ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : การบูรณะพระอุโบสถ วัดพลานุภาพ แห่งลังกาสุกะ ปัตตานี



(D)


ขออนุโมทนาบุญจากเงินทุกบาททุกสตางค์... ที่พี่ ๆ ทุกท่าน ...มีใจร่วมบุญ บูชา วัตถุมงคล รุ่น มหามงคล โดยไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น จากรายการ
พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ ท้าวเวสสุวัณ รุ่น มหามงคล พ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ ปัตตานี
๑. พระกริ่งมหาเพชรกลับ (หล่อโบราณ) สูง 3.5 ซม. ฐานกว้าง 1.5 ซม.
๑.๑ เนื้อมหามงคล (นำฤกษ์ บูชาครู) สร้าง ๑๐๘ องค์ บูชาองค์ละ 3999 บาท (ตอกโค๊ด น.มหามงคล รันนัมเบอร์ทุกองค์)(หล่อโบราณ)

๒. พระชัยวัฒน์มหาเพชรกลับ (หล่อโบราณ) สูง 2 ฐานกว้าง 1 ซม.
๒.๑ เนื้อมหามงคล (นำฤกษ์ บูชาครู) สร้าง ๑๐๘ องค์ บูชาองค์ละ 1999 บาท ตอกโค๊ด น.มหามงคล รันนัมเบอร์ทุกองค์)(หล่อโบราณ) หมด

ทางเฮีย เวทย์ ยะลา ผู้จัดสร้าง ได้นำปัจจัยดังกล่าว ถวายให้วัด พลานุภาพ ...แล้ว นะครับ...เป็นเงินเบื้องต้น.................หนึ่งล้าน สาม หมื่น กว่าบาท... เพื่อชำระค่างานช่าง บูรณะพระอุโบสถ วัดพลานุภาพ แห่งลังกาสุกะ ปัตตานี

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:35 น.]



โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:37 น.] #1176771 (1/15)


(D)


วัดพลานุภาพเป็นวัดเก่าเเก่ อายุราวๆ 300 ปีเเล้ว มีพระทั้งวัด 7 รูป เจ้าอาวาส คือ พ่อท่านพรหม ธมฺมธิโร ปัจจุบัน ท่านอายุย่าง 93 เเล้ว เเต่ยังดูอ่อนกว่าอายุจริงๆเป็นสิบปีเลยครับ และ เมื่อผม(Mr.95) เข้าไปกราบนมัสการ รู้สึกได้เลยครับว่าท่าน มีเมตตามาก ๆ ท่านจะถ่อมตนมาก เวลามีชาวบ้านมากราบขอพร หรือ มาเล่าเรื่องประสบการณ์ที่ได้พบเห็นจากหลวงปู่ ท่านจะพูด เป็นภาษาใต้ ที่แปลว่า ไม่พูด ๆ ท่านบอกว่าท่านอยู่เพื่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าใครมีสัจจะ คิดดี ทำดี เทวดาก็คุ้มครอง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ก็คุ้มครอง ท่านเป็นพระที่ไม่เอาอะไรจริง ๆ ผมลงใต้มาห้าวัน ตั้งใจลงมาเพื่อกราบท่าน พอมาถึงวัด วัดยังเป็นแบบโบราณ ๆ สภาพร่มรื่น พอเข้าไปกราบท่าน ท่านอัธยาศัยดีมาก ไม่ต้องมีลูกศิษย์มาคอยนั่งกำกับ หรือ คอยมาบอกว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ และ ตลอดเวลา ๒ วัน ที่ไปวัด ยังไม่เคยได้ยินพ่อท่านเอ่ยออกมาเลยว่า ให้โยมที่มาสร้าง พระรุ่นมหามงคล ช่วยสร้างนั่น บูรณะนี่ แถมพอขอรับเป็นเจ้าภาพทำ ท่านก็บอกว่า ให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าทำหมดเสียคนเดียว เงินนะไม่ต้องเอามา เอาไม้กวาดทางมะพร้าวมา ท่านชอบ...นี่คือสิ่งที่ผมได้เห็น ได้สัมผัสมา หลวงปู่ เป็น พระดี พระสุปฏิปันโน ที่ผมกราบแบบสนิทใจจริง ๆครับ ไม่มีอะไรตะขิดตะขวงใจเลยครับ

