| ชื่อพระเครื่อง |
วัดใจ...พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อดี วัดเทวสังฆาราม (วัดหนือ) ปี 2506 |
| รายละเอียด |
พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อดี วัดเทวสังฆาราม (วัดหนือ) ปี 2506
หลวงปู่ดี พุทธโชติ (29 มกราคม พ.ศ. 2417 - 19 มิถุนายน พ.ศ. 2510) วัดเทวสังฆาราม ศิษย์ผู้สืบทอดวิชาจากหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว และหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ ท่านโดดเด่นทางด้านเมตตามหานิยมดังมีคำขวัญของชาวเมืองกาญจน์ว่า ถ้าเจ้าชู้ต้องวัดเหนือ ถ้าเป็นอ้ายเสือต้องวัดใต้ วัดเหนือก็หมายถึงหลวงปู่ดี วัดเหนือนั่นเอง
พระเทพมงคลรังษี หรือ หลวงปู่ดี พุทธโชติ อดีตเจ้าอาวาสวัดเหนือ (วัดเทวสังฆาราม) ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พระเกจิที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากชาวเมืองกาญจน์ อีกทั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ของสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครั้งที่พระองค์กลับมาอุปสมบทที่วัดเหนือและจำพรรษาอยู่ 1 พรรษา จากนั้นกลับสู่วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงอุปสมบทซ้ำเป็นธรรมยุตอีกครั้ง โดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์
ท่านเป็นศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว และหลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ (วัดไชยชุมพลชนะสงคราม) ท่านโดดเด่นทางด้านเมตตามหานิยมดังมีคำขวัญของชาวเมืองกาญจน์ว่า ถ้าเจ้าชู้ต้องวัดเหนือ ถ้าเป็นอ้ายเสือต้องวัดใต้ ซึ่งวัดเหนือก็หมายถึงหลวงปู่ดี วัดเหนือ ส่วนวัดใต้ก็คือ หลวงปู่เปลี่ยน
หลวงปู่ดีเกิดที่บ้านทุ่งสมอ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2416 บิดา ชื่อ นายเทศ มารดาชื่อ นางจันทร์ นามสกุลเอกฉันท์ เมื่ออายุ 18 ปีได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดทุ่งสมอ มีพระอธิการรอด วัดทุ่งสมอ ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่เป็นพระอุปัชฌาย์
อยู่ได้ 6 เดือน ก็ลาสิกขาออกมางานครอบครัว จนอายุครบบวชจึงอุปสมบท ณ วัดทุ่งสมอ มี พระครูวิสุทธิรังษี (หลวงปู่ช้าง) วัดบ้านทวน เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการรอด และ พระใบฏีกาเปลี่ยน (ต่อมาได้รับสมณศักดิ์ เป็น พระวิสุทธิรังษีเจ้าคณะ จ. กาญจนบุรี) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายา พุทธโชติ
ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดทุ่งสมอ ใฝ่ใจศึกษาเล่าเรียนทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ โดยมีความชอบเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการสวดปาฏิโมกข์ จึงมีความมานะพยายาม จนที่สุด สามารถท่องปาฏิโมกข์ได้จบบริบูรณ์ในพรรษาที่ 2
ช่วงออกพรรษาท่านมักธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ ศึกษาวิปัสสนาและวิทยาคมเพิ่มเติมกับพระเกจิหลายรูป อาทิ พระอาจารย์เกิด วัดกกตาล จ.นครปฐม, หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจน บุรี, หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ฯลฯ
