(D)
ทอดสายตาทั่วแผ่นดินแล้ว ต้องยอมรับว่าพระอาจารย์โอเป็นพระเกจิดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดเวลานี้ เป็นผู้ทรงภูมิรอบรู้ในพระเวทวิทยาคมต่างๆ อย่างแตกฉาน ชนิดหาพระเกจิรุ่นเดียวกันมาเทียบได้ยาก เพราะแก่กล้าวิชาเหมือนพระเกจิในยุคสมัยอดีต (เช่น จาด จง คง อี๋ ฯลฯ) ท่านได้สืบทอดวิชาสายสำเร็จลุนจากคุณปู่ ซึ่งเป็นหมอธรรมผู้มีชื่อเสียงแห่งอำเภอหล่มสัก เรียนวิชาจากฤาษีผู้เป็นศิษย์ของบรมครูพูพูอ่อง (อาจารย์ของบุเรงนอง) รวมทั้งสืบทอดวิชาสายเขาอ้อจากสำนักกุญแจไสยศาสตร์อันลือลั่นแห่งปักษ์ใต้ ฯลฯ
ด้วยความเป็นผู้คงแก่เรียนใฝ่ใจศึกษาในศาสตร์แขนงต่างๆ มาตั้งแต่วัยเยาว์ ท่านจึงได้ศึกษาค้นคว้าสุดยอดวิชาสำคัญต่างๆ นับตั้งแต่ หลักอภิธรรม , ตำราพิชัยสงคราม , พระเวทมนตราโบราณทุกแขนง , ตัวธรรมล้านช้าง ท่านสามารถอ่านออกเขียนได้อย่างกว้างขวาง และลึกซึ้งดุจทรายในแม่น้ำคงคา ท่านตั้งใจไว้ว่าจะขอเป็นผู้อนุลักษณ์และสืบทอดพระเวทมนตราโบราณมิให้สาบสูญไปตามกาลเวลา
.
พระอาจารย์โอ , พระอาจารย์ธวัชชัย หรือที่ลูกศิษย์เรียกกันฮิตติดปากว่า พระอาจารย์โอ พุทโธรักษา เหตุที่เรียกว่าพระอาจารย์โอ พุทโธรักษานั้น ก็คงจะมาจากคำให้พรลูกศิษย์ว่า พุทโธรักษา อยู่บ่อยๆ พระอาจารย์โอท่านเป็นพระนักปฏิบัติที่เคร่งครัดและคงแก่เรียน เปรียบเสมือนตู้พระเวทเคลื่อนที่ ที่ใช้เก็บตำราต่างๆ เลยทีเดียว โดยเริ่มต้นจากวิชาพระธรรมเก้าโกฏิจากคุณปู่ของท่าน ศึกษาจากพระฤาษีและพระเกจิอาจารย์อีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่ทรงวิทยาคุณเข้มขลังด้วยกันทั้งสิ้น
ชาติภูมิ
พระอาจารย์โอ เดิมชื่อ ธวัชชัย เป็นคนพื้นเพหล่มสักโดยกำเนิด ปู่ของท่านเป็นหมอธรรมแพระอาจารย์โอ พุทโธรักษา
เขียนโดย หมอธรรมน้อย เมื่อ 5 มกราคม 2010 เรื่องควรรู้
ก่กล้าวิชาอาคม เคยสยบภูตผีปีศาจที่ออกอาละวาดมานักต่อนัก ก่อนที่ท่านจะเกิดมานั้นมารดาของท่านฝันไปว่ามีคนชรานำทองคำมามอบให้หลายหีบ ต่อมาจึงตั้งครรภ์และคลอดท่านใต้ต้นมะขาม
เมื่อปู่ของท่านทราบเรื่องจึงลองคำนวณวัน เดือน ปีเกิดของท่านดูจึงทราบว่าเป็นผู้มีวาสานาบารมีในทางธรรมมาเกิด เพราะความเชื่อในแถบภาคเหนืออีสานนั้น เชื่อกันว่าถ้าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมรณภาพลงจะกลับมาเกิดทันที เพื่อสั่งสมบุญบารมีต่อ
เมื่อวัยเยาว์ท่านเป็นที่รักและเอ็นดูของคุณปู่มาก เรียกว่าดูแลจนไม่ยอมให้คลาดสายตาเลย คุณปู่มักจะนำท่านขึ้นขี่คอไปทำบุญที่วัดด้วยกันเป็นประจำ