ภาพพระอุโบสถ วัดพลานุภาพ ก่อนบูรณะครับ

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:39 น.] #1176773 (2/15)


(D)


ภาพพระอุโบสถ วัดพลานุภาพ ก่อนบูรณะครับ

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:41 น.] #1176776 (3/15)


(D)


ภาพพระอุโบสถ วัดพลานุภาพ กำลังบูรณะครับ

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:46 น.] #1176779 (4/15)


(D)


ภาพพระอุโบสถ วัดพลานุภาพ กำลังบูรณะครับ

เรื่องดีๆ สิ่งดีๆ ไม่ได้มีบ่อย ๆ "การได้เกิดเป็นมนุษย์ ที่อยู่ในศาสนพุทธ ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ" ดังนั้นเมื่อเราท่านทั้งหลายต่างก็ได้เกิดมาแล้ว อยู่ในพระพุทธศาสนาแล้ว ได้มีพระรัตนตรัยแล้ว ได้มีวัตถุมงคล เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวและเป็นเครื่องเตือนสติเตือนใจแล้ว ก็จงมาร่วมกันทำนุบำรุง ศาสนา วัดวาอาราม ให้มั่นคงยืนนานครับ ไม่จำเป็นครับว่าจะต้องเป็นที่นี่ ที่วัดพลานุภาพที่เดียว แต่ที่ทุกที่ ที่มีพระผู้ประพฤติปฏิบัติดี ที่ที่มีคณะสงฆ์รักษาธรรมวินัย ทำกิจอันชอบ ก็ขอให้ทุกท่านทุกคน จงช่วยกันบำรุงดูแล วัดวาอาราม ครูบาอาจารย์ เหล่านั้น ให้อยู่เป็นปกติสุขตามหลักธรรมคำสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อลูกหลานของเราจะได้มีที่พึ่งอันดี ในวันต่อๆ ไปครับ..และ...ผู้น้องขอบอกได้เต็มที่ว่า พ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ นั้นถือได้ว่าเป็นพระภิกษุสงฆ์อีกหนึ่งเนื้อนาบุญอันประเสริฐของดินแดนลังกาสุกะ.......ที่อยากจะเชิญชวนท่านทั้งหลายไปกราบนมัสการขอพร ท่านครับ ถ้ามีโอกาสผ่านไป.....ขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญทุกท่านครับที่ต่างมาช่วยกันจองพระกริ่งมหาเพชรกลับ พระชัยวัฒน์มหาเพชรกลับ และ ท่านท้าวเวสสุวัณ รุ่นมหามงคล ในครั้งนี้..

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:46 น.] #1176780 (5/15)


(D)


