระครูรัตนาภิรัตเป็นอุปัชฌาย์ พระมหาเจิม ฐิตเปโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูกาชาด วัดดอนศาลาเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาทอง ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และ ดำรงสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง จากประวัติท่านพระอาจารย์คล้อย อโนโม วัดภูเขาทอง จะเห็นได้ว่า ท่านพระครูสิทธิยาภิรัตน์ (เอียด) วัดดอนศาลา ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคแรกๆ ของสำนักเขาอ้อ เป็นพระอุปัชฌาย์จารย์ และ ท่านพระอาจารย์คล้อย อโนโม ยังเป็นหลานแท้ๆ ของท่านพระอาจารย์สิทธิยาภิรัตน์ (เอียด) ด้วย ปี พ.ศ.2483 ได้เกิดสงครามอินโดจีน ท่านอาจารย์เอียดได้จัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อแจกให้กับทหารหาญ การจัดสร้างวัตถุมงคลในครั้งนั้น จัดได้ว่าเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งใหญ่ที่สุด ทำพิธีกันที่วัดเขาอ้อ ในถ้ำฉัตทันต์บรรพต วัตถุมงคลที่สร้างมีเนื้อโลหะเรียกว่า “ปิดตามหายันต์” และอีกแบบเป็นเนื้อว่านเรียกว่า “ปิดตามหาว่าน”

โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 13:24 น.] #2425512 (6/15)
ประวัติพ่อท่านเอียด

พ่อท่านเอียด ครุธัมโม นามเดิม นายเอียด ทองพุฒ ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2478 ณ บ้านหนองปราง ต.นาท่อม อ.เมือง จ.พัทลุง บิดาชื่อว่า นายเผือก ทองพุฒ โยมมาดาชื่อ นางหมุน ทองพุฒ ท่านมีพี่น้อง ทั้งหมด 4 คน ท่านเป็นคนที่ 3ท่านได้เรียกรู้ กับพ่อท่านหมุน (พระครูถาวรชยคุณ) วัดเขาแดงออก พ่อท่านเอียดได้พบพ่อท่านหมุน ท่านได้สอนวิชาต่าง ๆที่พ่อท่านหมุน มีอยู่ ให้กับพ่อท่านเอียด และต่อมาไม่นานพ่อท่านหมุน ก็บอกให้ไปเรียนฝึก วิปัสสนากรรมฐานกัยพ่อท่านสงฆ์ (พระราช ปฏิภาณมุนี) ซึ่งถือว่าสมัยนั้นเป็น เกจิอาจารย์มีชื่อ ด้านนี้ในยุคนั้น ซึ่งแต่เดิมพ่อท่านเอียด ก็เคยร่ำเรียนฝึกฝน กับพ่อท่านจิ้ง กิตติสุทโธ มาบ้างแล้ว จึงทำให้ไม่เป็นการยากในการศึกษาเล่าเรียนและฝึกฝน ไม่ฝึกฝนได้ถือ อาการไม่ยินดียินร้าย ใด ๆ พ่อท่านสงฆ์ ก็เลยออกปากว่า ฉันเองไม่มีอะไรจะสอน ฉันให้จนหมดแล้วนะ หลังจากนั้นไม่นาน พ่อท่านเอียดก็ เดินทางกลับ สู่บ้านเกิน วัดนาท่อม อยู่ในวัดนาท่อมไม่นานก็มีการแต่งตั้งให้ไปรับตำแหน่งดูแล วัดโคกแย้ม ซึ่งขาดเจ้าอาวาสมาได้ระยะหนึ่งแล้ว พ่อท่านจึงรับคำสั่ง และได้เดินทางไปเป็นเจ้าอาวาส วัดโคกแย้ม เมื่อปี 2530 ซึ่งตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พ่อท่านเอียดก็พัฒนาวัดโคกแย้ม ไปทางที่ดีเรื่อยมา ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น พระอธิการเอียด ครุธัมโม และในปีนั้น ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูฐานานุกรม ในกาลต่อมา

โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 13:27 น.] #2425515 (7/15)
ประวัติพระอาจารย์อุทัย


  #1vacharapholสมาชิก  วันที่สมัคร: Oct 2005ข้อความ: 9,952Groans: 2Groaned at 75 Times in 58 Postsได้ให้อนุโมทนา: 34ได้รับอนุโมทนา 36,233 ครั้ง ใน 6,383 โพสพลังการให้คะแนน: 3344