ต้นพรรษาที่ 4 หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ ชวนท่านมาเรียนบาลีที่วัด ท่านก็มาอยู่ที่วัดใต้ แต่ไม่ได้เรียนบาลี แต่มาท่องบทสวดมนต์แทน จากนั้นจึงไปอยู่กรุงเทพที่วัดรังษี ปัจจุบันรวมเข้าไว้ในวัดบวรนิเวศ ซึ่งขณะนั้นท่านเจ้าคุณธรรมกิจเป็นเจ้าอาวาส โดยได้ศึกษาภาษาบาลีกับท่านอาจารย์ลี แต่ศึกษาไปได้เพียงผูกเดียว อาจารย์ผู้สอนก็ลาสิกขาไป ท่านก็เลยกลับมาอยู่วัดทุ่งสมอตามเดิม
ในพรรษาที่ 12 ที่หลวงปู่ดีมาจำพรรษาที่วัดรังษี ครั้งที่ 2 นั้น ท่านพบพระครูสิงคิบุราคณาจารย์ (หลวงพ่อสุด) เจ้าอาวาสวัดเหนือ ซึ่งรู้จักกันมาก่อนในครั้งที่ญาติโยมนิมนต์ให้ไปสวดที่วัดใต้หลวงพ่อสุด ทำหนังสือเดินทางเพื่อไปนมัสการพระเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า หลวงปู่ดีจึงขออนุญาตเดินทางไปด้วย ตลอดทางทั้งไปและกลับ หลวงพ่อสุดเกิดอาพาธ ซึ่งหลวงปู่ดี คอยปรนนิบัติดูแลจนกลับถึงวัดเหนือ
หลวงพ่อสุด ยังปรารภว่า ถ้าไม่ได้หลวงปู่ดีไปด้วยกัน ท่านก็คงมรณภาพเสียที่กลางทางเป็นแน่
หลวงปู่ดีกลับมาอยู่กรุงเทพฯ แต่ก็มีจดหมายไต่ถามทุกข์สุขกันเสมอมา บางครั้งหลวงพ่อสุดลงมากรุงเทพฯจะมาแวะพักพูดคุย จนช่วงหลังๆ ท่านอาพาธหนัก เดินทางไปไหนไม่ได้ จึงมีจดหมายถึงหลวงปู่ดีขอให้ไปเยี่ยม ท่านจึงหาโอกาสขึ้นไปเยี่ยมที่วัดเหนือ หลวงพ่อสุด ให้ศิษย์นิมนต์หลวงปู่ดีอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ท่านก็ไม่รับปาก แต่ได้ช่วยดูแลกิจการต่างๆ เช่น สวดปาฏิโมกข์ หรือเทศน์แทนท่าน เป็นต้น
คราหนึ่ง หลวงพ่อสุดให้หลายคนมาขอร้องให้เป็นสมภาร ท่านก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด จนเมื่อหลวงพ่อสุดมรณภาพลง กรรมการและศิษย์วัด รวมทั้งชาวบ้านจึงนิมนต์ขอให้ท่านเป็นสมภารอีกครั้ง ซึ่งท่านไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงต้องรับเป็นเจ้าอาวาสวัดเหนืออย่างเต็มตัว
หลวงปู่ดีเป็นพระเถราจารย์ผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาจิต ท่านปรับปรุงและพัฒนาทุกอย่างในวัด ทั้งขนบธรรมเนียม ระเบียบพิธีการ และถาวรวัตถุต่างๆภายในวัด พระสงฆ์ทุกรูปมีวัตรปฏิบัติเรียบร้อย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นับได้ว่า วัดเหนือได้รับการพัฒนาในด้านต่างๆ จนเจริญรุ่งเรือง เป็นที่ชื่นชมศรัทธาของเหล่าสาธุชน แม้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระวชิรญาณวโรรส ยังทรงยกย่องให้เป็นตัวอย่างของวัดทั้งหลาย
ท่านได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา สมณศักดิ์สุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ พระเทพมงคลรังษ๊ และเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วาระสุดท้ายท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2510 สิริอายุ 94 ปี พรรษา 73 และจัดงานพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดเทวสังฆาราม เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2511 |
| ราคาเปิดประมูล |
100 บาท |
| ราคาปัจจุบัน |
160 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
| เพิ่มขึ้นครั้งละ |
30 บาท |
| วันเปิดประมูล |
จ. - 03 พ.ย. 2568 - 18:19:11 น. |
| วันปิดประมูล |
อ. - 04 พ.ย. 2568 - 21:51:56 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
| ผู้ตั้งประมูล |
นครเมืองเก่า (2.1K)  
|