(D)
หลวงพ่อพร วัดบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2010 เวลา 15:26 น. santa .ภาพและเรื่องโดย..แฉ่ง บางกระเบา
หลวงพ่อพร ของชาวบางแก้ว เป็นพระนักพัฒนา มีศีลาจารวัตรงดงาม ชาวบ้านบางแก้วเคารพนับถือ ไม่ว่าหลวงพ่อของเขาจะมีกิจกรรมพระศาสนาอะไรก็ตาม ก็ต้องช่วยกันขมีขมันขันแข็ง เห็นแล้วน่าชื่นใจ ชาวบ้านกับชาววัดเข้ากันได้เพราะเขาเห็นกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน จะดีไม่ดีอย่างไรก็รู้กันหมด พระที่ชาวบ้านใกล้วัดเคารพนับถือจึงน่าเชื่อได้ว่าเป็น พระแท้
ผ่านการพิสูจน์กลั่นกรองด้วยสายตาของชาวบ้านที่มองดูทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ตั้งแต่หลายปีมาแล้วจนถึงปีนี้ เขาก็ยังเคารพนับถือกราบไหว้กันอยู่ จึงเชื่อได้ว่าพระรูปนั้นทำบุญได้สนิทใจ ให้เป็นเนื้อนาบุญที่หว่านลงไปแล้วงอกเงย งอกงามได้ผลบุญเป็นอานิสงส์อันประเสริฐ ชาติหน้าไปเกิดในสวรรค์นั่นแล
แฉ่ง บางกระเบา บ้านอยู่บางกระเบา ตำบลใกล้ชิดติดกับตำบลท่ากระชับ เลยไปอีกหน่อยก็ถึงวัดบางแก้ว วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่เคยเห็นแต่เล็กแต่น้อยทรุดโทรมคร่ำคร่าไปด้วยต้นไม้ใบหญ้ารกรุงรัง โบสถ์หลังเก่าเอียงกะเท่เร่ มีอิฐโผล่จากปูน แลดูโบราณกาลมาแล้ว เขาว่ากันว่าสร้างมาแต่กรุงศรีอยุธยาก็น่าจะจริง เพราะมีเสมาเป็นหินทรายเข้ากับยุคสมัยได้ มีสมภารเก่าติดต่อกันมาหลายรูป ชาวบ้านคนเฒ่าคนแก่เล่าว่าจำได้ ดังนี้คือ
หลวงปู่ศุข หลวงปู่กลิ่น หลวงพ่อพัฒน์ หลวงพ่อจอน หลวงพ่อจันทร์ และหลวงพ่อเก่า หลวงพ่อปุ่น แล้วก็มาถึง หลวงพ่อพร
ในอดีตมีเกจิขลังอยู่สองรูปคือ หลวงปู่กลิ่นและหลวงพ่อพัฒน์เล่ากันว่ามีวิชาอาคมขลัง ชาวบ้านเคารพนับถือมาก หารูปไม่ได้ เห็นมีแต่รูปหล่อหลวงพ่อพัฒน์ตกทอดมาถึงปัจจุบันนี้เพียงองค์เดียว ก่อนจะถึงหลวงพ่อพรนั้นคือ หลวงพ่อปุ่น หรือท่าน พระครูศีลกัณตาภรณ์ (ปุ่น กันตสีโร) หลวงพ่อรูปนี้ก็เป็นพระนักพัฒนาจนวัดบางแก้วเจริญรุ่งเรือง
สมัยเด็กผู้เขียนทันเห็นหลวงพ่อรูปก่อน หลวงพ่อปุ่น ชื่อ หลวงพ่อเก่า เป็นพระที่ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ขณะท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เห็นว่าวัดบางแก้วทรุดโทรมมากและขาดเจ้าอาวาส จึงได้ส่งพระในวัดชื่อ หลวงพ่อเก่า ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบางแก้ว แต่เดิม หลวงพ่อเก่า อยู่วัดกลางบางแก้ว เมื่อมาอยู่วัดบางแก้ว คำว่า กลาง หายไป ท่านก็ไม่ว่าอะไรตั้งใจพัฒนาวัด