พระอาจารย์อุทัย อุทโย ต้นตำรับตะกรุดดังเมืองพัทลุง

 พระอาจารย์อุทัย อุทโย เป็นพระนักวิปัสสนากัมมัฏฐาน และพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดพัทลุง มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีวัตรปฏิบัติน่ายกย่องนับถือ และเป็นพระนักพัฒนา ที่ได้สร้างความเจริญให้กับวัดและชุมชนอย่างมากมาย จนเป็นที่เลื่อมใสนับถือศรัทธาของชาวบ้านทั่วไปในจังหวัดพัทลุงและภาคใต้ ปัจจุบัน พระอาจารย์อุทัย อัตโนประวัติ เกิดในสกุล บัวเพชร เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2509 ณ บ้านมะกอกใต้ หมู่ 3 ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายผ่องและนางน้อย บัวเพชร ในชีวิตวัยเยาว์ ได้ศึกษาเล่าเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 โรงเรียนพรหมพินิตชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อเข้าวัยหนุ่ม ถึงวัยเกณฑ์ทหารได้เข้ารับการคัดเลือกทหาร ได้เป็นทหารรับใช้ชาติอยู่ 2 ปี หลังจากปลดประจำการ ได้สมัครเป็นทหารพรานต่ออีก 3 ปี จากนั้น ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2535 ณ วัดวิหารสูง ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีพระครูสิทธิโสภณ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูประจักษ์วิหารคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูคง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ภายหลังครองผ้ากาสาวพัสตร์ ท่านได้ตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรมด้วยความอุตสาหะ พ.ศ.2540 สามารถสอบได้นักธรรมตรี-โท-เอก ตามลำดับ ต่อมา พ.ศ.2541 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารสูง ผลงานด้านการพัฒนา พระอาจารย์อุทัย ได้มุ่งมั่นพัฒนาวัดและบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรสถานต่างๆ จนมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ พระอาจารย์อุทัย มีความรู้ความสามารถในการอ่านเขียนภาษาขอม ไทยและบาลี สามารถเรียนรู้วิชาตำรับตำราและคัมภีร์ต่างๆ ทั้งวิชาไสยเวทและการฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานได้อย่างเข้มขลัง คล่องแคล่ว นอกจากนี้ ท่านยังได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์ปลอด วัดหัวป่า อ.ระโนด จ.สงขลา พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคใต้ นานกว่า 10 ปี และยังได้ศึกษาวิชากับพระเกจิอาจารย์ดังอีกหลายท่าน เช่น พระอาจารย์เศียร อดีตเจ้าอาวาสวัดวิหารสูง, พระอาจารย์ผัน วัดทรายขาว, พระอาจารย์ปาน แห่งวัดแสงอรุณ และอาจารย์ผ่อง วัดแจ้ง เป็นต้น 

โดยคุณ Lerm_kawilo (619)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 13:40 น.] #2425532 (8/15)

โดยคุณ sapansoong (1.6K)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 16:51 น.] #2425728 (9/15)

โดยคุณ kor_kai (1.1K)(1)   [พ. 29 ส.ค. 2555 - 18:21 น.] #2425824 (10/15)

โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 18:32 น.] #2425838 (11/15)
ส่วนตัว..ผมว่าเกจิอาจารย์ที่มาปลุกเสกเก่งๆทุกรูปครับ เหรียญสวยดีขนาดไม่ใหญ่ครับ (ถ้าผมจำไม่ผิดเหรียญพระพรหมสายใต้ ที่เป็นเหรียญหล่อ รุ่นนี้น่าจะป็นรุ่นแรกนะครับ

โดยคุณ หลักชัย (1.8K)  [พ. 29 ส.ค. 2555 - 21:17 น.] #2426122 (12/15)

โดยคุณ หลวงน้า (4.3K)  [พฤ. 30 ส.ค. 2555 - 00:09 น.] #2426363 (13/15)
สวยมากครับพี่

โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [พฤ. 30 ส.ค. 2555 - 07:53 น.] #2426527 (14/15)
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ

โดยคุณ pukky (2.8K)  [ศ. 31 ส.ค. 2555 - 03:19 น.] #2427992 (15/15)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5