สมัยหนึ่งครั้งในพุทธกาล......เมื่อพระกษิตฺครรภโพธิสัตว์ได้พรรณาถึงการสวดมนต์ภาวนาพระนามของ พระพุทธเจ้าทั้งหลายจบลง ท่านก็ได้กราบอาราธนาทูลขอให้พระบรมศาสดา แสดงพระธรรมเทศนาว่าด้วยเรื่องบุญกุศลแห่งการบริจาคทาน พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า
" ตถาคตจะถือเอาโอกาสที่พวกท่านทั้งหลายจากทั่วทิศพิภพที่ร่วมประชุมธรรม ในชั้นดาวดึงส์เทวโลกนี้อธิบายถึง อานิสงส์ของการบริจาคทาน ขอให้ท่านทั้งหลาย จงตั้งใจฟัง การบริจาคทานของปุถุชนในโลกนั้นมีเหตุปัจจัย ที่ทำให้ได้อานิสงส์ มากน้อยต่างกัน บ้างได้รับผลบุญในชาติเดียว บ้างได้รับผลบุญใน 10 ชาติ บ้างได้รับผลบุญใน 100 ชาติ 1000ชาติ ต่อเนื่องกันไป
" ในโลกียโลกนั้นหากบรรดาพระราชา มหากษัตริ์ ขุนนาง อำมาตย์ ข้าราชบริพาร ตลอดจนสมณะชีพราหมณ์ นักบวช นักพรต และ ปุถุชนธรรมดาทั้งหลายเมื่อพบคนที่ตกทุกข์ได้ยาก หูหนวกตาบอด ต้องลำบากแสนเข็ญ ด้วยเหตุนานาประการ หากบุคคลผู้นั้นไม่ว่าจะอยู่ในวรรณะใด สถานะใด มีจิตเมมตาบริจาคทาน แก่พวกเค้าเหล่านั้น โดยหยิบยื่นวัตถุทานทั้งหลายให้ด้วยมือตนเองพร้อมทั้งกล่าวคำปลอบประโลม แก่บรรดาผู้ทุกข์ยาก กุศลที่จะได้รับมากมายดั่งเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา ทั้งนี้เพราะจิตเมตตาอันบริสุทธิ์ ที่มีต่อผู้ซึ่งกำลังตกทุกข์ได้ยาก ทรงพลานุภาพยิ่ง อานิสงส์แห่งการบริจาคทานด้วยจิตเมตตาอันบริสุทธิ์จะส่งผลให้ บุคคลผู้นั้น ได้เกิดอยู่ในชาติตระกูลที่สูงส่งเพียบพร้อม ไปด้วย พระศฤงคาร เจริญรุ่งเรือง สมบรูณ์พูนสุขอย่างหาที่เปรียบมิได้
หากผู้ใดพบเห็น วัดวาอาราม ศาสนสถาน สถานปฏิบัติธรรมซึ่งมีพระรูปขององค์พระพุทธะ พระโพธิสัตว์ ประดิษฐานอยู่แล้วมีจิตศรัทธา เข้าไปนมัสการกราบไหว้สักการะ ตลอดจนได้บำเพ็ญทานสร้าง ถนนหนทางสะพาน ทะนุบำรุงสาธารณสมบัติ สร้างพระคัมภีร์พระสูตร หนังสือธรรมะ เพื่อค้ำชูจรรโลงพระศาสนา บุคคลผู้นั้นจะได้เสวยตำแหน่ง เป็นท้าวสักกะเทวราชอยู่เป็น 10 กัปป์
หากผู้ใดได้พบเห็น วัดวาอาราม ศาสนสถาน พระพุทธปฏิมา รูปเคารพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทรุดโทรมถูกทิ้งร้าง แล้วบังเกิดจิตศรัทธา ทำการบรูณะซ่อมแซม ปฏิสังขรณ์ และ ยังชักชวนสาธุชนร่วมบุญกันอย่างสมัครสมาน สามัคคี ด้วยอานิสงส์จากการกระทำดังกล่าว จะส่งผลให้บุคคลนั้น ได้ไปจุติเป็น เทพพรหมชั้นสูง 1000 ชาติ

ส่วนผู้ใดที่ได้มาร่วมใจกันบำเพ็ญทานสร้างบุญโดยการ สละทรัพย์ สละแรงกาย สละปํญญาความรู้ ก็จะได้ไปเกิดเป็น พระราชาเจ้าเมืองร้อยชาติ และหากทุกคนได้อธิฐานจิต ต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธปฎิมา ที่ซ่อมเสร็จภายในโบสถ์วิหาร หรือ สถานปฏิบัติธรรมนั้นๆ ผู้ได้ร่วมบุญทั้งหมดก็จะสามารถเข้าสู่กระแสแห่งพระนิพพานได้ถ้วนหน้า

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:49 น.] #1176781 (6/15)


(D)