ผู้เขียนยังวัยรุ่นเคยตามท่านไปดูขณะวัดรกรุงรังมาก โบสถ์เก่าชำรุดทรุดโทรม เจดีย์หน้าโบสถ์เอียงซ้ายทำท่าจะล้ม หลวงพ่อเก่าจึงรื้อออกพบพระกรุจำนวนมากเป็นเนื้อดินเผาแต่ผุกร่อนจำนวนไม่น้อย มีดีไม่กี่องค์ ท่านจึงเอาองค์ผุกร่อนมาตำแล้วกดพิมพ์ใหม่ทำแบบของเก่า คือ รูปคล้ายกลีบบัว ที่ด้านข้างเป็นเส้นตารางขีดๆ เนื้อสีดำ ผู้เขียนเคยเอาไว้ดูเดี๋ยวนี้หายไปไหนไม่รู้ ถ้าหาพบจะถ่ายรูปมาให้ดู หลวงพ่อเก่าท่านพัฒนาวัดสร้างกุฏิ ศาลา และเริ่มสร้างโบสถ์ใหม่ พระในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งชื่อ หลวงพ่อปรกแก้ว ใครทำไม่ดีถูกลงโทษ ใครทำดีก็ส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรืองหลวงพ่อเก่าขยันขันแข็งพัฒนาวัดไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย จนวัดเข้ารูปเข้ารอยดีแล้วก็คงเหนื่อยเกินไปจึงมรณภาพ
องค์ต่อมาคือ หลวงพ่อปุ่น หรือพระครูศีลกัณตาภรณ์รูปนี้ขยันต่อพัฒนาวัดวาอารามได้สะอาดร่มรื่น ชาวบ้านใกล้และไกลเลื่อมใส โดยเฉพาะคนบ้านไกลนับถือมาก อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านไกลที่เคารพนับถือท่านมากอยู่ถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เดินทางมาพบท่าน แล้ว มอบของสำคัญศักดิ์สิทธิ์มาก ให้ท่านไว้ เป็น งาช้างดำ งาช้างคู่นี้สวยงามมาก ยาวข้างละร่วมครึ่งวา สีดำสนิทเหมือนนิล มีคนไปพิสูจน์กันหลายคน ทั้งผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ล้วนลงความเห็นว่าเป็น งาช้างแท้ดำสนิท จนหลวงพ่อปุ่นเดือดร้อน ใครๆ ก็อยากดู ใครๆ ก็อยากได้ ทั้งผู้เล็ก ผู้ใหญ่ ทำให้ท่านกลุ้มใจจนต้องเอาไปแอบไว้ จนต่อมาท่านก็มรณภาพจากไป
เมื่อ หลวงพ่อปุ่น มรณภาพจากไปเมื่อปี พ.ศ.2546 ก็ทิ้ง งาช้างดำ เอาไว้เป็นสมบัติวัดบางแก้ว ร้อนถึง พระครูพิทักษ์วีรธรรม (สืบ ปริมุตโต) เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาสวัดสิงห์ ต้องจัดหาพระไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบางแก้วแทนหลวงพ่อปุ่น สำคัญต้องไปดูแล งาช้างดำ สมบัติมีค่าของวัดสืบแทนด้วย จึงมองหาพระใน วัดกลางบางแก้ว ที่มีหน่วยก้านดี ศีลาจารวัตรใช้ได้ ที่สำคัญต้องสัตย์ซื่อ ไม่มีกิเลสตัณหาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนอกจากจะต้องไปปกครองคณะสงฆ์ดูแลวัดบางแก้วแล้ว ต้องไปดูแลรักษา งาช้างดำ ของศักดิ์สิทธิ์มีค่าอีกด้วย ถ้าเอาพระไม่ดี ไม่เข้าท่าส่งไป ชาวบ้านจะว่าเอาได้ แถมจะเอา งาช้างดำ ไปขายให้เสียหายทั้งวัด