เสาะแสวงหาพระอาจารย์ดีร่ำเรียนพระเวทย์วิชา
ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมี หลวงพ่ออำพล วัดชลประทาน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่ออำพลนี้เป็นพระภิกษุทรงวิทยาคุณแห่งหล่มสัก ได้เมตตาถ่ายทอดวิชาตั้งธาตุต่างๆ , วิชาปลุกตัว , วิชารักษาโรค , วิชาแคล้วคลาดกำบัง ให้กับสามเณรโอจนเชี่ยวชาญ ระหว่างนี้เอง สามเณรโอได้มีนิมิตว่า มีดวงวิญญาณโอปาติกะซึ่งเป็นเจ้าของวัดมาบอกให้ท่านไปนำของวิเศษที่เก็บซ่อนอยู่ในเสาเอกของวัด เมื่อลองไปสำรวจดูก็พบตำราวิชามหาเสน่ห์เล่มหนึ่งสภาพเก่าคร่ำคร่า แต่พอยังมองเห็นอักขระเลขยันต์ได้ ซึ่งท่านก็ได้ตั้งหน้าตั้งตาร่ำเรียนและทดสอบด้วยตนเองจนแน่ใจ ปรากฏผลมีอิทธิคุณรุนแรงมาก
ภายหลังเมื่อสึกหาลาเพศจากสามเณรแล้ว ท่านจึงเริ่มสร้างเครื่องรางของขลังให้เพื่อนๆ ทดลองใช้ดู ปรากฏว่าได้ผลชะงัด เพื่อๆจึงพากันเรียกว่า อาจารย์ มาตั้งแต่บัดนั้น และเรียกเรื่อยมาตราบจนกระทั่งท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ช่วงนี้ได้ไปศึกษาวิชาพระธรรมเก้าโกฏิจากพระอาจารย์บัว ที่เป็นชาวจังหวัดอุบลฯ และออกแสวงหาครูบาอาจารย์ร่ำเรียนสรรพเวทวิชาต่างๆ จนกระทั่งได้พบกับพระฤาษี นาม ฤาษีจันทา ศิษย์ผู้สืบทอดพระเวทวิทยามาจากบรมครูฤาษีพูพูอ่อง แห่งประเทศพม่า
บรมครูพูพูอ่อง พระอาจารย์แห่งบุเรงนอง และฤาษีจันทรา
ท่านฤาษีพูพูอ่องนี้กล่าวกันว่า ท่านเป็นพระอาจารย์องค์หนึ่งของพระเจ้าบุเรงนอง (ผู้ชนะสิบทิศ) จอมกษัตริย์ของพม่า ในสมัยนั้นท่านฤาษีพูพูอ่องได้สำแดงฤทธานุภาพเหาะขึ้นไปนมัสการพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ให้ผู้คนชาวพม่าเห็นเป็นอัศจรรย์ จนพระเจ้าบุเรงนองเกิดพระราชศรัทธาถวายตัวเป็นศิษย์ และพระองค์ทรงสร้างพระเครื่องรูปพระมหามัยมุนี ด้านหลังเป็นรูปบรมครูพูพูอ่องกำลังเหาะเหินเดินอากาศ มาให้ท่านฤาษีพูพูอ่องปลุกเสก เพื่อแจกทหารที่ไปราชการสงคราม แล้วส่วนหนึ่งนำไปบรรจุไว้ในถ้ำแห่งหนึ่งในเขตประเทศพม่า ต่อมามีชาวบ้านไปพบพระกรุนี้เข้า จึงมาบอกให้หลวงพ่ออุตตมะทราบ เนื่องจากหลวงพ่ออุตตมะบอกให้ช่วยค้นหามานานแล้ว หลวงพ่ออุตตมะนำพระเครื่องกลับมาเมืองไทยและแจกจ่ายให้ศิษยานุศิษย์จึงเป็นที่มาของ พระยอดขุนพลบุเรงนอง ที่ทรงอิทธิคุณแรงกล้า เป็นที่เสาะแสวงหาของนักสะสมพระเครื่องทั่วไปอยู่ในเวลานี้