ปฐมบทแห่งวัดช้างให้ พุทธศักราช 2480 ตำนานของวัดช้างให้เริ่มจากเมื่อครั้ง ท่านพระครูมนูญสมการ แห่ง วัดพลานุภาพ ได้ชวนชาวบ้านละแวกใกล้เคียงให้ไปช่วยกันบูรณะวัดช้างให้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงสถานที่รกร้างว่างเปล่า มีแต่สถูปหรือเขื่อนหลวงปู่ทวดเท่านั้นที่มีผู้คนเข้ามาสักการะกราบไหว้บูชา ในช่วงแรกได้มอบหมายให้ พระช่วง ศิริขันธาโร วัดพลานุภาพ พร้อมด้วยพระอนุจรไปอยู่จำพรรษา เพื่อเป็นเขตสังฆาวาสให้ประชาชนในละแวกบ้านไร่ ได้ยึดเหนี่ยวเป็นศูนย์รวมของจิตใจ ในขณะนั้นมีเศรษฐินี ใจบุญชื่อ โยมยี่เหนี่ยว แห่งตลาดปัตตานี เป็นโยมอุปัฏฐากให้ความช่วยเหลือในด้านทุนทรัพย์อย่างสม่ำเสมอ ต่อมาในปี พ.ศ.2484 วัดช้างให้มีอันต้องร้างเจ้าอาวาสอีกครั้ง เมื่อพระช่วง ศิริขันธาโร ขอลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาส นายบุญจันทร์ อินทกานต์ กำนันในขณะนั้น พร้อมกับประชาชน ตำบลบ้านไร และผู้ที่เกี่ยวข้องกับวัดช้างให้ ได้ไปหา พระอธิการแดง ธมฺมโชโต (พระครูภัทรทรณ์โกวิท) เจ้าอาวาสวัดนาประดู่ เพื่อกราบเรียนขอพระสงฆ์ ที่มีอายุพรรษาพอสมควรไปเป็นเจ้าอาวาสองค์ใหม่แทน ท่านพระครูจึงตกลงใจส่งพระอาจารย์ทิมให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างให้ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 (ซึ่งตรงกันกับวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ก่อนวันเข้าพรรษา 1 วัน ) โดยในระยะแรกที่พระอาจารย์ทิมได้เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสใหม่ๆ นั้น ท่านยังไม่ได้อยู่ประจำที่วัด เนื่องจากติดภารกิจในการเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมอยู่ที่วัดนาประดู่ จึงใช้วิธีเดินทางไปมาระหว่าง 2 วัด เพื่อให้ภารกิจที่รับผิดชอบอยู่ลุล่วงไปด้วยดี เมื่อครั้งที่ประเทศไทย ได้เข้าร่วมสงครามโลก ครั้งที่ 2 กองกำลังทหารญี่ปุ่นใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้งกองทัพ และได้บุกเข้ายึดรถไฟสายใต้ซึ่งวิ่งจากหาดใหญ่ไปสุไหงโกลก เพื่อขนกำลังทหารและสัมภาระต่างๆ โดยใช้เส้นทางที่ผ่านหน้าวัดช้างให้เป็นหลัก ส่งผลให้ชาวบ้านในละแวกนั้นเกิดความตื่นตระหนกตกใจและหวาดกลัว การไปมาหาสู่กันก็ยิ่งลำบากมากขึ้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว พระอาจารย์ทิมจึงจำเป็นต้องตัดสินใจอยู่จำพรรษาที่วัดช้างให้ เพื่อมาคอยช่วยเหลือดูแลประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยสงคราม และเป็นขวัญกำลังใจของชาวบ้านป่าไร ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (พระอาจารย์ทิมเข้ามาอยู่วัดช้างให้ ได้เพียง 4 เดือน ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2) ในช่วงเวลานี้เอง ทำให้การบูรณะสถานที่ต่างๆ ภายในวัดต้องหยุดชะงักลงเพราะในระหว่างสงครามโลกนั้น นอกจากปัญหาเรื่องการเดินทางแล้ว พระอาจารย์ทิมยังต้องแบกรับภาระหนัก เรื่องการดูแลชาวบ้านและผู้คนที่มาอาศัยชั่วคราวไม่เว้นแต่ละวัน จนชาวบ้านต่างรู้สึกซาบซึ้งในความเป็นผู้มีน้ำใจเอื้ออาทรต่อผู้ตกทุกข์ได้ยากของพระอาจารย์ทิม เจ้าอาวาส วัดช้างให้รูปนี้เป็นอย่างมาก ชาวบ้านจึงให้ความเคารพศรัทธาเป็นยิ่งนัก และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงโดยญี่ปุ่นเป็นฝ่ายยอมแพ้ ชาวบ้านจึงต่างร่วมมือร่วมใจ กันช่วยเหลือพระอาจารย์ทิมในการบูรณะวัดช้างให้ตลอดมา ซึ่งในการบูรณะวัดในครั้งนั้นทำให้ภายในวัดมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งขึ้น รวมถึงได้มีการบูรณะสถูปศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุอัฐิของหลวงปู่ทวด ซึ่งเป็นสิ่งจูงใจอีกแห่งหนึ่งของวัดช้างให้ ที่ทำให้ประชาชนต่างชาติต่างภาษาพากันหลั่งไหลเดินทางมาสักการบูชา อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:49 น.] #1176782 (7/15)