และผู้ส่งไปคือท่าน พระครูพิทักษ์วีรธรรม (สืบ) เองอีกด้วย มองหาอยู่นาน สังเกตดูถี่ถ้วนรอบคอบ เพราะ พระครูพิทักษ์วีรธรรม รูปนี้ท่านมีนิสัยละเอียดรอบคอบ ท่านพิจารณาอยู่นานจึงเห็นว่า พระพร ปภากโร จากวัดกลางบางแก้ว เป็นพระที่พรรษาสูง มีหน่วยก้านดี มีวินัย และศีลาจารวัตรเคร่งครัด จึงตัดสินใจส่งไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดบางแก้วเมื่อปี พ.ศ.2546 หลวงพ่อพร ก็ทำให้ไม่ผิดหวัง จึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 เป็นต้นมา
หลวงพ่อพร ปภากโร รูปนี้เป็นพระดี จนพระผู้ใหญ่เห็นหน่วยก้านและความเป็นผู้พอเพียงของท่านก็เมตตามาตลอด คือท่าน พระวิสุทธิศีลาจารย์ (พลอย) เจ้าคณะภาค 14 วัดเทพธิดาราม ได้ไว้วางใจจนแต่งตั้งให้หลวงพ่อพรเป็น พระครูพิจิตรสรคุณ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2541 ตั้งแต่ท่านยังอยู่วัดกลางบางแก้ว
หลวงพ่อพร ปภากโร หรือพระครูพิจิตรสรคุณ กำเนิดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2506 ที่ตำบลสระกระเทียม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม บิดาชื่อ นายหลำ มารดาชื่อ สอิ้ง นามสกุล บัวคำ เมื่อเด็กได้เรียนหนังสือที่โรงเรียนมีชื่อเสียงใกล้บ้านเกิดคือ โรงเรียนสระกระเทียมวิทยาคม อาจารย์ใหญ่เป็นญาติกับผู้เขียนชื่อ อาจารย์ชัยวัฒน์ จนจบชั้นมัธยมปีที่สาม จึงออกมาหางานทำเพื่อช่วยภาระครอบครัว โดยเดินทางไปพักกับญาติที่ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี ทำงานในโรงงานอยู่ได้ปีกว่า บิดา-มารดาอยากให้บวช โดยเฉพาะมารดามีความสนิทใกล้ชิดกับ พระปลัดใบ คุณวีโร วัดกลางบางแก้ว จึงได้พาไปฝากกับพระปลัดใบให้อุปสมบทในบวรพุทธศาสนา
เมื่อไปถึงวัดกลางบางแก้วปลายปี พ.ศ.2525 ได้เห็น หลวงปู่เพิ่ม มีสง่าราศีผ่องใสเรียบร้อยนุ่มนวล หลวงพ่อพร เล่าว่า สมัยนั้นเห็นหลวงปู่เพิ่มแล้วก็ศรัทธาอยากจะบวชอยู่กับท่าน จึงได้กำหนดงานบวชที่วัดกลางบางแก้ว เตรียมซ้อมขานนาคแล้วจะให้ หลวงปู่เพิ่ม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดใบ คุณวีโร จึงกำหนดให้บวช วันที่ 27 มีนาคม 2526 เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมท่องขานนาคจนแคล่วคล่องดีแล้ว เมื่อถึงวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2526 หลวงปู่เพิ่มก็มรณภาพไปเสียก่อน หลวงพ่อพร เล่าว่า รู้สึกเสียใจ แต่ก็มุ่งมั่นอุปสมบทในวัดกลางบางแก้วต่อไป โดยได้นิมนต์ พระครูวิบูลย์สิริธรรม วัดตุ๊กตา มาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดใบ คุณวีโร วัดกลางบางแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์คำ วัดตุ๊กตา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า ปภากโร