ในปัจจุบันยังคงมีหลายท่านเชื่อว่า ท่านฤาษีพูพูอ่องยังมีชีวิตอยู่ยืนยาวในป่าแถบชายแดนพม่า ยังเร้นกายถ่ายทอดวิชาและตามคุ้มครองรักษาว่านยาและเหล่าศิษยานุศิษย์เสมอมา แม้แต่ฤาษีจันทาเองก็บอกว่าตนเองมีชีวิตอยู่หลายร้อยปีแล้วเช่นกัน
ฤาษีจันทา ผู้สืบทอดวิชาจากบรมครูพูพูอ่อง
เมื่อพบกับท่านฤาษีจันทาครั้งแรก ท่านฤาษีได้แสดงฤทธิ์หลายอย่างให้พระอาจารย์โอได้ประจักษ์ในพลานุภาพแห่งฤทธิ์อภิญญาและพระเวทมนตรา จนพระอาจารย์โอเกิดความศรัทธา จึงจัดพานครูแต่งขันธ์ห้า ทำการยกครูถวายพระฤาษี เพื่อขอเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชาอย่างจริงจัง ท่านฤาษีจันทาก็เมตตาสั่งสอนให้หมดสิ้นวิทยายุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นวิชาวาจาสิทธิ์ (พระยาปากเปิด) , วิชาธรรมธาตุ , วิชาบังบด , วิชากาสะท้อน จนพระอาจารย์โอมีความเชี่ยวชาญชำนาญพระเวทดีแล้ว ท่านฤาษีจันทาก็จากไปจนไร้ร่องรอยจนทุกวันนี้
เป็นศิษย์สำนักกุญแจไสยศาสตร์
ต่อมาพระอาจารย์โอได้ไปพบกับ ท่านอาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ ไชยคีรี บุตรของท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี ปรมาจารย์ผู้สืบทอดวิชาสำนักเขาอ้อและผู้ก่อตั้งสำนักกุญแจไสยศาสตร์ ได้ศึกษาศาสตร์วิชาสำนักเขาอ้อแขนงต่างๆ จากอาจารย์ณรงค์ฤทธิ์จนแก่กล้าขึ้นตามลำดับ สามารถเข้าถึงวิถีพระธรรมราชของปู่คง หรือท่านอาจารย์คง วัดแค (ปรมาจารย์แห่งท่าขุนแผนและอาจารย์ชุม ไชยคีรี) หลังสิ้นบุญท่านอาจารย์ณรงค์ฤทธิ์แล้ว พระอาจารย์โอก็ไปขอต่อวิชาจากคุณแม่บุญสืบ ไชยคีรี ภรรยาผู้สืบสายวิชามาจากอาจารย์ชุม ไชยคีรี
ตำราพระเวทเคลื่อนที่
เป็นที่รู้กันในหมู่ศิษย์ใกล้ชิดว่าท่านได้ค้นคว้าเรียนรู้พระเวทวิทยาคมจากครูบาอาจารย์ครอบคลุมครบทุกสาย เช่น สำนักเขาอ้อ , วัดประดู่ทรงธรรม , เขาพนมกุเลน , ภูเขาควาย , ปรมาจารย์สายพม่า เป็นต้น ด้วยความที่พระอาจารย์โอเป็นผู้คงแก่เรียน ใฝ่ใจศึกษาในศาสตร์แขนงต่างๆ หากทราบว่าใครมีวิชาดี ท่านก็จะดั้นด้นไปศึกษาเรียนหรือต่อวิชาด้วยทันทีไม่ว่าจะยากลำบากสักปานใด เมื่อได้ยกครูร่ำเรียนวิชาด้วยความเคารพนอบน้อมแล้ว ก็จะขยันหมั่นเพียรร่ำเรียนจนสำเร็จวิชานั้นๆ ทุกครั้งไป และนำสรรพวิชาเหล่านั้นกลับมาสงเคราะห์ช่วยเหลือศิษยานุศิษย์และญาติโยมที่เดือดร้อนให้คลายทุกข์ใจกันไป เท่าที่ท่านจะทำได้ เมื่อเขาเหล่านั้นพ้นทุกข์แล้ว ท่านก็จะสอนให้ดำรงชีวิตต่อไปในศีลในธรรมตามครรลองของพุทธศาสนา ตามแบบโบราณาจารย์รุ่นเก่าที่นิยมปฏิบัติกันสืบต่อกันมา
|