(D)


คำว่า "ทุ่งพลา" เป็นชื่อเรียกบริเวณที่ต้นพลาขึ้นอยู่กันหนาแน่น ต้นพลาเป็นไม้ยืนต้น เนื้อแข็ง ชาวบ้านนำไปเผาถ่าน และเป็นไม้ฟื้นสำหรับสตรีไทยคลอดลูก และต้องอยู่ไฟ เพราะทำความร้อนได้ดี สำหรับลูกพลาอ่อน เด็กนิยมมาใส่กระบอกไม้ไผ่มาเป็นกระสุนยิงเล่น ลูกพลาเมื่อสุกจะมีสีดำรสหวาน ทำให้บริเวณนี้ชื่อ เรียกว่า "ทุ่งพลา" จึงเป็นชื่อเรียกมาจนถึงปัจจุบัน
ทิศเหนือ ติดกับ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
ทิศตะวันออก ติดกับ ต.ปากล่อ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
ทิศใต้ ติดกับ ต.แม่ลาน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
ทิศตะวันตก ติดกับ ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:50 น.] #1176785 (8/15)


(D)


ข้อมูลสถานที่สำคัญของตำบลทุ่งพลา
1. วัดพลานุภาพ
2. น้ำตกอรัญวารินทร์
3. มัสยิดบ้านเกาะตา
4. เขาพระเณร
5. เขื่อนห้วยวังไทร
6. วัดอรัญวาสิการาม (วัดห้วยเงาะ)

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:51 น.] #1176786 (9/15)


(D)


ข้อมูลสถานที่สำคัญของตำบลทุ่งพลา
1. วัดพลานุภาพ
2. น้ำตกอรัญวารินทร์
3. มัสยิดบ้านเกาะตา
4. เขาพระเณร
5. เขื่อนห้วยวังไทร
6. วัดอรัญวาสิการาม (วัดห้วยเงาะ)

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 13:56 น.] #1176788 (10/15)


(D)


วัดพลาณุภาพวัดเก่าแก่สมัยรัชกาลที่๕และตาหลวงพรหมเจ้าอาวาสที่เข้มขังปลุกเสกเดียวท้าวเวฬสุวรรณ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 เสาร์ ๕

โดยคุณ nkkrala (2K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 14:00 น.] #1176794 (11/15)


(D)



โดยคุณ kon2004_9 (8K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 17:35 น.] #1176997 (12/15)
พระดีในพื้นที่ปัตตานี อีก หนึ่งรูป

โดยคุณ sitti (2.6K)  [ส. 05 มิ.ย. 2553 - 20:17 น.] #1177195 (13/15)

โดยคุณ visut34 (825)  [อา. 06 มิ.ย. 2553 - 01:08 น.] #1177563 (14/15)
ขอบคุณครับ พี่ชานนท์ ที่ยังไม่ลืมน้อง

โดยคุณ pimchayapangon (3.1K)  [อา. 06 มิ.ย. 2553 - 02:13 น.] #1177576 (15/15)
ชื่อดี พิธีเข้มขลัง วัตถุประสงค์ชัดเจน น่าเลื่อมไส

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5