เมื่อบวชแล้วก็อยู่รับใช้ใกล้ชิดกับ พระปลัดใบ คุณวีโร ช่วยงานตั้งแต่เริ่มต้น ช่วยบดยาทำยาจินดามณี เรียนรู้คาถาอาคมจากพระปลัดใบ คุณวีโร ซึ่งได้ถ่ายทอดวิชาพุทธาคมกับหลวงปู่เพิ่มไว้มาก หลวงพ่อพร เล่าว่า เสียใจที่ไม่ได้บวชกับหลวงปู่เพิ่ม แต่ก็ดีใจที่ได้รับใช้พระปลัดใบ และได้เรียนรู้วิชาการต่างๆ ที่พระอาจารย์ใบได้รับถ่ายทอดมาจากหลวงปู่เพิ่มจำนวนมาก วิชาทำ เบี้ยแก้ นั้น พระปลัดใบถ่ายทอดมาโดยตรงกับมือหลวงปู่เพิ่ม สมัยหลวงปู่เพิ่มช่วงปลายอายุ คนไปให้หลวงปู่เพิ่มทำเบี้ยแก้ ท่านมักจะบอกว่าให้ ใบ กรอกให้ก็ได้ฉันสอนไว้หมดแล้ว บางคนก็ให้พระปลัดใบกรอกเบี้ย แล้วเอาไปให้หลวงปู่เพิ่มเสกช่วงปลายอายุของท่านซึ่งชรามากแล้ว
ดังนั้น หลวงพ่อพร จึงโชคดีได้เป็นสานุศิษย์ของ พระปลัดใบ คุณวีโร ซึ่งทำเบี้ยได้ขลังมาก แต่ช่วงชีวิตท่านรักษาการเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วได้ปีเดียวก็มรณภาพ พระปลัดใบรูปนี้มีบทบาทในการพัฒนาวัดกลางบางแก้วมากรูปหนึ่ง เมื่อพระปลัดใบมรณภาพแล้ว หลวงพ่อพร ก็ได้ไปรับใช้ พระครูสิริชัยคณารักษ์ (สนั่น) เจ้าคณะอำเภอและเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วรูปต่อมา เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจมาก
ขณะเดียวกันก็ไปรับใช้ใกล้ชิด หลวงปู่เจือ อยู่เสมอ สังเกตได้ว่าแม้แต่งานศพหลวงปู่เจือ หลวงพ่อพร เป็นผู้จูงศพลงจากศาลา แสดงว่าใกล้ชิดเป็นพิเศษ ครั้นพอวัดกลางบางแก้วสร้าง พิพิธภัณฑ์พระพุทธวิถีนายก เสร็จแล้ว ท่านพระครูสิริชัยคณารักษ์ (สนั่น) เจ้าอาวาส ได้มอบให้ หลวงพ่อพร ไปอยู่ดูแลพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก เพราะห้องนอนของท่านอยู่ติดกับห้องคัมภีร์โบราณ ตำรับตำราของวัดกลางบางแก้วที่สืบมาแต่กรุงศรีอยุธยาจนถึงหลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม มีเวลาว่างท่านก็อดไม่ได้ที่จะค้นคว้าหาดูเป็นแนวทาง ทำให้มีความเข้าใจวิชาการต่างๆ ได้พอสมควร
เมื่อปี พ.ศ.2552 หลวงปู่เจือองค์อาจารย์ของท่านก็เมตตา เห็นว่าท่านไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบางแก้วแล้วต้องใช้ปัจจัยบูรณะดูแลวัดมาก จึงอนุญาตให้ท่านสร้างเหรียญหล่อระฆัง โดยเอาระฆังโบราณของวัดที่ชำรุดมาทำพิธีหล่อ โดยหลวงปู่เจือท่านไปเททองให้ด้วยตัวเองที่วัดบางแก้ว แล้วไปปลุกเสกให้เต็มที่ในเวลาถัดมา เหรียญระฆังหลวงปู่เจือ รุ่นนี้ได้รับความนิยมมาก มีคนบูชาไปแล้วมีประสบการณ์สูง ขณะนี้มีเหลืออยู่เล็กน้อยที่วัดบางแก้ว ใครรู้แล้วก็ลองไปขอทำบุญได้ นอกจากนั้นหลวงปู่เจือยังเมตตามอบวิชาทำเบี้ยแก้ไว้ให้ เพราะเห็นว่าท่านเป็นพระดีมีศีลาจารวัตรเหมาะสม ให้ไว้ใช้เป็นกำลังสำคัญหาปัจจัยสร้างสรรค์พัฒนาวัดกลางบางแก้วสืบต่อไป
