(D) พญาเต่าเรือน
ในบรรดาวัตถุมงคลของหลวงปู่หลิวนั้นดูเหมือนว่า พญาเต่าเรือน จะเป็นวัตถุมงคลที่สร้างชื่อเสียงให้ท่านมากที่สุด เพราะถ้ามีการกล่าวถึงพญาเต่าเรือนเราจะนึกถึงหลวงปู่หลิวขึ้นมาทันที อันเป็นเอกลักษณ์ของท่านเลยทีเดียว
ลักษณะโดยทั่วไปของพญาเต่าเรือนจะมีลักษณะเป็นรูปเต่า มี 4 ขา ปลายหัวด้านบนจะมีหูติดลักษณะเดียวกันกับหูเหรียญ ส่วนรายละเอียดในตัวเหรียญ
ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน
ทำไมถึงต้องเป็นพญาเต่าเรือน หลวงปู่หลิวท่านเคยบอกไว้ว่า ต้องการทำวัตถุมงคลให้แปลกและดีจึงนึกถึงเต่า เพราะว่าเต่าเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาว เต่า
เป็นสัตว์ที่มีศีลธรรม นอกจากนี้พระพุทธเจ้ายังเคยเสวยพระชาติเป็นพญาเต่ามาแล้ว
หลวงปู่หลิวได้เล่าถึงตำนานพญาเต่าเรือนว่า เมื่อสมัยพุทธกาลนั้นมีพญากาเผือกผัวเมียคู่หนึ่งอาศัยอยู่ริมแม่น้ำใหญ่ พญากาเผือกตัวเมียได้ออกไข่มา 5
ฟองในรังบนต้นไม้ริมฝั่งแม่น้ำแห่งนั้น อยู่มาวันหนึ่งพญากาเผือกทั้งสองได้บินออกไปหากิน ปล่อยให้ไข่ทั้ง 5 ฟองอยู่ในรังโดยไม่มีใครเฝ้า วันนั้นได้เกิดพายุรุนแรงขึ้นบริเวณริมฝั่ง แม่น้ำแห่งนั้น ไข่ทั้ง 5 ฟอง จึงถูกพายุพัดตกลงไปในแม่น้ำ แล้วลอยน้ำกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง ไข่พญากาเผือกได้ถูกเก็บไปเลี้ยงโดยสัตว์ชนิดต่าง ๆ คือ
ฟองแรก เต่านำไปเลี้ยงไว้
ฟองที่สอง พญานาคนำไปเลี้ยงไว้
ฟองที่สาม พญาราชสีห์นำไปเลี้ยงไว้
ฟองที่สี่ โคนำไปเลี้ยงไว้
ฟองที่ห้า งูนำไปเลี้ยงไว้
ไข่แต่ละฟองนั้นเมื่อถูกนำไปเลี้ยงก็ได้มีพระโพธิสัตว์มาเสวยพระชาติเป็นสัตว์ตามผู้ที่เก็บมาเลี้ยงดูเช่น
ไข่ฟองแรกเต่าเก็บไปเลี้ยงพระโพธิสัตว์ก็มาเสวยพระชาติเป็นเต่า
ไข่ฟองที่สองพญานาคเก็บไปเลี้ยง พระโพธิสัตว์ก็เสวยพระชาติเป็นพญานาค
ไข่ฟองที่สามพญาราชสีห์เก็บไปเลี้ยง พระโพธิสัตว์ก็เสวยพระชาติเป็นพญาราชสีห์
ไข่ฟองที่สี่ โคเก็บไปเลี้ยง พระโพธิสัตว์ก็เสวยพระชาติเป็นโค
ไข่ฟองที่ห้า งูเก็บไปเลี้ยง พระโพธิสัตว์ก็เสวยพระชาติเป็นงู
ในกาลต่อมาพระโพธิสัตว์ทั้ง 5 พระองค์ได้มาเกิดใหม่ในชาติสุดท้ายเป็นพระพุทธเจ้าตามลำดับดังนี้
พระพุทธเจ้าพระองค์แรกทรงพระนามว่า กะกุสันโธ
พระพุทธเจ้าองค์ที่สอง ทรงพระนามว่า พระโกนาคมโน
พระพุทธเจ้าองค์ที่สาม ทรงพระนามว่า กัสสโป
พระพุทธเจ้าองค์ที่สี่ ทรงพระนามว่า โคตาโม
พระพุทธเจ้าองค์ที่ห้า ทรงพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรโย (ซึ่งยังไม่ประสูติ)
พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ก่อนจุติต้องเสวยพระชาติเป็นพระ โพธิสัตว์ เป็นสัตว์หรือเป็นมนุษย์เพื่อบำเพ็ญบารมีมาแล้ว เป็นร้อยชาติ เป็นพันชาติหรือเป็นหมื่นชาติเลยทีเดียว พญาเต่าเรือนจึงเป็นชาติหนึ่งของพระโพธิสัตว์ที่เสวย พระชาติเพื่อบำเพ็ญบารมี
หลวงปู่หลิวท่านเล็งเห็นว่า พญาเต่าเรือนนี้เป็นสัญญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคล ท่านจึงได้นำมาเป็นแบบในการสร้างวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
พญาเต่าเรือนใช้บูชากันได้ร้อยแปด ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี สู้คดีความ ประกอบการธุรกิจและอื่น ๆ อีกมากมาย
พระคาถาที่ใช้ในการอาราธนานั้นมีหลายบทด้วยกัน ในกรณีที่ตกอยู่ในอันตราย มีคดีความให้ท่านนึกถึงหลวงปู่หลิวแล้วสวดมนต์ภาวนาคาถาดังนี้
ให้ตั้งนโม 3 จบ
นะมะพะทะ นาสังสิโม
สังสิโมนา สิโมนาสัง
โมนาสังสิ นะอุทะกะ เมมะอะอุ
แล้วตั้งจิตอธิษฐานขอพระบารมีพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่ เสวยพระชาติเป็นพญาเต่าเรือน ให้ช่วยพ้นภัยอันตรายที่ประสบอยู่ สำหรับตัวคาถา 4 ตัวคือ นาสังสิโม นั้นท่านว่าเป็นหัวใจของพญาเต่าเรือน
ว่ากันว่าญาณสมาบัติของหลวงปู่หลิวยากจะหยั่งถึงแต่ ก้เป็นที่ทราบกันดีว่า หากท่านปลุกเสกวัตถุมงคลใดก็จะเป็นที่ต้องการของศิษยานุศิษย์อย่างมาก
 |
|