วันนี้ของ หลวงพ่อพร อยู่ในช่วงการสร้างสรรค์พัฒนาวัดและสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาที่ โรงเรียนปรกแก้ววิทยาคม ซึ่งอยู่ตรงหน้าวัด มีลูกศิษย์ลูกหามากมายเคารพเลื่อมใส ใครๆ ก็อยากจะได้เหรียญของท่าน จนท่านอดรนทนไม่ไหว จึงมอบให้ แฉ่ง บางกระเบา ช่วยเป็นธุระจัดทำ เหรียญรุ่นแรก ของท่านให้ จึงได้ร่วมกันวินิจฉัยแบบร่วมกับท่านว่าจะใช้อักขระเลขยันต์อย่างไร มีรูปแบบไหนจะเหมาะสม เป็นอันว่าได้แบบแล้ว ต่อไปก็จะได้ให้ช่างแกะพิมพ์ แล้วเตรียมเนื้อโลหะ มวลสาร ชนวนศักดิ์สิทธิ์ แผ่นยันต์ ท่านต้องจารมากมายเตรียมเอาไว้เพื่อสร้างเหรียญรุ่นแรก ท่านตั้งใจว่าจะปลุกเสกเดี่ยวตลอดไตรมาสพรรษานี้ ทุกวันไม่ขาด 3 เดือนเต็ม เป็นรุ่นแรกต้องเต็มที่จริงๆ
เหรียญรุ่นแรกของ หลวงพ่อพร วัดบางแก้ว จะเปิดให้ผู้สนใจ บรรดาญาติโยมใกล้วัด ไกลวัด สั่งจองได้ล่วงหน้า เพราะสร้างจำนวนเท่ากับสั่งจองเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นท่านไม่มีกำลังพอจะสร้างเอาไว้เผื่อ ด้วยความสนใจของบรรดาสานุศิษย์ จึงเปิดให้สั่งจองตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงวันที่10 กรกฎาคม 2553
1. เหรียญทองคำ หนักประมาณ 1 บาท ทำบุญ 30,000 บาท
2. เหรียญเงิน ทำบุญ 1,200 บาท
3. เหรียญนวโลหะ ทำบุญ 1,000 บาท
4. เหรียญเนื้อแร่พรประสิทธิ์ ทำบุญ 300 บาท
สถานที่สั่งจองที่ พระครูพิจิตรสรคุณ (พร ปภากโร) วัดบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โทร.034-331911 หรือที่ แฉ่ง บางกระเบา นิตยสารลานโพธิ์ (งานนี้ แฉ่ง ขันอาสาให้ท่าน)
หลวงพ่อพร ปภากโร จากวัดกลางบางแก้ว ไปสู่ วัดบางแก้ว ไม่มีคำว่า กลาง ทำเบี้ยแก้ได้ขลัง เดี๋ยวนี้มีคนไปขอจนต้องรอคิว เหรียญรุ่นแรกของท่านทุ่มเททำเต็มที่ตามความต้องการของสานุศิษย์ ท่านที่สนใจรีบสั่งจองตั้งแต่บัดนี้ เพราะทำเท่าจำนวนสั่งจองเท่านั้น เมื่อถึงวันปิดจองจะแจ้งจำนวนสร้างให้ทราบ เหรียญทุกเหรียญจะตอกเลข ตอกโค้ดทุกเหรียญ (แต่ไม่มีการจองเลข จะเรียงลำดับให้ตามใบจอง)
คลื่นลูกเก่า ซัดหาย ที่ชายหาด
คลื่นลูกใหม่ ใสสะอาด ซัดสาดเสริม
ใหม่แทนเก่า เข้าแทนออก เหมือนกรอกเติม
จาก ปู่เพิ่ม สู่ ปู่เจือ เหลือ พ่อพร
( ที่มา: ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1047 เดือนพฤษภาคม 2553 : หลวงพ่อพร วัดบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ภาพและเรื่องโดย..แฉ่ง บางกระเบา ) |